ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ชรัง อนตีโต : เมื่อความชรามาเยือน ๓๕ “หลวงตาจันทร์ได้ทหารฝรั่งช่วยสร้างโบสถ์ ” ผู้เขียน ญาณวชิระ (พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
๓๕. หลวงตาจันทร์ได้ทหารฝรั่งช่วยสร้างโบสถ์
เรื่องเครื่องบินทหารฝรั่งมาตกที่หัวป่าแวง มีส่วนเกี่ยวโยงกับการสร้างโบสถ์หลังใหม่ของวัดปากน้ำ เพราะทหารฝรั่งได้ให้เหล็ก หิน อิฐ ปูนมาช้วยสร้างโบสถ์ ตกเย็นมาพ่อถ่านจะตีกลองโฮมขอแรงลูกหลานชาวบ้านมาช่วยกันขนดินเข้าโบสถ์ พอกินข้าวแลงเสร็จ ลูกหลานชาวบ้านก็จะชวนกันไปช่วยขนดินจนดึก
เรื่องทหารฝรั่งช่วยสร้างโบสถ์ อยู่ในประวัติพ่อถ่าน ขอนำมาเล่าไว้ในที่นี้ด้วย
เมื่อสงครามโลก ครั้งที่สองยุติลงแล้ว มหาสงครามแห่งเอเชียก็เริ่มก่อตัวขึ้น ในนามมหาสงครามเอเชียบูรพา ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ต่อมา มหาสงครามเอเชียบูรพาก็สิ้นสุดลง ด้วยความปราชัยของฝ่ายญี่ปุ่น จนถึงการเข้ามาประจำการในฐานทัพอุบลราชธานี ของทหารสหรัฐอเมริกา เพื่อลำเลียงกำลังพลโจมตีเวียดนาม ในสงครามเวียดนาม และเครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้มาตกที่หัวป่าแวง บริเวณหมู่บ้านปากน้ำ เยื้องไปทางบ้านเค็ง ตำบลกระโสบ
เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ ได้กลายเป็นสาเหตุทำให้ทหารสหรัฐอเมริกาเข้าออกบ้านปากน้ำและหมู่บ้านใกล้เคียงในบริเวณนี้มากขึ้นจึงได้รู้จักกับพ่อถ่าน และได้นำเหล็ก อิฐ ปูน หิน ทรายมาช่วยสร้างโบสถ์หลังใหม่
“พ่อถ่าน” “ญาถ่าน” หรือ “หลวงตาจันทร์” เป็นชื่อที่ลูกหลานชาวบ้านใช้เรียกหลวงปู่เจ้าคุณพระมงคลธรรมวัฒน์ (บุญจันทร์ จตฺตสลฺโล) ท่านมีนามเดิมว่า บุญจันทร์ นามสกุล ประสานพิมพ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๙ บ้านปากน้ำ (บุ่งสระพัง) ตำบลดอนมดแดง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โยมบิดา ชื่อ นายคำทน ประสานพิมพ์ โยมมารดาชื่อ นางคูณ ประสานพิมพ์
ต่อมา จังหวัดอุบลราชธานีมีการแบ่งเขตอำเภอใหม่ ตำบลดอนมดแดงถูกยกขึ้นเป็นอำเภอดอนมดแดง โดยให้บ้านปากน้ำขึ้นอยู่กับอำเภอเมืองอุบลราชธานี
พ่อถ่านบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดปากน้ำ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ขณะมีอายุ ๑๕ ปี โดยมีพระครูคัมภีรญาณ วัดบ้านแคน ตำบลดอนมดแดง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีญาถ่านทา หอมสมบัติ เป็นอาจารย์ผู้สอนข้อวัตรปฏิบัติเบื้องต้น
