วันนี้วันพระ วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑
“มัคคสมังคี” ภาพประกอบโดย มนสิกุล
บันทึกธรรม สัมมาสมาธิ (บทที่ ๓๑)
“มัคคสมังคี”
เขียนโดย พระอาจารย์ญาณวชิระ (เทอด ญาณวชิโร)
“มัคคสมังคี”
เพ่งความสนใจลงไปที่การลงมือปฏิบัติเพื่อให้ทุกข์ดับ จิตรวมดวงลงที่มรรค คือหนทางที่จะดับตัณหาอันเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด เมื่อลงมือปฏิบัติสมาธิก็ชื่อว่า เริ่มต้นลงมือทำให้ทุกข์ดับไป ตามเส้นทางแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ เมื่อมีความเห็นที่ถูกต้องมาตามลำดับเช่นนี้แล้ว ก็มีความดำริในใจที่จะดำเนินไปตามความเห็นที่ถูกต้องนั้น ก็ลงมือพูด ลงมือทำ ลงมือทำมาหาเลี้ยงชีพที่ถูกที่ควร มีความพยายามชอบ มีสติระลึกรู้ไว้เสมอว่า เรามีความเห็นเช่นนั้น แล้วก็มีสมาธิตั้งใจมั่น หมั่นปฏิบัติไปตามความเห็นที่ถูกต้องนั้น
เมื่อปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ ก็ชื่อว่าปฏิบัติในไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ และปัญญา เพราะมรรคมีองค์ ๘ ก็รวมลงที่ไตรสิกขา
การพูดชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ เป็นศีล
ความพยายามชอบ ความมีสติระลึกรู้ชอบ ความมีสมาธิชอบ เป็นสมาธิ
ความเห็นชอบ ความดำริชอบ เป็นปัญญา
ซึ่งมรรคมีองค์ ๘ ก็คือไตรสิกขา และไตรสิกขาก็คือมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
แต่มรรคมีองค์ ๘
ถ้าจะให้มีกำลังสามารถเจาะทะลุ
ชำแรกกิเลสออกมาได้
มรรคทั้ง๘ ข้อ
ต้องมารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เป็นมรรคสามัคคี
มรรคต้องสามัคคีกันรวมกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
พระอาจารย์ญาณวชิระ
เหมือนการฟั่นเชือกจะให้เหนียวแน่นกลมกลึง ต้องใช้เชือกแต่ละเส้นที่มีขนาดเท่ากัน เวลาฟั่นเป็นเกลียวจึงจะลงตัวกลมกลึงแนบสนิทแน่นติดกันดี ไม่มีช่วงไหนเล็กใหญ่เกินกว่ากัน สวยงาม มั่นคง แข็งแรง เหนียว ทน ควรแก่การใช้งาน
ถ้าเส้นหนึ่งใหญ่เส้นหนึ่งเล็ก เอามาฟั่นรวมกัน ฟั่นไปแล้วก็ไม่เท่ากัน ไม่แนบสนิทดี ไม่เหนียว ไม่ทน ไม่ควรแก่การใช้งาน
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส
จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
เชือกแต่ละเส้นก็คือมรรคแต่ละข้อ เมื่อฟั่นรวมกันแล้วก็จะเกิดมีกำลังขึ้นมา จึงต้องเอามาฟั่นรวมกันให้เป็นมรรคสามัคคี ด้วยการปฏิบัติสมาธิ การเริ่มลงมือปฏิบัติสมาธิก็คือขั้นตอนของการเริ่มเอามรรคแต่ละข้อมารวมกัน เหมือนการเริ่มลงมือฟั่นเชือก และเมื่อเริ่มลงมือฟั่นแล้วก็ดำเนินการฟั่นไปเรื่อยด้วยฉันทะ เชื่อมั่นว่าจะเป็นเชือกที่เหนียวแน่นขึ้นมา ทำการฟั่นด้วยความเพียรที่เป็นไปไม่หยุดหย่อน มีความขวนขวายเอาใจใส่ คอยตรวจสอบแต่ละส่วนแต่ละเส้นอยู่เสมอว่า เข้ากันดีไหม ส่วนไหนหลวมส่วนไหนแน่นก็ปรับปรุงแก้ไขให้กลมกลึงสนิทแน่น เรียกตามภาษาปากว่า มรรคสามัคคีกัน
แต่ถ้าจะเรียกให้ตรง ก็เรียกว่า “มัคคสมังคี”ความพรั่งพร้อมของมรรคแต่ละข้อ มรรคแต่ละข้อมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงไม่ก่อนไม่หลัง
