จิรํ ติฏฺฐตุ พุทธสาสนํ ฯ
ขอพระพุทธศาสนาจงดำรงอยู่ตลอดกาลนาน
ญาณวชิระ
ทำไม…ลูกผู้ชายต้องบวช (ตอนที่ ๒๓)
บรรพ์ที่ ๔ ขั้นตอนการบรรพชา และ อุปสมบท
(๗) “ ความเข้าใจเรื่อง ไตรสรณคมน์”
โดย ญาณวชิระ
ความเข้าใจ เรื่อง ไตรสรณคมน์
พระพุทธศาสนามีที่พึ่งอันสูงสุดเรียกว่า “ไตรสรณะ” แปลว่า “ที่พึ่ง ๓ ประการ” หมายเอาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไตรสรณะเป็นที่พึ่งอันสูงสุด เพราะที่พึ่งอื่นไม่สามารถช่วยดับความกระวนกระวายเร่าร้อนด้วยอำนาจกิเลสได้ แต่ไตรสรณะสามารถดับความกระวนกระวายเร่าร้อน ทำให้พ้นทุกข์ทั้งมวลได้
ความเป็นสามเณรสำเร็จได้ด้วยการเปล่งวาจาขอถึงพระรัตนตรัยว่าเป็นสรณะจบวาระที่ ๓ ก็สำเร็จเป็นสามเณรได้ การให้ไตรสรณะสมัยก่อนนั้นท่านให้ ๒ แบบ คือ ทั้งแบบสันสกฤต และแบบบาลี
เนื่องจากผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรได้ต้องสามารถเปล่งวาจาขอถึงพระรัตนตรัยได้อย่างถูกต้อง จึงจะสำเร็จเป็นสามเณรได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่สามารถเปล่งวาจาขอถึงพระรัตนตรัยได้ ก็เป็นสามเณรไม่ได้ ผู้ที่จะสามารถเปล่งภาษาได้ถูกต้องและเข้าใจความหมายก็ต้องโตพอที่จะรู้ภาษาแล้ว
การกำหนดอายุของผู้บวชสามเณรจึงกำหนดเอาเด็กสามารถพูดและเข้าใจความหมายของคำพูดได้ ท่านกล่าวว่าสามารถไล่กาและไก่ได้ คือ ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรต้องรู้และเข้าใจภาษาจนสามารถแยกแยะออกว่าอะไรเป็นกาอะไรเป็นไก่
เนื่องจากสมัยก่อนคนไทยนับถือพระพุทธศาสนาทั้ง ๒ แบบ คือทั้งแบบมหายาน และเถรวาท มหายานใช้ภาษาสันสกฤตบันทึกและเผยแผ่คำสอน ส่วนเถรวาทใช้ภาษาบาลีบันทึกคำสอน ทั้งสันสกฤตและบาลีมีวิธีออกเสียงที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการป้องกันการเปล่งวาจาเพื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยคลาดเคลื่อน อันจะเป็นเหตุให้การบวชสามเณรไม่สมบูรณ์ บุรพาจารย์จึงให้สวดไตรสรณคมน์ทั้งสองแบบ คือ ทั้งแบบสันสกฤตและแบบบาลีควบคู่กันไป
ในกรณีการเปล่งเสียงไม่ถูกตามหลักภาษาเพราะสำเนียงของชนชาติตน ไม่ได้หมายความว่าผู้บวชจะไม่เป็นพระเป็นเณร
ความเป็นจริงแล้ว แม้จะเปล่งวาจาไม่ตรงตามหลักภาษา การบวชก็เป็นอันสมบูรณ์เพราะเจตนาต้องการกล่าวอย่างนั้น และหมู่สงฆ์ก็เข้าใจความมุ่งหมาย แต่สำเนียงผิดเพี้ยนไปบ้างตามสำเนียงของชนชาตินั้นๆ การที่สำเนียงผิดเพี้ยนไปไม่ได้หมายความว่าผู้บวชจะไม่ได้เป็นพระเป็นสามเณร
เนื่องจากสำเนียงของชนชาติใดก็เป็นที่เข้าใจของชนชาตินั้น การเปล่งคำขอบวชก็เปล่งตามสำเนียงชนชาติของตนๆ
ถ้าความคิดที่ว่าผู้ขอบวชเปล่งสำเนียงไตรสรณคมน์หรือคำขานนาคไม่ถูกต้องตามหลักภาษา จะทำให้ผู้บวชไม่สำเร็จเป็นพระภิกษุสามเณร ชาวฝรั่ง เขมร พม่า ลาว หรือแม้กระทั่งคนไทยเองบวชเป็นพระภิกษุก็ไม่สำเร็จเป็นพระภิกษุ เพราะทุกชนชาติที่กล่าวมานี้อ่านภาษาบาลีผิดเพี้ยนไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ เสียงภาษาบาลีเป็นอย่างไร ต่างก็ออกสำเนียงตามภาษาของชนชาติตน ถึงอย่างนั้น ก็เป็นที่เข้าใจความหมายของคำนั้นๆ ได้ เหมือนฝรั่งพูดภาษาไทย ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนคนไทย หรือคนไทยพูดภาษาอังกฤษ ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนฝรั่ง หรือแม้แต่คนไทยตาม ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ พูดไทยอย่างภาคกลาง ก็ไม่เหมือนคนกรุงเทพฯ แต่ก็เป็นที่เข้าใจในความหมายของคำนั้นๆ