เนื่องจากญาถ่านทา หอมสมบัติ เป็นลูกศิษย์ของพระครูวิโรจน์รัตโนบล (รอด นนฺตโร) วัดทุ่งศรีเมือง ญาถ่านทาจึงได้นำสามเณรบุญจันทร์ ไปฝากศึกษาข้อวัตรปฏิบัติอยู่กับพระครูวิโรจน์รัตโนบล ที่วัดทุ่งศรีเมือง หลังพระครูวิโรจน์มรณภาพ ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดปทุมมาลัยกับเจ้าคุณพันธ์ (พระเมธีรัตโนบล ป.ธ.4) ในยุคนั้น วัดในหัวเมืองจะมีเจ้าคุณสักรูปก็แสนยาก เจ้าคุณพันธ์เป็นคนดุ เจ้าระเบียบ แต่ก็มีเมตตาสูง ห้ามไม่ให้ลูกศิษย์เรียนทางโลก พ่อถ่านแอบไปเรียนที่วัดสุปัฏนาราม เจ้าคุณพันธ์กลัวว่าลูกศิษย์จะกลับมาไม่ทันเพล ก็ให้แม่ออกแบ่งอาหารเพลไว้ให้ บั้นปลายชีวิต เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ เจ้าคุณพันธ์จึงหนีไปฝั่งลาวจนถึงมรณภาพ
ต่อมา พ่อถ่านออกมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดบ้านเกิด พัฒนาวัด พัฒนาบ้าน จนเจริญมาอย่างทุกวันนี้ ตอนพ่อถ่านออกมาเป็นเจ้าอาวาสพรรษาแรกนั้น ท่านเล่าว่า สาดปูนอน หมอนหนุนหัว ถ้วย โถ โอ ชาม จะใส่กินก็ไม่มี พอออกพรรษา เจ้าคุณพันธ์ซึ่งเป็นอาจารย์ก็ทำกฐิน สาด หมอน ถ้วย โถ โอ ชาม มาทอดถวาย
พ่อเล่าว่า ที่วัดทุ่งศรีเมืองในช่วงนั้น หัวพ่อทัน พ่อของแม่ใหญ่ผิว พ่อใหญ่หยู่ คนบ้านปากน้ำ ไปบวชอยู่กับพระครูวิโรจน์ จึงมีลูกหลานชาวบ้านปากน้ำอีกหลายคน ไปเป็นเด็กวัดเรียนหนังสืออยู่ที่วัดทุ่งศรีเมืองด้วย
ต่อมา พ่อถ่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดปากน้ำ ในวันที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ โดยมีพระครูคัมภีรญาณ วัดบ้านแคน ตำบลดอนมดแดง อำเภอเมืองอุบล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จตฺตสลฺโล” หมายถึง ผู้ถอนลูกศร คือ กิเลสเครื่องผูกรัดได้แล้ว
พ่อถ่านครองสมณเพศอยู่ต่อมา ได้พัฒนาบ้านเกิดให้มีความเจริญก้าวหน้า จนได้รับสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ มีราชทินนามว่า “พระมงคลธรรมวัฒน์” แม้ท่านจะได้รับสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ แต่ชาวก็ยังเรียกท่านว่า หลวงตาจันทร์ พ่อถ่านจันทร์ หรือ ญาถ่านจันทร์ อยู่เหมือนเดิม จนแทบจะไม่มีใครรู้จักชื่อสมณศักดิ์ของท่าน
ท่านมรณภาพขณะมีอายุได้ ๘๑ ปี ในวัยชรา
ตามประวัติยังเล่าไว้ด้วยว่า ตอนที่พ่อถ่านยังเป็นสามเณรไปอยู่วัดทุ่งศรีเมืองนั้น พระครูวิโรจน์ฯ ท่านชราภาพมากแล้ว แม้ชราภาพเช่นนั้น ท่านก็ยังมีเมตตาออกมาที่บ้านปากน้ำอยู่หลายครั้ง ด้วยท่านมีความผูกพันกับหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากสมัยที่ท่านไปบูรณะพระธาตุพนม มีชาวบ้านเป็นลูกศิษย์บวชอยู่กับท่านหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นญาถ่านทา ญาถ่านทัน ญาครูคำ(พ่อใหญ่คำ ทองปรุง)ก็ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดที่เคยบวชอยู่กับท่าน และได้ติดตามท่านไปบูรณะพระธาตุพนมด้วย พระครูวิโรจน์จึงถือวัดปากน้ำเป็นวัดของลูกศิษย์
