“บทเรียนยากขึ้นเท่าไร

ถ้าเราผ่านมันไปได้

เราจะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น”

หลวงปู่สุข โกวิโท

พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท

พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) แห่งวัดป่าพรหมนิมิต จังหวัดศรีสะเกษ พระกัมมัฏฐานผู้มีปฏิปทาอันงดงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา และมีความนิ่งสงบเย็นเป็นสรณะ เคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างยิ่งยวด ได้ละสังขารที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๑๕.๓๐ น. หลังจากท่านอาพาธด้วยโรคหัวใจและปอดมากว่า ๑๓ ปี จนกระทั่งมรณภาพอย่างสงบ สิริรวมอายุ ๘๗ ปี ๕๗ พรรษา โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓


๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
๑๗.๓๐ น.เคลื่อนสรีระหลวงปู่สุข โกวิโท สู่จิตกาธาน
๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
๒๐.๐๐ น. พิธีพระราชทานเพลิงศพ

พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท

น้อมเศียรเกล้า อาเศียรวาท

กราบสรีรสังขาร

“หลวงปู่สุข โกวิโท”

พระผู้สานสร้าง…ทางพระพุทธศาสนา

“ธุดงค์ลงใต้มุ่งสู่สวนโมกขพลาราม

แล้วกลับมาสร้างวัดสุเทพนิมิตวราราม

ถวายพระอุปัชฌาย์” (จบ)

หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ วัดธารน้ำไหล  (สวนโมกขพลาราม)  จังหวัด สุราษฎร์ธานี
หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) จังหวัด สุราษฎร์ธานี

ธุดงค์ลงภาคใต้มุ่งสู่สวนโมกขพลารา

ถวายตัวเป็นศิษย์

หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ 

หลังจากที่หลวงปู่สุข โกวิโท ออกเดินธุดงค์อยู่ทางภาคตะวันออกเป็นเวลานานพอสมควรแล้วท่านจึงตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางลงภาคใต้เพื่อไปหาครูบาอาจารย์ ให้ชี้แนะแนวทางในการปฎิบัติในการหลุดพ้นจากกองทุกข์  หลวงปู่ท่านจึงเดินทางไปยังสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ ให้ท่านชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติ

เมื่อได้กราบหลวงพ่อพุทธทาส ท่านสอนหลวงปู่ให้มีสติ ดูจิตตัวเองให้ละเอียดลงไป ดูกาย ดูใจ ดูสังขารนี้ให้เห็นทุกข์ที่แท้จริง จะสำเร็จมรรคผลได้ก็จิตและกายนี้แหละ แล้วปัญญามันก็จะเกิดขึ้นมาของมันเอง

หลวงปู่สุขอยู่ฝึกปฏิบัติและฟังธรรมจากหลวงพ่อพุทธทาสอยู่นานถึง ๖ เดือน หลวงปู่จึกกราบลาหลวงพ่อพุทธทาสเพื่อออกธุดงค์เพื่อหาความวิเวกทางกายเพื่อฝึกจิตต่อไป จากนั้นหลวงปู่จึงธุดงค์ไปจนสุดชายแดนไทย-มาเลเซีย แล้วท่านก็เดินกลับเข้าสู่กรุงเทพฯ แล้วไปหัวลำโพงนั่งรถไฟกลับจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อมาหาหลวงปู่เครื่องที่วัดสระกำแพงใหญ่

หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ
หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ

การธุดงค์ของหลวงปู่นั้นมีทั้งขึ้นไปเหนือสุดจนเข้าไปในป่าของประเทศพม่าท่านใช้ชีวิตธุดงค์ในป่าประเทศพม่าอยู่นาน ๓ เดือน แล้วเดินธุดงค์กลับเข้ามาในเขตป่าประเทศไทย ก็ได้แวะหาครูบาอาจารย์อีกมากมายเพื่อขอฟังธรรม เช่น หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่  และลงมาภาคกลางท่านก็เข้าไปขอฟังธรรมกับหลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์ พักอาศัยอยู่ที่วัดกับหลวงปู่สีเพื่อขอฟังธรรมและแนวทางในการปฏิบัติเกือบ ๑ เดือน ท่านก็กราบลาหลวงปู่สีออกเดินทางธุดงค์ต่อไป

ประวัติในการเดินธุดงค์ของหลวงปู่สุขเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์นั้นยังมีอีกมาก  ทั้งขอศึกษาวิชาความรู้ศาสตร์ต่างๆ บ้าง

แต่หัวใจหลักสำคัญในการไปพบเจอครูบาอาจารย์ของหลวงปู่นั้นเพื่อแสวงหาหนทางในการดับทุกข์

ทุกครูบาอาจารย์ที่ท่านได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ล้วนสอนเหมือนกันคือ  สอนลงที่จิตตัวเดียว ว่าธรรมะที่แท้จริงก็อยู่กับตัวเรานี้เอง จะสำเร็จบรรลุมรรคผลได้ก็ตัวเรานี้เอง กายเรานี้เอง จิตเราดวงนี้เอง  ให้พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความไม่มีตัวไม่มีตน และความทุกข์ของความเป็นจริงเท่านั้นเอง

พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท

การกลับมาสร้างวัดสุเทพนิมิตวราราม

ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ หลวงปู่เครื่อง  สุภัทโท  ได้นิมนต์หลวงปู่สุข  กลับ มาสร้างวัดเนื่องที่บ้านหนองแปนซึ่งเป็นบ้านเกิดของหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เนื่องจากชาวบ้านหนองแปนมีความลำบากในการเดินทางไปร่วมทำบุญกับวัดต่างๆ  ฉะนั้น หลวงปู่จึงมีดำริที่จะสร้างวัดขึ้นที่บ้านหนองแปน เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นที่พักสำหรับพระภิกษุสามเณรที่มาเรียนหนังสือวัดสระกำแพงใหญ่  

หลวงปู่สุข โกวิโท ก็ได้มาตามคำนิมนต์ของหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท และเริ่มก่อสร้างวัดจากพื้นนาที่โยมถวาย ในวันที่ ๒๗ เมษายน  พ.ศ.๒๕๕๐ เวลา ๐๙.๐๐ น.ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ มีหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เป็นประธาน ซึ่งท่านได้มอบหมายให้หลวงปู่สุขเป็นผู้ดูแลสานต่อในการสร้างวัด หลวงปู่สุขจึงเริ่มสร้างในทันที ใช้เวลาเพียง ๓ ปี จากพื้นนาก็กลายเป็นวัดอย่างสมบูรณ์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ.๒๕๕๔  ใช้งบประมาณทั้งสิ้น  ๒๒,๐๐๐,๐๐๐ กว่าบาท (ยี่สิบสองล้านกว่าบาท)

สำหรับวัดสุเทพนิมิตวราราม เป็นทั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม และพิพิธภัณฑ์หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท ถือเป็นวัดที่หลวงปู่เครื่อง สร้างขึ้นก่อนที่จะละสังขาร โดยมีหลวงปู่สุข โกวิโท ลูกศิษย์ก้นกุฏิเป็นผู้สานปณิธานงานพระพุทธศาสนาตามรอยหลวงปู่เครื่องจนลมหายใจสุดท้าย

พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท
พระครูพิสุทธิ์พรหมวิหาร (หลวงปู่สุข โกวิโท) ขอขอบคุณ เรื่องและภาพ จากศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุข โกวิโท

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here