จิรํ ติฏฺฐตุ พุทธสาสนํ ฯ

ขอพระพุทธศาสนาจงดำรงอยู่ตลอดกาลนาน

ญาณวชิระ

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมื่อครั้งอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า "ญาณวชิระ" แปลว่า ผู้มีปัญญาประดุจเพชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมื่อครั้งอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า “ญาณวชิระ” แปลว่า ผู้มีปัญญาประดุจเพชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) เป็นพระอุปัชฌาย์

ทำไม…ลูกผู้ชายต้องบวช

(ตอนที่ ๒๗)

บรรพ์ที่  ๔ ขั้นตอนการบรรพชา  และ อุปสมบท

(๑๐) “อนุศาสน์ ๘ อย่าง

และ ความเข้าใจเรื่องอนุศาสน์ : คำสอนเบื้องต้นสำหรับพระภิกษุผู้บวชใหม่ ”

โดย ญาณวชิระ

อนุศาสน์ ๘ อย่าง

อนุศาสน์ทั้ง ๘ ข้อนี้ท่านจะสวดเป็นภาษาบาลี สวดจบแต่ละข้อให้พระภิกษุผู้บวชใหม่รับว่า “อามะ ภันเต

คำบอกอนุศาสน์  ๘ อย่าง

คำบอกอนุศาสน์
(มหานิกาย)

 
ตาวะเทวะ ฉายา เมตัพพา อุตุปะมาณัง อาจิกขิตัพพัง// ทิวะสะภาโค อาจิกขิตัพโพ// สังคีติ  
อาจิกขิตัพพา// จัตตาโร นิสสะยา อาจิกขิตัพพา จัตตาริ จะ อะกะระณียานิ อาจิกขิตัพพานิฯ //
 
๑. ปิณฑิยาโลปะโภชะนัง นิสสายะ ปัพพัชชา// ตัตถะ เต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน เต เป็น โว) ยาวะชีวัง อุสสาโห กะระณีโย// อะติเรกะลาโภ/ สังฆะภัตตัง อุเทสะภัตตัง นิมันตะนัง สะลากะภัตตัง ปักขิกัง อุโปสะถิกัง ปาฏิปะทิกัง ฯ// 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๒. ปังสุกูละจีวะรัง นิสสายะ ปัพพัชชา// ตัตถะ เต (ถ้าหลายรูป เปลี่ยน เต เป็น โว) ยาวะชีวัง อุสสาโห กะระณีโย// อะติเรกะลาโภ/ โขมัง กัปปาสิกัง โกเสยยัง กัมพะลัง สาณัง ภังคัง // 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๓. รุกขะมูละเสนาสะนัง นิสสายะ ปัพพัชชา// ตัตถะ เต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน เต เป็น โว) ยาวะชีวัง  
อุสสาโห กะระณีโย// อะติเรกะลาโภ/ วิหาโร อัฑฒะโยโค ปาสาโท หัมมิยัง คุหา ฯ//
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๔. ปูติมุตตะเภสัชชัง นิสสายะ ปัพพัชชา// ตัตถะ เต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน เต เป็น โว) ยาวะชีวัง อุสสาโห กะระณีโย// อะติเรกะลาโก/ สัปปิ นะวะนีตัง เตลัง มะธุ ผาณิตัง ฯ// 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๕. อุปะสัมปันเนนะ ภิกขุนา เมถุนโน ธัมโม นะ ปะฏิเสวิตัพโพ/ อันตะมะโส ติรัจฉานะคะตายะปิ ฯ 
โย ภิกขุ เมถุนัง ธัมมัง ปะฏิเสวะติ/ อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย ๆ เสยยะถาปิ นามะ ปุริโส สีสัจฉินโน
อะภัพโพ เตนะ สะรีระพันธเนนะ ชีวิตุง// เอวะเมวะ ภิกขุ เมถุนัง ธัมมัง ปะฏิเสวิตวา/ อัสสะมะโณ โหติ
อะสักยะปุตติโย// ตันเต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน ตันเต เป็น ตัง โว) ยาวะชีวัง อะกะระณียัง ฯ//
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๖. อุปะสัมปันเนนะ ภิกขุนา อะทินนัง เถยยะสังขาตัง นะ อาทาตัพพัง/ อันตะมะโส ติณะสะลากัง  
อุปาทายะ ๆ โย ภิกขุ ปาทัง วา ปาทาระหัง วา อะติเรกะปาทัง วา อะทินนัง เถยยะสังขาตัง อาทิยะติ ฯ
อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย// เสยยะถาปิ นามะ ปัณฑุปะลาโส พันธะนา ปะมุตโต อะภัพโพ หะริตัตตายะ//
เอวะเมวะ ภิกขุปาทัง วา ปาทาระหัง วา อะติเรกะปาทังวา อะทินนัง เถยยะสังขาตัง อาทิยตวา/ อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย ฯ ตันเต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน ตันเต เป็น ตัง โว) ยาวะชีวัง อะกะระณียัง ฯ//
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 
๗. อุปะสัมปันเนนะ ภิกขุนา สัญจิจจะ ปาโณ ชีวิตา นะ โวโรเปตัพโพ ฯ อันตะมะโส กุนถะกิปิลลิกัง  
อุปาทายะ/
/ โย ภิกขุ สัญจิจจะ มะนุสะวิคคะหัง ชีวิตา โวโรเปติ/ อันตะมะโส คัพภะปาตะนัง อุปาทายะ//
อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย ฯ เสยยะถาปิ นามะ ปุถุสิลา ทวิธา ภินนา อัปปะฏิสันธิกา โหติ// เอวะเมวะ ภิกขุ สัญจิจจะ มะนุสสะวิคคะหัง ชีวิตา โวโรเปตวา/ อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย ฯ ตันเต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน ตันเต เป็น ตัง โว) ยาวะชีวัง อะกะระณียัง ฯ//
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 

