ชวนกันมาเรียนวิชาค้นพบตัวเองภายในสามวันกับพระอาจารย์จ๊อดส์ …

ธรรมจัดสรร…. สามวันที่ฉันตื่นรู้
โดย พระอาจารย์จ๊อดส์ พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
“ผลงานบ่งบอกถึงความสามารถของตน ส่วนการกระทำบ่งบอกถึงคุณธรรมของคน”
ชีวิตจะมีความหมายและคุณค่าเป็นประโยชน์ฝากไว้กับโลกบ้างยังน่าดู
วันนี้เราทำความดีสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนหรือหน่วยงานสังกัดสังคมต่างๆ ที่เราได้พักพิงอาศัยอยู่ ทำมาหากินเช้าเย็น รู้จักบุญคุณท่านและตอบแทนบุญคุณเขาบ้างหรือยัง ?
อาตมามีโอกาสได้มาที่วัดป่าปาลธรรม มากราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นดินแดนแหล่งวัฒนธรรมภูไทและไดโนเสาร์ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ด้วยเดชบุญกุศลที่วัดป่าปาลธรรมซึ่งมีพระอาจารย์มหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้จัดโครงการอบรมปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลา ๓ วัน ๒ คืน โดยมีคณะหมอโรงพยาบาล อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวนผู้เข้าร่วม ๓๑ คน ระหว่างวันที่ ๒๘ -๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พระและคณะญาติโยมในวัดได้จัดสถานที่เตรียมงานคนละไม้คนละมืออย่างเอาใจจดจ่อกับหน้าที่ของตนเอง คุณยายคนหนึ่งเดินเก็บขยะอยู่บริเวณวัด พระอาจารย์ทรัพย์ชู (พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร ) เห็นก็เลยบอกผู้เขียนว่าเอาน้ำเปล่าไปให้ยายหน่อยเผื่อท่านเหนื่อยจะได้ดื่มน้ำ ไม่รอช้าก็ได้หยิบเอาขวดน้ำเปล่าไปให้ยายด้วยรอยยิ้ม ผู้รับก็ยิ้มตอบๆ แทนน้ำใจที่มีต่อกัน
วันต่อมาว่าลูกสาวของยายมาบอกว่า “พระอาจารย์แม่ของโยมดีใจมากและพูดว่า พระรูปหนึ่งเอาน้ำเปล่ามาให้แม่ขวดหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาแม่ยังไม่เคยเห็นพระเอาใจใส่ขนาดนี้” พูดแล้วพูดอีกสามรอบค่ะ
ผู้เขียนมารู้ทีหลังก็แอบยิ้มมีความสุขกับโยมทั้งสองด้วย เราให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อผลมันสุกเต็มที่ คือ เรามารู้ที่หลังว่า…
สิ่งเล็กๆ ที่เราทำ เรียกว่า” รัก”
ดังสุภาษิตที่ว่า ” ทะทะมาโน ปิโย โหติ แปลว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”
สุภาษิตนี้เพิ่งประจักแก่ใจวันนี้
ผู้ให้มีความสุข ส่วนผู้รับก็เป็นที่รักของผู้ให้ จิตใจมันเบิกบานมีความสุขทำงานเตรียมสถานที่จนเสร็จเรียบร้อยก็หายเหนื่อยเลย แต่งานใหญ่รออยู่ข้างหน้าจะเริ่มงานวันพรุ่งนี้แล้ว เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วต้องทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นบ้าง บอกตนเองและตอบตนเองในใจว่า สู้ๆ ต่อไป

วันแรก
ตอนเช้ามอบตัวเป็นศิษย์ รับศีลแปด และเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแล้ว ฉันเพลเสร็จ ตอนบ่ายโมงพระอาจารย์พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร ท่านได้บรรยายเรื่อง จิตร่วงคือจิตที่ไม่ดี ทำให้เกิดความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ หนักจิตหนักใจ ชีวิตที่สับสนมืดแปดด้าน หาความก้าวหน้าในการทำงาน ทำหน้าที่และครอบครัวไม่ได้
จิตรุ่งคือจิตที่ดี ใจเบิกบาน สบายใจ โปร่งโล่ง ทำดี พูดดี คิดดี ทำจิตใจผ่องใส ปล่อยวางเป็น เมื่อจิตใจดี ชีวิตดี มีเพื่อนดี การงานดี ครอบครัวมีความสุข