ในปัจจุบันได้ตัดการให้สรณคมน์แบบสันสกฤตออก เพราะเหตุผลตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากนั้น การให้สรณคมน์ทั้ง ๒ แบบยาวเกินความจำเป็น จึงยังคงไว้แต่การให้สรณคมน์แบบบาลีอย่างเดียว เราจะพบเห็นในการบำเพ็ญบุญในโอกาสต่างๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ยังมีวัดบางแห่งที่ยังคงใช้วิธีบรรพชาอุปสมบทแบบโบราณอยู่ตราบปัจจุบัน การให้ไตรสรณคมน์ก็ยังให้ทั้งแบบสันสกฤตและบาลี มิใช่เพราะกลัวว่าผู้บวชจะไม่สำเร็จเป็นพระภิกษุสามเณร แต่เพื่อเป็นการรักษาตันติประเพณีแบบแผนการอุปสมบทแบบเดิมเอาไว้
เนื่องจากหากต่างคนต่างคิดที่จะตัดออกตามมติของตน ในอนาคตอาจไม่หลงเหลือร่องรอยการอุปสมบทแบบดั้งเดิมให้เห็นเลย
ประวัติข้อกำหนดอายุผู้บรรพชาเป็นสามเณร
ในสมัยพุทธกาลมีครอบครัวหนึ่งที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว เหลือเพียงพ่อกับลูกชายที่อายุยังน้อยอยู่ตามลำพังสองพ่อลูก พ่อหมดอาลัยในชีวิตจึงได้บวชเป็นพระภิกษุและให้ลูกชายเป็นสามเณร
เพราะความที่สามเณรอายุยังน้อย จึงได้วิ่งไปหาผู้คนและพระภิกษุรูปนั้นรูปนี้ร้องขออาหาร
ชาวบ้านที่พบเห็นต่างตำหนิติเตียนกิริยาของสามเณร บ้างพูดเยาะเย้ย บ้างก็พูดเย้าว่า เณรน้อยรูปนี้เห็นจะเป็นลูกภิกษุณี พระภิกษุทั้งหลายได้ยินแล้วเกิดความไม่สบายใจจึงได้นำความกราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลายไม่พึงบวชให้เด็กชายที่มีอายุหย่อนกว่า ๑๕ ปี รูปใดบวชให้ต้องอาบัติทุกกฎ”
ครั้นอยู่ต่อมา ตระกูลอุปัฏฐากพระอานนท์เถระ เป็นตระกูลที่มีศรัทธามาก คราวหนึ่งพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอหิวาตกโรค เหลือไว้เพียงบุตรสองคน เพราะเด็กขาดที่พึ่งด้วยไม่มีพ่อแม่ เมื่อเห็นพระภิกษุก็วิ่งเข้าไปหาด้วยความคุ้นเคย เมื่อถูกพระภิกษุตวาดไล่ก็ร้องไห้เพราะความเสียใจ พระอานนท์เถระคิดว่า เด็กทั้งสองคนนี้มีอายุไม่ถึง ๑๕ ปี จะทำอย่างไรดีจึงจะไม่เสียโอกาสในการบวช พระเถระจึงได้เข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทราบความคิดนั้น
พระพุทธองค์ตรัสถามว่า อานนท์ เด็กทั้งสองนั้นสามารถไล่กาได้ไหม พระเถระกราบทูลว่า ได้พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธองค์จึงตรัสประชุมสงฆ์ แล้วตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุบวชให้เด็กชายที่มีอายุหย่อนกว่า ๑๕ ปี ซึ่งสามารถไล่กาได้”
สามเณรสมาทานศีล ๑๐ ข้อ
ต่อจากการให้ไตรสรณคมน์แล้ว พระกรรมวาจาจารย์กล่าวนำให้สามเณรสมาทานสิกขาบท คือ ข้อปฏิบัติสำหรับสามเณร ๑๐ ประการ ว่าตามทีละข้อ ดังนี้
ข้อที่ ๑ ปาณาติปาตา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปลข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ข้อที่ ๒ อะทินนาทานา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปลข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการลักทรัพย์
ข้อที่ ๓ อะพรัหมะจะริยา เวระมณี//สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์
ข้อที่ ๔ มุสาวาทา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯคำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการพูดเท็จ
ข้อที่ ๕ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย
ข้อที่ ๖ วิกาละโภชะนา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการรับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้วจนถึงรุ่งอรุณขึ้นมาใหม่
ข้อที่ ๗ นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการร้องรำขับร้องประโคมดนตรีและดูและละเล่น
ข้อที่ ๘ มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฎฐานา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการลูบไล้ทาด้วยของหอม ประดับประดาเครื่องแต่งกาย