๘. อุปะสัมปันเนนะ ภิกขุนา อุตตะริมะนุสสะธัมโม นะ อุลละปิตัพโพ/ อันตะมะโส สุญญาคาเร  
อะภิระมามีติ// โย ภิกขุ ปาปิจโฉ อิจฉาปะกะโต อะสันตัง อะภูตัง อุตตะริมะนุสสะธัมมัง อุลละปะติ/ ฌานัง วา
วิโมกขัง วา สะมาธิง วา สะมาปัตติงวา มัคคัง วา ผะลัง วา//อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย// เสยยะถาปิ
นามะ ตาโล มัตถะกัจฉินโน อะภัพโพ ปุนะ วิรุฬหิยา// เอวะเมวะ ภิกขุ ปาปิจโฉ อิจฉาปะกะโต อะสันตั้ง อะภูตัง อุตตะริมะนุสสะธัมมัง อุลละปิตวา/ อัสสะมะโณ โหติ อะสักยะปุตติโย ๆ ตันเต (ถ้าหลายรูปเปลี่ยน ตันเต เป็น ตัง โว) ยาวะชีวัง อะกะระณียัง ฯ//
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต”
 

คำแปล

พึงบอกให้วัดกำหนดเงาอาทิตย์ พึงบอกฤดู พึงบอกส่วนแห่งวัน, พึงบอกรวบรวมกรรมนี้หมดด้วยกัน, 
พึงบอกนิสัย ๔ และพึงบอกอกรณียกิจ ๔ ๆ

นิสสัย  ๔

(ปัจจัยเครื่องอาศัยของพระภิกษุ  กิจที่ต้องปฏิบัติ) 

๑. บรรพชาอาศัยโภชนะ คือ คำข้าวที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง(บิณฑบาต) เธอพึงทำอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิต ฯ ลาภเหลือเฟือ(ลาภมาก) ภัตรถวายสงฆ์ ภัตรเฉพาะสงฆ์ (ภัตร์ที่เจาะจงสงฆ์) การนิมนต์ ภัตรถวายตามสลาก ภัตรถวายในปักษ์ ภัตรถวายในวันอุโบสถ ภัตรถวายในวันขึ้น ๑ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 

๒. บรรพชาอาศัยผ้าบังสุกุลจีวร เธอพึงทำอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิต ๆ ลาภเหลือเฟือ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม (แพร) ผ้าขนสัตว์ ผ้าป่าน ผ้าด้ายแกมไหม ๆ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 
๓. บรรพชาอาศัยโคนต้นไม้เป็นเสนาสนะ เธอพึงทำอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิตฯ ลาภเหลือเฟือ, วิหาร (กุฎีปกติ) เรือนมุงแถบเดียว(เพิ่ง) เรือนชั้น เรือนโล้น (หลังคาตัด) ถ้ำ ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 
๔. บรรพชาอาศัยมูตรเน่าเป็นยา เธอพึงทำความอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิต ฯ ลาภเหลือเฟือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย(น้ำตาล) ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 

อกรณียกิจ  ๔

(กิจที่พระภิกษุปฏิบัติไม่ได้โดยเด็ดขาด)