ดังคำสอนของพระอาจารย์มหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ ว่า “วันไหนใจเราดีวันนั้นทั้งวันจะดีไปหมด วันไหนใจเราร้ายวันทั้งวันจะร้ายไปหมด”
เพราะ จิตหรือความคิดของเราจะอยู่นิ่งกับที่ได้ยาก
ถ้าไม่มีการฝึกฝนอบรมจิต โดยการเอาสติ (ความรู้สึกตัว) มากำกับควบคุมแล้ว
เวลาใจเราดีจะเป็นนางฟ้าเทพบุตร
ใจเราไม่ดีจะแปลงร่างกลายเป็นมารร้ายทันทีเลย
ลองมาสังเกตดูใจตนเองเป็นแบบนี้บ้างไหม

ใครที่ชอบขัดขวางผู้อื่นแบบไม่มีเหตุผลไร้ความเมตตาธรรม เรียกว่า ใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ใครที่ชอบกินไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคจนทำให้ตนและผู้อื่นเดือนร้อนใจ เรียกว่า ใจเป็นเปรต
ใครที่ชอบโลภ โกรธ หลง เรียกว่า ใจของสัตว์นรก
ใครที่ชอบแอบหลบๆ ซ่อนๆ ขาดความมั่นใจหรือลังเลสงสัย เรียกว่า ใจเป็นอสูรกาย
ใครที่รู้จักละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป เรียกว่า ใจเทวดา
ใครที่รู้จักบาปบุญคุณโทษของตนและผู้อื่นเรียกว่า ใจมนุษย์
เพราะใจคนเราไม่แน่นอน…
ฉะนั้น ไม่ควรดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยามกัน
ให้สังเกตดูว่าใจตอนนี้เป็นจิตร่วงหรือจิตรุ่งเป็นอย่างไร?
จิตร่วงไม่ดีต้องสร้างตัวสติ (รู้สึกตัว) เพิ่ม
และ จิตรุ่ง ทำความดีให้มาก เพื่อเข้ามาล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไป
แล้วใจเราจะมีน้ำดีหล่อเลี้ยงชีวิตก็ดีขึ้นมีสุขกายใจด้วย

วันที่สอง
หลังทำกิจวัตรไหว้พระสวดมนต์ ฉันข้าว เจริญสติแล้ว เปิดโอกาสให้คุณหมอถามปัญหาข้องใจ โยมหมออู๋ ได้ถามปัญหาข้องใจมีอยู่ ๓ ประเด็นว่า
คำถาม : การปฏิบัติธรรมสามารถล้างบาปออกจากใจได้ไหม
พระตอบ : ได้ การปฏิบัติธรรมคือการเจริญสติ (รู้สึกตัวรู้) เท่าทันความคิดที่ดีหรือชั่วตัดความคิดที่เป็นอดีตหรืออนาคตออกไปจากจิตใจ แล้วเรามาเพิ่มความรู้สึกตัว หรือ รู้เนื้อรู้ตัวให้อยู่ในปัจจุบัน ยืนเดินนั่งนอนให้รู้สึกตัวขณะนั้นๆ เมื่อเจริญสติมากๆ สติจะไปชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี เรื่องอดีตที่กักขังใจเราไว้เป็นทุกข์ เรียกว่าทุกขังนั้นเอง
ฉะนั้น คนที่มีความคิดวิตกกังวลและทำให้ความคิดสั้นลงได้ ด้วยวิธีการเจริญสติเคลื่อนไหว ๑๔ จังหวะ หรือ ดูลมหายใจเข้าออกเพียงแค่รู้อาการการหายใจเข้า-ออกเฉยๆ

