บันทึกจาริกบ้าน จารึกธรรม เมื่อวันวาน

กับ พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท และ พระครูสิริวิหารการ เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ที่จังหวัดตราด
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท และ พระครูสิริวิหารการ เยี่ยม “ป้าติช” ผู้ป่วยติดเตียงที่จังหวัดตราด

“ท่านมหา

ผมได้ทำตามความตั้งใจของผมแล้ววันนี้

หลายครั้งที่กลับมาบ้าน  

มีเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจ”

พระครูสิริวิหารการ

พระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และผู้ช่วยเลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ที่ปรึกษาเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้*  กล่าวถึงความตั้งใจในระหว่างมาส่งผู้เขียนที่วัดที่ตั้งใจจะกลับไปบ้านเกิดแล้วไปเยี่ยมคนเฒ่าคนแก่ให้ธรรมะ ให้ศีล ให้พร เหมือนอย่างกิจกรรมเยี่ยมพระ พบปะโยมในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา  พระครูสิริวิหารการนั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมกำลังใจของพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ การชุมชนก็ดี การเข้าค่ายธรรมะก็ดี  ถ้าท่านว่างเว้นจากภารกิจอื่นในกรุงเทพฯ  ก็เห็นท่านลงชุมชนกับพระธรรมทูตอาสาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสบ้าง  จังหวัดสตูลบ้าง ท่านให้กำลังใจในการทำดีแล้ว  ท่านก็ลงไปทำดีด้วย มาวันนี้ความตั้งใจของท่านสำเร็จแล้วที่บ้านเกิด จังหวัดตราด

เมื่อครั้งหลายเดือนที่มีผ่านมา ผู้เขียนได้ร่วมเดินทางไปงานศพที่จังหวัดตราด หลังจากที่ร่วมพิธีฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อย  ผู้หญิงคนหนึ่งร่างกายท้วมๆ ตัวเล็กๆ เดินเข้ามาทักพระครูสิริวิหารการ ท่านก็แนะนำว่า   ท่านมหาครูสอนผม สมัยประถมศึกษา  สักพักก็มีผู้ชายเดินมาทักอีก ๒ คน ท่านก็แนะนำว่า  นี่ก็ครูสอนผม สมัยเป็นเด็ก ท่านมหา

"เล่าเรื่องเทวดา ธรรมะ และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด" จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐) เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
“เล่าเรื่องเทวดา ธรรมะ และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด” จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐) เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้

“เล่าเรื่องเทวดา

ธรรมะเป็นที่พึ่งของใจ

และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด”

เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

พระครูสิริวิหารการ กับครูบาอาจารย์ในวัยเยาว์
พระครูสิริวิหารการ กับครูบาอาจารย์ในวัยเยาว์

 แม้กาลเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือความรัก ความเมตตาของครูที่แสดงออกต่อลูกศิษย์ คุณครูถามด้วยความห่วงใย ทั้งเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ แม้รู้ว่าลูกศิษย์มีความมั่นคง มีความรุ่งเรืองในสมณะเพศ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แม้จะอยู่ในสถานะไหน

พระอาจารย์ท่านคงมีความสุขใจไม่ใช่น้อย ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ได้เจอคุณครู แต่คงเป็นความสุขใจยิ่งกว่า เมื่อคุณครูได้เจอลูกศิษย์ที่เป็นพระ ที่สำคัญเป็นพระครูด้วย (เป็นพระครูสัญญาบัตร) ก่อนที่จะจากกันพระอาจารย์ท่านได้เชิญชวนคุณครู  “วันไหนถ้ามากรุงเทพฯ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมที่วัดด้วยนะ จะได้เลี้ยงผัดไทยประตูผี”