๕. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงเสพเมถุนธรรม โดยที่สุด แม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ภิกษุใดเสพเมถุนธรรม, ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร เปรียบเหมือนบุรุษถูกตัดศีรษะแล้ว ไม่อาจมีสรีระคุมกันนั้นเป็นอยู่ ภิกษุก็เหมือนกัน เสพเมถุนธรรมแล้ว, ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร การนั้นเธอไม่พึงทำตลอดชีวิต ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 
๖. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงถือเอาของอันเขาไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย, โดยที่สุดหมายเอาถึงเส้นหญ้า, ภิกษุใดถือเอาของอันเขามิได้ให้ เป็นส่วนแห่งขโมย บาทหนึ่งก็ดี ควรแก่บาทหนึ่งก็ดี เกินกว่าบาทหนึ่งก็ดี, ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร เปรียบเหมือนใบไม้เหลืองหล่นจากขั้วแล้ว ไม่อาจจะเป็นของเขียวสดได้ ภิกษุก็เหมือนกัน ถือเอาของอันเขามิได้ให้เป็นส่วนขโมยบาทหนึ่งก็ดี ควรแก่บาทหนึ่งก็ดี เกินบาทหนึ่งก็ดี 
แล้วไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร, การนั้นเธอไม่พึงทำตลอดชีวิต ฯ
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 
๗. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงแกล้งพรากสัตว์จากชีวิต, โดยที่สุดหมายเอาถึงมดดำ มดแดง, ภิกษุใดแกล้งพรากกายมนุษย์จากชีวิต โดยที่สุดหมายเอาถึงยังครรภ์ให้ตก, ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร, เป็นเหมือนศิลาหนาแตก ๒ เสี่ยงแล้วเป็นของกลับต่อกันไม่ได้, ภิกษุก็เหมือนกัน แกล้งพรากกายมนุษย์จากชีวิตแล้ว ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร, การนั้นเธอไม่พึงทำตลอดชีวิต ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 
๘. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึ่งพูดอวดอุตตริมนุสธรรม โดยที่สุดว่าเรายินดีในป่าชัฏ, ภิกษุมีความอยากอันลามก อันความอยาก อันลามกครอบงำแล้วพูดอวดอุตริมนุษยธรรมอันไม่มีอยู่อันไม่จริง คือ ฌานก็ดี วิโมกข์ก็ดี สมาธิก็ดี สมาบัติก็ดี มรรคก็ดี ผลก็ดี ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยะบุตร, เปรียบเหมือนต้นตาลมียอดด้วนแล้ว ไม่อาจจะงอกอีก, ภิกษุก็เหมือนกัน มีความอยากอันลามก อันความอยากอันลามกครอบงำแล้วพูดอวดอุตริมนุษยธรรมอันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง, ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร การนั้นเธอ ไม่พึงทำตลอดชีวิต ฯ 
พระภิกษุนวกะ รับว่า “อามะ ภันเต” (แปลว่า ขอรับกระผม)
 

 
(บทว่า “เต” ในคำว่า “ตัตถะ เต ยาวะชีวัง” และในคำว่า “ตันเต ยาวะชีวัง” ในเวลาบอกพร้อมกันตั้งแต่ ๒ รูปขึ้นไป จึงเปลี่ยนใช้บทว่า “โว” แทน ดังนี้ “ตัตถะ โว ยาวะชีวัง ตัง โว ยาวะชีวัง อะกะระณียัง”)

จากนั้นพระภิกษุผู้บวชใหม่เดินตามพระคู่สวดเข้าท่ามกลางสงฆ์  ถวายเครื่องสักการะ  และกรวดน้ำรับพรสืบต่อไป

ความเข้าใจเรื่องอนุศาสน์

คำสอนเบื้องต้นสำหรับพระภิกษุผู้บวชใหม่

อนุศาสน์ คือ คำสอนเบื้องต้นที่พระอุปัชฌาย์สอนพระภิกษุผู้บวชใหม่มี ๘ ข้อ  แบ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตแบบพระภิกษุ เรียกว่า นิสัย ๔ และกิจที่พระภิกษุทำไม่ได้ เรียกว่า อกรณียกิจ ๔  ซึ่งมีข้อควรทำความเข้าใจ ดังนี้

บิณฑบาต เมื่อบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้วต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เนื่องจากพระภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่มีอาชีพอื่น เช่น ไม่มีอาชีพทำนา ทำไร่ ค้าขาย เป็นต้น แต่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการขออาหารจากชาวบ้าน

ความหมายของคำว่า ภิกษุ นัยหนึ่งแปลว่าผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร  อีกนัยหนึ่งแปลว่า ผู้ขอ  โดยกิริยามิใช่โดยการออกปาก การบิณฑบาตเป็นการขอโดยอาการที่รู้กันของชาวบ้านเท่านั้นไม่ใช่การเอ่ยปากขอ  หรือทำเลศให้รู้เป็นนัย ก้าวย่างบิณฑบาตยามรุ่งอรุณเป็นสิ่งที่งดงาม  เป็นการเลี้ยงชีพที่บริสุทธิ์สำหรับพระภิกษุ ตามวิถีทางแห่งนักบวชในทางพระพุทธศาสนา

ผ้าบังสุกุล  คือ ผ้าที่พระภิกษุเก็บเศษผ้าท่อนเล็กท่อนน้อยซึ่งตกอยู่ตามพื้นดิน เปื้อนฝุ่นไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม  โดยที่สุดแม้ผ้าที่เขาใช้ห่อศพ ตกอยู่ตามป่าช้า  พระภิกษุเก็บมาเย็บปะต่อกันเป็นผืน ซัก เย็บ ย้อมใช้เป็นจีวรสำหรับนุ่งห่ม ปัจจุบันแม้พระภิกษุจะใช้ผ้าสำเร็จรูปที่ชาวบ้านถวาย  แต่ก็รวมเข้าในผ้าบังสุกุล  เพราะเป็นผ้าที่ถูกตัดให้เป็นท่อนเล็กท่อนน้อย  มีข้อกำหนดและวิธีการใช้ที่ระบุไว้ในพระวินัย

การอยู่โคนต้นไม้  ชีวิตพระภิกษุในพระพุทธศาสนาต้องสละบ้านเรือน ออกบวชเป็นผู้ไม่มีบ้านเรือน  จึงต้องอาศัยอยู่ตามร่มไม้ ป่าเขา เงื้อมผา  เถื่อนถ้ำ  ภายหลังมีผู้เลื่อมใสสร้างวัดถวาย  ปัจจุบันจึงมีวัดวาอารามเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพระภิกษุ 

ยารักษาโรค เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างพระภิกษุ ธรรมดาสังขารร่างกายเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ การจะไม่มีโรคนั้นเป็นไม่มี พระพุทธองค์จึงอนุญาตให้พระภิกษุฉันสมอและมะขามป้อมดองด้วยน้ำปัสสาวะเป็นยาได้ตลอดเวลา  เรียกว่ายาดองด้วยน้ำมูตร เพื่อจะได้เป็นผู้มีโรคน้อย   และมีกำลังในการบำเพ็ญกิจสงฆ์     ในปัจจุบัน นอกจากยาสมุนไพรแล้ว ยาแผนปัจจุบันก็เข้ามาแทนที่   

นิสัย ๔ ข้างต้นเป็นกิจวัตรที่ต้องปฏิบัติเพราะเป็นวิธีการดำรงชีวิตแบบพระภิกษุในพระพุทธศาสนา  ส่วนกิจที่พระภิกษุทำไม่ได้  เรียกว่า อกรณียกิจ มี ๔ ข้อ ดังนี้

พระภิกษุมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตหรือตายแล้ว ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที    เปรียบเหมือนคนถูกตัดศรีษะแม้จะนำศีรษะมาต่อเข้ากับร่างก็ไม่อาจมีชีวิตฟื้นขึ้นมาได้

พระภิกษุลักทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสก[๑]ขึ้นไป มีค่าเท่ากับ  ๑  บาท   ปัจจุบันตีค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก  ๒๐  เมล็ดข้าวเปลือก ต้องอาบัติปาราชิก มีจิตคิดจะลักเอื้อมมือไปแตะเป็นอาบัติทุกกฎ หากของนั้นไหวแต่ยังไม่เคลื่อนออกจากที่ตั้ง เป็นอาบัติถุลลัจจัย หากเคลื่อนออกจากที่เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ  เปรียบเหมือนใบไม้แก่เหลืองหลุดจากขั้วไม่อาจมีความเขียวสดได้อีก

พระภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์หรือใช้ผู้อื่นให้ฆ่า   หรือทำอาวุธให้เขาด้วยเจตนาจะให้เขาฆ่าตัวตาย  หรือบังคับให้เขากินยาพิษ   หรือกล่าวพรรณนาคุณของความตายเพื่อให้เขาฆ่าตัวตาย   ทำคาถาอาคมฆ่าด้วยคุณไสย โดยที่สุดแม้การทำแท้งและแนะนำวิธีการฆ่าด้วยอุบายต่าง  ๆ  ขาดจากความเป็นพระภิกษุ