ตัวอย่างเช่น…
พระองคุลิมาล เวลาที่ยังไม่บวชหลงผิดฆ่าคนเยอเยอะ เมื่อพบเจอพระพุทธเจ้าเป็นกัลยาณมิตรก็ได้บวช ท่านไปปฏิบัติธรรมเจริญสติได้เห็นความคิดเป็นอดีตตนที่เคยฆ่าคนปรากฏขึ้นเวลาปฏิบัติธรรมจนถอดใจไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าฟังแล้ว พระองค์ให้อารมณ์กรรมฐานว่า ”แต่ก่อนเธอเป็นองคุลิมาล แต่ปัจจุบันนี้เธอบวชในชาติของพระอริยเจ้าแล้ว เธอได้ฆ่าใครไหม”
นี้คือจุดเปลี่ยนของพระองคุลิมาล เข้าใจอดีตที่ผ่านไปแล้วปรับเปลี่ยนจิตใจใหม่แล้วตั้งใจใหม่มาเจริญสติอยู่กับปัจจุบันธรรม ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุธรรม

ดังนั้น …
สติความรู้สึกตัวสามารถล้างบาปได้
เปรียบเหมือนมีฝุ่นสกปรกในพื้นศาลา จะเอาน้ำแก้วเดียวมาล้างออกได้ไหม “ไม่ได้” ต้องใช้น้ำเยอะจึงจะสะอาดได้ สิ่งสกปรกคือ ความคิดชั่ว หรือความทุกข์ใจ
ส่วนน้ำ คือ สติ ต้องสร้างให้มากจึงจะมีพลังในการชะล้างสิ่งไม่ดีออกไปจากใจเราจากนั้นใจเราก็ปกติโปร่งโล่ง เบาสบายใจ รู้เท่าทันความคิดดีและไม่ดี ความคิดสั้นลง รู้สึกตัวทั่วพร้อมขยายพื้นที่ในใจมากขึ้น การใช้ชีวิตก็ง่ายขึ้น เข้าใจตนและผู้อื่นความสุขอยู่ในกำมือเราแล้ว

คำถาม : ปฏิบัติธรรมเจริญสติแล้วได้บุญไหม
พระตอบ : ได้ บุญเกิดขึ้นทันที
บุญเกิดขึ้นตั้งแต่โยมมีเจตนาจะมาปฏิบัติธรรม ยิ่งมาลงมือปฏิบัติจริง เรียนรู้ ไม่มีตัวสำรองก็ได้รู้จริง สัมผัสธรรมะด้วยตนเอง การเรียนรู้ธรรมะจากการอ่านไม่เท่าลงมือปฏิบัติเอง เปรียบเทียบเราจะทำต้มยำ ต้องศึกษาหาข้อมูลความรู้วิธีการทำ และองค์ประกอบทุกอย่างลงมือทำตามสูตรนั้นแล้ว โยมไม่กินจะรู้รสชาติของต้มยำไหม ธรรมะก็เช่นกัน
ดังสุภาษิตว่า” สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย แปลว่า การสั่งบุญนำสุขมาให้”
และ ผู้ปฏิบัติธรรม ธรรมะย่อมรักษาผู้ปฏิบัติ นึกถึงการปฏิบัติธรรมตอนไหนปีติสุขเกิดทุกครั้ง
คำถาม : การแผ่เมตตาแล้วญาติเราจะได้รับไหม?
พระตอบ : “ได้” ปฏิบัติธรรมแล้วแผ่เมตตาทุกครั้ง ก่อนอื่นที่แน่ๆ ผู้ที่ได้รับจริงคือ “ตนเอง” ผู้ที่เราแผ่เมตตาให้คนที่ใกล้ชิดกับเรามีพ่อแม่ ลูกสามีภรรยา ญาติมิตรและเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
เมื่อเรามาปฏิบัติธรรมสามารถเปลี่ยนนิสัยตนที่เคยโกรธสงบลงได้เร็ว แต่ก่อนเป็นคนโมโหและพูดจาโผงผาง ตอนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใสระวังคำพูดมากขึ้น การใช้ชีวิตก็ประหยัดอยู่กินง่ายไม่มากเรื่อง ผู้ที่อยู่ใกล้เห็นเราเปลี่ยนไปในทางที่ดี เขาอยากจะเจริญสติเป็น อยากจะออกความทุกข์เหมือนเราบ้าง จึงได้ชักชวนนำพามาปฏิบัติด้วยกัน
นี่ก็เป็นการแผ่เมตตาอย่างหนึ่งด้วยการแผ่ความดีให้เขาได้เห็นได้สัมผัสด้วยตนเอง
เหมือนเราได้จุดเทียนให้แสงสว่างแก่ใจตนเองแล้วยังไปจุดให้คนอื่นสว่างตามต่อกันไปเรื่อยๆ ส่วนคนตายผู้ที่ล่วงลับละสู่โลกนี้ไปแล้ว ลูกหลานแผ่เมตตาไปให้ผู้รับต้องมีจิตที่จูนตรงกับผู้แผ่ผลบุญไปให้ จึงจะได้รับก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในภพภูมิที่สามารถรับได้หรืออยู่ภพที่สูงกว่าผลบุญนั้นย้อนมาหาเรา
และอานิสงส์ของการแผ่เมตตา นอนหลับฝันดีไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ มีสติก่อนตาย สมาธิตั้งมั่นได้เร็ว เป็นต้น