ข้อที่ ๙ อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่
ข้อที่ ๑๐ ชาตะรูปะระชะตะปะฎิคคะหะณา เวระมณี// สิกขาปะทัง สะมาทิยามิฯ คำแปล ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ว่าด้วยการเว้นจากการรับเงินและทอง
พระอาจารย์นำสามเณรกล่าวคำยืนยันความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามสิกขาบทตามที่สมาทานว่า
“อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ”
สามเณรกล่าวคำยืนยันที่จะปฏิบัติตาม ดังนี้
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ ฯ
คำแปล
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท ๑๐ ประการนี้ฯลฯ
เมื่อกล่าวคำยืนยันความตั้งใจ เป็นการปฏิญาณที่จะรักษาศีล ๑๐ ประการอันจะทรงภาวะความเป็นสามเณรไว้จบ ๓ วาระแล้ว กราบ ๑ หนยืนขึ้นว่า
วันทามิ ภันเต // สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต // มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง//สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง //สาธุ/สาธุ / อนุโมทามิ ฯ
คำแปล
กระผมขอกราบไหว้ ท่านขอรับ ขอท่าน จงยกโทษที่ได้ล่วงเกินทั้งปวงให้กระผมด้วย ขอท่านพึงอนุโมทนาบุญที่กระผมได้กระทำ และขอท่านพึงให้บุญที่ท่านได้ทำแก่กระผมด้วย สาธุ สาธุ สาธุ กระผมขออนุโมทนาฯ
สามเณรนั่งคุกเข่า กราบ ๓ หน จบพิธีการบรรพชาเป็นสามเณรแต่เพียงเท่านี้ สำหรับผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุ ก็เริ่มขั้นตอนการอุปสมบทต่อไป
(โปรดติดตามตอนต่อไป…)
ญาณวชิระ เป็นนามปากกาของ ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ท่านเขียนหนังสือธรรมะมากมาย แต่ละเล่มล้วนเต็มไปด้วยสารัตถะแห่งธรรมที่เข้าใจง่าย และนำมาปฏิบัติแก้ทุกข์ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับ คณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร , หลักแห่งการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน , พุทธานุภาพ อานุภาพของพระพุทธองค์ , มหาสมัยสูตร ,การ์ตูนแอนนิเมชั่น เรื่อง ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุ ,ทฤษฎีเบื้องต้นแห่งปรัชญาไทย, ประทีปแห่งแม่น้ำมูล , ทศชาติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ,ตำนานภูเขาทอง , ลูกผู้ชายต้องบวช , สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน ,หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์แห่งการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ,บามิยัน ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง และมืดมนยาวนานแห่งพระพุทธศาสนา, สุวรรณบรรพต สยามพุทธศิลป์ , พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และ ความเป็นมาของพระอภิธรรม เป็นต้น
หนังสือ “ลูกผู้ชายต้องบวช” โดย ญาณวชิระ จัดพิมพ์เป็นธรรมทานโดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร วัดสระเกศ / ที่ปรึกษา : พระเทพรัตนมุนี , พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง) และพระมหาธีระศักดิ์ ธีรปญฺโญ /บรรณาธิการ โดย พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี และ มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ / ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส ภาพวาดประกอบโดย หมอนไม้ / แบบปก – รูปเล่ม โดย พระมหาเดชา ปญฺญาคโม และ พระมหาสมบัติ ภูริปญฺโญ / ภาพปกโดย ศิลปิน พีร์ ขุนจิตกร/ ผู้อุปถัมภ์การจัดพิมพ์ บริษัท โตโยต้าบัสส์ จำกัด / ขอรับหนังสือได้ฟรีที่ศาลาหลวงพ่อดวงดี วัดสระเกศ จนกว่าหนังสือจะหมด