เป็นความกรุณา ปรานีระหว่างลูกศิษย์กับคุณครู แม้กาลเวลาก็ไม่สามารถจะทำลายได้

หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็พาไปเยี่ยมคนป่วยซึ่งเป็นญาติโยมที่สนิทคุ้นเคยกับพระอาจารย์ คนแถวนั้นเรียกว่า “ป้าติช”  เป็นผู้ป่วยติดเตียง  เป็นโรคคนแก่ เท้าเหยียดออกไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้ทำกายภาพในระหว่างที่เริ่มเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทำให้เส้นยึด  แต่มือยังยกไปมาได้สบาย 

รอยยิ้มบนใบหน้าของป้าติช บ่งบอกถึงความสุขที่อยู่ในใจ  ที่สำคัญความจำยังจำได้แม่น เป็นผู้ไม่หลงลืมสติ  ตอนที่พระสวดมนต์ให้ฟัง ก็ประนมมือสวดตาม ร่างกายแม้จะป่วย แต่ใจไม่ป่วยด้วย ทำให้ชีวิตไม่ได้ทุกข์ไปกับกายด้วย ใจไม่ป่วยเพราะมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท, พระครูสิริวิหารการ และ พระมหาประธาน ธีรธมฺโม เยี่ยม "ป้าติช" ผู้ป่วยติดเตียงที่จังหวัดตราด
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท, พระครูสิริวิหารการ และ พระมหาประธาน ธีรธมฺโม เยี่ยม “ป้าติช” ผู้ป่วยติดเตียงที่จังหวัดตราด

ป้าติชบอกว่า

 ร่างกายไม่ใช่ของเรา

ไม่มีใครสามารถจะบังคับให้เป็นไปดังใจได้

ทุกอย่างมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ทุกอย่างไม่เป็นดังใจ

ทุกวันนี้ก็เพียงแต่รักษาใจให้ปกติ

รักษาลมหายใจไม่ให้เป็นทุกข์

แค่นี้ก็พอแล้ว

ก่อนนอนก็ไหว้พระสวดมนต์

ภาวนาก่อนก่อนทุกวัน”

ป้าติช
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท, พระครูสิริวิหารการ และ พระมหาประธาน ธีรธมฺโม

ก่อนกลับกรุงเทพฯ  แวะเยี่ยมยายคนหนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์ท่านแนะนำว่า เป็นลูกของทวด คุณยายดูแลทวดจนตนเองอายุ ๘๐ ปี ก็ไม่ได้แต่งงาน ถือศีล ปฏิบัติธรรม อยู่คนเดียวเรื่อยมา จนบัดนี้ก็อายุ ๙๖ ปีแล้ว  ร่างกายเริ่มเสื่อมไปตามสภาพของสังขาร  

บ้านของคุณยายสองชั้นยกพื้นสูง  มีระเบียงสำหรับทำเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ชั้นล่างไม่สามารถอยู่อาศัยได้  คุณยายเล่าให้ฟังว่า สำหรับการเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็สบาย หลานๆ ไม่ต้องให้ห่วง กับข้าวก็จ้างคนข้างบ้านเดือน ละ ๒,๕๐๐ บาท ทำข้าวต้มให้รับประทาน จะไปไหนมาไหน ก็กระดืบไป ใช้ก้นขยับไปในบริเวณระเบียงบ้าน  เดินไม่ไหว

คุณยายเล่าให้ฟังอีกว่า หมอบอกว่า ยายจะอยู่ได้ถึง๙๘  ปีก็จะเสียชีวิต  คืออีก ๒ ปีนับจากนี้ พร้อมกับยกมือขึ้นสองนิ้วแล้วก็หัวเราะ

ยายเล่าว่า แต่ก่อนเวลาพระมาบิณฑบาตก็ใส่บาตรประจำไม่เคยได้ขาด ท่านก็ให้พร ให้ธรรมะ พูดให้มีความเข้าใจในร่างกายสังขาร ว่าเป็นธรรมดาของร่างกายนะยาย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าตายไปก็ให้ได้พระนิพพาน

ดูเหมือนยายจะชอบพรของพระอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะยายพูดไปหัวเราะไป

ความเป็นผู้มีอายุยืนคงไม่ใช่แค่ยาย พระอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า ทวดก็มีอายุยืน ทวดสิ้นไปตอนอายุ ๑๐๑ ปี

เคล็ดลับของความเป็นผู้มีอายุยืนของทวดคือ

อารมณ์ดี มีสติ ชอบสวดมนต์

“ทวดเป็นบุคคลพิเศษ พิเศษอย่างไง คือตลอดชีวิตอายุขัย เป็นผู้มีสติดีช่วยเหลือตัวเองได้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต วันที่จะสิ้นก็รับประทานข้าวเอง เข้าห้องน้ำเอง ก็กลับมานอน แล้วก็หลับไปเฉยๆ เหมือนคนนอนหลับ”

พระอาจารย์ท่านเล่าเคล็ดลับอีกอันหนึ่งว่า ทวดบอกว่า จะมีคนมาเยี่ยมตลอด มาชวนคุย มาชวนพูดโน่นนี่นั่น เล่าโน่นนี่นั่น ให้หัวเราะตลอด หลายคนสงสัยว่าใครมาคุยด้วยก็ถามทวดว่า คนมาชวนคุยเป็นอย่างไ

ทวดบอกว่า ใส่ชุดขาวนุ่งโจงกระเบน สวมชฎาบนหัว เวลามาก็มีทวดคนเดียวที่เห็น คนอื่นไม่เคยเห็น แล้วทวดก็หัวเราะชอบใจ ที่ทวดพูดถึงจะเป็นใครไปล่ะ นอกจากเทวดา

ฟังดูแล้วก็เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องราวของเทวดาในพระพุทธศาสนาว่า มีจริง

การที่เทวดาจะเกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้น ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่ามี ๓ ทางด้วยกัน คือ หนึ่ง ด้วยกรรมผูกพันด้วยอาจจะเคยเป็นบรรพบุรุษ พ่อแม่ ปู่ยา ตายาย ญาติ พี่น้อง เพื่อน คนที่รู้จักมีความห่วงใย และมีคนส่งบุญไปให้เสมอเป็นสายใยที่ผูกพันกันไว้ ท่านมาดูแลช่วยเหลือ มาดลใจในการให้ทำความดี  ทางที่สองคือ เทวดาท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญ เพื่อจะได้เพิ่มบุญบารมีให้กับตัวท่านเอง เพราะท่านเป็นกายทิพย์ไม่สามารถสร้างบุญเองได้ และทางที่สาม  คือ ท่านมาป้องกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือป้องกันผู้มีบุญชั้นสูง ผู้ปฏิบัติธรรม

การที่เราได้ทำความเข้าใจเรื่องเทวดา ก็ถือว่าไม่เป็นความเสียหายถ้าเต็มไปด้วยปัญญา ทำความเข้าใจเพื่อที่จะเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติตามหลักศีลธรรม

เพราะคติความเชื่อเรื่องเทวดาได้ก่อให้เกิดการสร้างกรรมที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะมนุษย์จะหมั่นทำกรรมดีเพื่ออานิสงค์บุญนั้นส่งให้ไปเกิดเป็นเทวดา

ในท้ายที่สุดก็ขออนุโมทนาขอบคุณบุคคลต้นเรื่อง ที่ได้ให้แบ่งปันเรื่องราวเพื่อเป็นธรรมทาน เป็นเหตุเป็นปัจจัยในการที่จะให้คนเราทำความดี แสวงหาที่พึ่งของใจ นั่นคือธรรมะ อันเป็นพึ่งที่แท้จริงของใจ

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน

บันทึกจาริกบ้าน จารึกธรรม เมื่อวันวาน “เล่าเรื่องเทวดา ธรรมะเป็นที่พึ่งของใจ และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด” เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

"เล่าเรื่องเทวดา ธรรมะ และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด" จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐) เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
“เล่าเรื่องเทวดา ธรรมะ และบ้านเกิด จากสตูลถึงตราด” จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐) เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้ประสานงานโครงการพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here