วันสุดท้าย
พระอาจารย์มหาวีระพันธ์ให้โอวาทฝากข้อคิดธรรม
โดยมี ๔ ข้อธรรมนำพาสุข สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย ดังนี้
๑.จงมีเมตตา…ต่อกันและกันด้วยความรัก
๒.จงเอื้ออาทรแบ่งปัน…ด้วยจิตที่รู้สึกยินดี
๓.จงให้อภัย…ในความบกพร่องของตนเองและผู้อื่น
๔.จงรู้จักวางใจ…ไม่ยึดติดแบกหามให้หนัก
คณะผู้ปฏิบัติธรรมโรงพยาบาลสมเด็จ ได้กล่าวขอบคุณพระอาจารย์ทั้งสามรูป
ที่เมตตาเสียสละเวลามาอบรมสั่งสอนเทศน์ธรรมะได้ข้อคิด มีความอดทน รู้จักการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวสามารถนำไปปรับใช้ในวิถีชีวิตและการทำงานได้
ขอบคุณแม่ครัวที่ทำอาหารอร่อยและน้ำปานะให้ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ดีสัปปายะอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติธรรมทั้งสามวันหกคาบ
ขอบคุณท่านผอ. และหัวหน้าแผนกที่ได้จัดโครงการนี้ขึ้น เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้มีสติรู้สึกตัว ได้รู้จักตนเอง ใจสงบขึ้น เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่า
ผอ.โรงพยาบาลฯ กล่าวขอบคุณว่า ผมได้เห็นพี่น้องในที่ทำงานไม่ค่อยมีความสุขกัน เกิดความคิดอยากจะให้พี่น้องมีความสุขในการทำงาน จึงไปปรึกษาหัวหน้าแผนกต่างๆ จัดโครงการปฏิบัติธรรม ๓วัน ๒ คืน
ณ วัดป่าปาลธรรม อำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์
“โดยขอคนที่สมัครใจตั้งเป้าหมายไว้ ๒๕ คน เกินเป้ามีจำนวนผู้สมัครใจมา ๓๑ คน ส่วนมากที่มาก็เคยไปปฏิบัติที่วัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิมาแล้ว
“หวังว่าทุกท่านได้ข้อคิด และรู้วิธีควบคุมอารมณ์ด้วยการเจริญสติรู้สึกตัวมากขึ้นมีความสุขไปปรับใช้ในที่ทำงาน ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนและนำปฏิบัติ ขอบคุณแม่ครัวที่อำนวยความสะดวกทั้งอาหารน้ำปานะและที่พักอาศัย และสุดท้ายขอบคุณพี่น้องญาติธรรมทุกท่านที่มาร่วมโครงการฯครั้งนี้ด้วยครับ”

กับคณะหมอโรงพยาบาลสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
ณ วัดป่าปาลธรรม ในโครงการอบรมปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลา ๓ วัน ๒ คืน
ระหว่างวันที่ ๒๘ -๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

“พระอาจารย์จ๊อดส์” ผู้เขียน
ข้อคิดสะกิดใจ : วันนี้เราทำความดีสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน
หรือหน่วยงานสังกัดสังคมต่างๆ
ที่เราได้พักพิงอาศัยอยู่ในการทำมาหากินเช้าเย็น
เรา… รู้จักบุญคุณท่านและตอบแทนบุญคุณเขาบ้างหรือยัง ?