การพูดอวดคุณวิเศษ หมายถึง คุณวิเศษที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิวิปัสสนาจนได้บรรลุคุณวิเศษทางพระพุทธศาสนา  ได้แก่ ฌาน    คือ  (๑)ปฐมฌาน  (๒)ทุติยฌาน  (๓) ตติยฌาน  (๔)จตุตถฌาน,  วิชชา  ๓   คือ (๑) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  ระลึกชาติได้  (๒) จุตูปปาตญาณ  ญาณกำหนดการเกิดการตายของสรรพสัตว์  (๓) อาสวักขยญาณ  ญาณที่รู้การทำลายกิเลส เป็นต้น  ที่ตนเองไม่มี ไม่ได้บรรลุ  เพื่อต้องการให้ผู้อื่นนับถือศรัทธา ยกย่องเชิดชู โดยหวังลาภสักการะชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออื่นใดก็ตาม  พระภิกษุอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตนขาดจากความเป็นพระภิกษุ 

พระพุทธองค์ทรงห้ามภิกษุอวดคุณวิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้พระภิกษุใช้คุณธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งอวดอ้าง อันจะเป็นเหตุให้ภิกษุหลอกลวงชาวบ้านเลี้ยงชีพ

การบอกอนุศาสน์  พระอุปัชฌาย์จะบอกพระภิกษุใหม่ทันทีภายหลังจากบวชเสร็จสิ้นลงแล้ว เพื่อสอนให้รู้ถึงการดำเนินชีวิตอย่างพระภิกษุ  และการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการทรงภาวะความเป็นสมณะศากยบุตร


[๑]  ๕ มาสก เป็น  ๑  บาท   ตามมาตราวัดสมัยพุทธกาล  ปัจจุบันตีค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก  ๒๐  เมล็ดข้าวเปลือก

ขอขอบคุณ ภาพการบรรพชาอุปสมบท โครงการ พระนวกะโพธิ รุ่นที่ ๖ จัดโดย สำนักงานกำกับพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ ในขณะนั้น ร่วมกับ พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล ระหว่างวันที่ ๑๘ -๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ขอขอบคุณ ภาพการบรรพชาอุปสมบท โครงการ พระนวกะโพธิ รุ่นที่ ๖ จัดโดย สำนักงานกำกับพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ ในขณะนั้น ร่วมกับ พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล ระหว่างวันที่ ๑๘ -๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

(โปรดติดตามตอนต่อไป )

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ปีพ.ศ.๒๕๕๙
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ปีพ.ศ.๒๕๕๙

ญาณวชิระ เป็นนามปากกาของ ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ท่านเขียนหนังสือธรรมะมากมาย แต่ละเล่มล้วนเต็มไปด้วยสารัตถะแห่งธรรมที่เข้าใจง่าย และนำมาปฏิบัติแก้ทุกข์ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับ คณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร , หลักแห่งการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน , พุทธานุภาพ อานุภาพของพระพุทธองค์ , มหาสมัยสูตร ,การ์ตูนแอนนิเมชั่น เรื่อง ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุ ,ทฤษฎีเบื้องต้นแห่งปรัชญาไทย, ประทีปแห่งแม่น้ำมูล , ทศชาติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ,ตำนานภูเขาทอง , ลูกผู้ชายต้องบวช , สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน ,หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์แห่งการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ,บามิยัน ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง และมืดมนยาวนานแห่งพระพุทธศาสนา, สุวรรณบรรพต สยามพุทธศิลป์ , พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และ ความเป็นมาของพระอภิธรรม เป็นต้น

หนังสือ “ลูกผู้ชายต้องบวช” โดย ญาณวชิระ จัดพิมพ์เป็นธรรมทานโดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร วัดสระเกศ / ที่ปรึกษา : พระเทพรัตนมุนี , พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง) และพระมหาธีระศักดิ์ ธีรปญฺโญ /บรรณาธิการ โดย พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี และ มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ / ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส ภาพวาดประกอบโดย หมอนไม้ / แบบปก – รูปเล่ม โดย พระมหาเดชา ปญฺญาคโม และ พระมหาสมบัติ ภูริปญฺโญ / ภาพปกโดย ศิลปิน พีร์ ขุนจิตกร/ ผู้อุปถัมภ์การจัดพิมพ์ บริษัท โตโยต้าบัสส์ จำกัด / ขอรับหนังสือได้ฟรีที่ศาลาหลวงพ่อดวงดี วัดสระเกศ จนกว่าหนังสือจะหมด

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here