มรรคทั้ง ๘ ข้อ
มารวมกันที่การปฏิบัติสมาธิ
เมื่อยกจิตขึ้นสู่องค์ภาวนาคือลมหายใจ
จะเพียรสังวรระวัง
ก็เพียรสังวรระวังอยู่ที่ลมหายใจ
จะละก็ละอยู่ที่ลมหายใจ
จะภาวนาก็ภาวนาอยู่ที่ลมหายใจ
จะตามรักษาก็รักษาอยู่ที่ลมหายใจ
พระอาจารย์ญาณวชิระ
และมีฉันทะเชื่อมั่นว่าลมหายใจจะทำให้เกิดความสงบ กำหนดลมหายใจต่อไปด้วยความเพียรชอบที่เป็นไปไม่หยุดหย่อน มีความขวนขวายเอาใจใส่ หมั่นตรวจสอบรอบด้านว่า จิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลมหายใจหรือไม่ หรือว่าลมหายใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตหรือไม่ ทำให้ลมหายใจกับจิตเป็นประหนึ่งเกลียวฟั่นเชือก
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส
จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
เมื่อจิตรวมดวงมีอารมณ์เดียวอยู่กับลมหายใจ แล้วละวางลมหายใจก้าวสู่ความว่างภายใน มีความเบิกบานเป็นเอกภาพสว่างไสวอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยปัญญา และอุเบกขาอันบริบูรณ์ ไตรสิกขาและมรรคก็ชื่อว่ารวมองค์กัน เป็นมัคคสมังคี แต่ถ้าจะพูดเพื่อสื่อสารให้เข้าใจกันง่ายตามภาษาชาวบ้าน ก็พูดว่า มรรคสามัคคีกัน
จุดที่องค์แห่งมรรครวมองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ก็คือการที่จิตรวมดวงลงรู้ปัจจุบันขณะ
ก้าวสู่ความว่างภายใน
พระอาจารย์ญาณวชิระ
จิตรวมดวงลงที่ไหน ก็รวมดวงลงที่อารมณ์พระกรรมฐาน คือลมหายใจ แล้วละวางลมหายใจเข้าสู่ความว่างภายใน เมื่อใดก็ตามที่มีการลงมือปฏิบัติสมาธิ มีความเพียรพยายามอยู่จนจิตรวมดวง เมื่อนั้นมรรคก็เป็นอันรวมองค์กัน ไม่ว่าจะเป็นมรรคมีองค์ ๘ ไม่ว่าจะเป็นไตรสิกขา เมื่อปฏิบัติสมาธิแล้วก็เป็นอันเดียวกัน คือรวมเป็นหนึ่งในความสงบหรือความว่างภายใน
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส
จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
ในมรรคมีองค์ ๘ ข้อ มีความเห็นชอบเป็นองค์แห่งมรรคที่เจืออยู่ในมรรคทุกข้อ เห็นว่า ดำริอย่างนี้เป็นความดำริที่ถูก เห็นว่า พูดอย่างนี้เป็นการพูดที่ถูก เห็นว่า ทำอย่างนี้เป็นการกระทำที่ถูก เห็นว่า ดำเนินชีวิตอย่างนี้ เป็นการดำเนินชีวิตที่ถูก เห็นว่า พยายามอย่างนี้เป็นความพยายามที่ถูก เห็นว่า ระลึกรู้อยู่อย่างนี้เป็นความระลึกรู้ถูก และเห็นว่า มีความตั้งใจมั่นเป็นสมาธิอยู่อย่างนี้ เป็นความตั้งใจมั่นที่ถูก
มีความเห็นอย่างไรจึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิ ที่รวมดวงจนเป็นความเห็นที่เป็นพลัง ก็เห็นอยู่อย่างเดียวคือ มีความเห็นอยู่กับลมหายใจ มีความเห็นอยู่กับความเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด ก็กลับมามีความเห็นตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ อยู่กับความเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะดําริอะไรก็ดำริที่จะดูลมหายใจ ไม่ว่าจะพูดจะทำจะลงมือปฏิบัติอะไรก็ปฏิบัติอยู่กับลมหายใจ ไม่ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ก็เป็นไปเพื่อตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ พยายามก็พยายามอยู่กับลมหายใจ มีสติก็มีสติอยู่กับลมหายใจ มีสมาธิก็มีสมาธิอยู่กับลมหายใจ มรรคมีองค์ ๘ จึงรวมกันเป็นหนึ่งที่การลงมือปฏิบัติเพื่อดำเนินจิตไปสู่ความสงบ
อธิบายอีกอย่างหนึ่ง จะมีความคิดเห็นตรึกตรองไปอย่างหนึ่งอย่างไรก็ให้มีความคิดเห็นตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ จะมีความดำริอะไรก็ให้มีความดำริอยู่กับลมหายใจ จะพูดจะจาอะไรก็เป็นไปเพื่อน้อมมาที่ลมหายใจ จะทำอะไรก็เป็นไปเพื่อรู้ลมหายใจ จะดำเนินชีวิตอย่างไรก็ให้ดำเนินไปเพื่อระลึกรู้ลมหายใจ จะพยายามอะไรก็พยายามเพื่อน้อมเข้ามาระลึกรู้อยู่กับลมหายใจ จะมีความตั้งใจมั่นก็ให้มีความตั้งใจมั่นอยู่กับลมหายใจ
เมื่อทุกอย่างเป็นไปเพื่อน้อมเข้ามาที่ลมหายใจ
ก็เป็นปัจจุบันขณะอยู่กับลมหายใจ
มรรคมีองค์ ๘ ก็มารวมลงที่ปัจจุบันขณะอยู่กับลมหายใจ
เมื่อรู้ลมหายใจก็คือการดำเนินจิตไปตามอริยมรรคนั่นเอง
พระอาจารย์ญาณวชิระ
เมื่อมรรครวมองค์กันในสติปัฏฐานอยู่อย่างนี้ ไตรสิกขาก็เป็นอันรวมองค์กัน สัมมัปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ ก็เป็นอันรวมลงที่มรรค จะเพียรสังวรระวังก็เพียรสังวรระวังอยู่ที่ลมหายใจ จะละก็ละอยู่ที่ลมหายใจ จะภาวนาก็ภาวนาอยู่ที่ลมหายใจ จะคอยรักษาก็รักษาอยู่ที่ลมหายใจ เป็นปธาน ๔ จะมีฉันทะก็มีฉันทะอยู่กับลมหายใจ จะเพียรก็เพียรอยู่กับลมหายใจ จะเอาใจใส่ก็เอาใจใส่อยู่กับลมหายใจ จะสอดส่องอยู่กับลมหายใจเป็นอิทธิบาท ๔ เมื่อทำอยู่อย่างนี้อินทรีก็แก่กล้า ศรัทธาที่จะทำก็เพิ่มมากขึ้น ความเพียรก็เพิ่มมากขึ้น สติ สมาธิ ปัญญาก็แก่กล้าตามกันมา และเกิดเป็นกำลังเจริญขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ก่อนไม่หลัง เป็นอินทรีย์ ๕ เหมือนกิ่ง ก้าน ใบสาขา เปลือก กระพี้ และแก่นแห่งต้นไม้ เมื่อเจริญก็เจริญเติบโตขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ก่อนไม่หลัง
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส
จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
เมื่อมรรคมีองค์ ๘ รวมองค์กัน ก็เป็นอันองค์แห่งการตรัสรู้ คือองค์แห่งโพชฌงค์รวมองค์กัน เมื่อโพชฌงค์รวมองค์กัน ก็เป็นอันโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ รวมองค์กันเป็นธรรมสมัคคี ดำเนินจิตไปสู่ความว่างภายใน จิตก็ถึงความเป็นจิตดั้งเดิม มีความเป็นจิตประภัสสร เป็นอุเปกขาสัมโพชฌงค์ เสวยความเป็นใหญ่ในตัวเอง ไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ทั้งปวง วางอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้
คำว่า ธรรมสามัคคีที่พูดถึงก็คือ
ธรรมแต่ละหัวข้อมารวมกันอย่างพรั่งพร้อม
ไม่ว่าจะเป็นสติปัฏฐาน ๔
สัมมัปปธาน ๔
อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕
พละ ๕
โพชฌงค์ ๗
และ มรรคมีองค์ ๘
พระอาจารย์ญาณวชิระ
ผนึกกำลังกันแน่นเพื่อชำแรกกิเลส
พระอาจารย์ญาณวชิระ (เทอด ญาณวชิโร ) : พระราชกิจจาภรณ์ ในขณะนั้น กับสหธรรมิก (ภาพในอดีต)