ภายหลังชาวบ้านอยากมีวัดอยู่ที่ท่าน้ำคำ พระครูวิโรจน์จึงได้ออกมาสร้างวัดและให้ญาครูคำมาอยู่ที่วัดท่าน้ำคำ ในเวลาต่อมา ญาครูคำลาสิกขา วัดท่าน้ำคำไม่มีคนสืบต่อจึงถูกปล่อยทิ้งร้างมาตั้งแต่บัดนั้น ชาวบ้านเรียกว่าโนนวัด มีต้นตาลอยู่สองสามต้น ผู้ใหญ่บ้านชิดเช่าทำไร่ปอ เมื่อก่อนพ่อกับแม่ก็ไปเกี่ยวหญ้าใส่กระสอบขึ้นท้ายจักรยานมาให้วัว
จวบจนใกล้ถึงวาระสุดท้ายแห่งการละสังขารขันธ์ของพระครูวิโรจน์ เล่ากันว่ามีชาวบ้านตกน้ำบุ่งตายติดต่อกันหลายคน จนลือกันไปว่า มีคนเห็นเงือก เห็นผีบุ่งผีมูล ชาวบ้านจึงไปนิมนต์ท่านมาทำพิธีกันบ้านกันเมืองปัดเป่าเหตุเภทภัยให้ลูกหลาน
หลวงปู่พระครูวิโรจน์ ให้ลูกศิษย์นำขึ้นแคร่หามลงเรือล่องมาตามแม่น้ำมูลออกมาเยี่ยมเยียนลูกหลานชาวบ้านปากน้ำ เหมือนท่านอยากเห็นลูกศิษย์ลูกหาเป็นครั้งสุดท้าย
ท่านได้ทำพิธีลงอาคมใส่ก้อนหินแล้วให้นำไปโยนลงตามน้ำบุ่ง ตามมูล แล้วให้ย้ายศาลปู่ตามารวมกันอยู่หอปู่บุ่งสระพัง จะได้ป้องกันสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้กับชาวบ้าน เสาประทายปากบุ่งสระพัง ท่านก็เป็นคนทำพิธีให้
พระครูวิโรจน์ปลอบลูกหลานชาวบ้านว่า “มื้อหน้า ช้างสิเหยียบนา พญาสิเหยียบเมือง บ้านเมืองสิเจริญ ผู้คนจะสัญจรไปมาบุ่งสระพัง คนมีบุญสิมาเกิด ลูกหลานสิได้พึ่งพาอาศัย”
ในประวัติพ่อถ่านเล่าเอาไว้ว่า ภาพภิกษุผู้ชราอยู่ในอาการสงบบนแคร่ ถูกห้อมล้อมด้วยชาวบ้านอย่างอบอุ่นเนืองแน่น จากบุ่งสระพังลัดเลาะเข้าสู่หมู่บ้าน คือ ภาพสุดท้ายที่ชาวบ้านได้เห็น คล้อยหลังจากนั้นไม่นาน พระครูวิโรจน์ก็ละสังขารไปอย่างสงฆ์ผู้สงบ
พ่อเล่าถึงญาถ่านทันพ่อของแม่ใหญ่ผิวว่า หัวพ่อทันเป็นพ่อแม่ใหญ่ผิว พ่อใหญ่หยู่ บวชอยู่วัดทุ่งศรีเมือง ท่านเก่งทางสรรพวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ตามแบบอย่างพระครูวิโรจน์ ตอนที่ท่านอยู่วัดทุ่งคงมีเด็กวัดเรียนหนังสืออยู่กับท่านมาก
คนบ้านเราที่ไปเป็นเด็กวัดเรียนหนังสืออยู่กับท่านก็มีหลายคน ท่านเอาหลานไปอยู่เรียนหนังสือด้วย ชื่อ กรณ์ ลูกแม่ใหญ่ผิว พ่อใหญ่หยู่ เป็นเพื่อนกันกับพ่อ เคยเลี้ยงควายอยู่หัวบุ่งด้วยกัน แต่บักกรณ์ไปเรียนหนังสืออยู่วัดทุ่งศรีเมืองได้ไม่นาน นั่งผิงไฟหน้าหนาวแล้วหยอกล้อกัน ไม่รู้ผลักกันอย่างไรจึงล้มใส่กองไฟ เนื้อตัวเปื่อยผุพอง รักษาไม่หาย อยู่ต่อมา ก็กลายเป็นขี้ทูด* (*ขี้ทูด คือ โรคเรื้อน) มือหงิกงอ นิ้วมือนิ้วเท้ากุด จึงไม่ได้เรียนหนังสือ กลับออกมาเลี้ยงควายอยู่ด้วยกันกับพ่อ
ชรัง อนตีโต : เมื่อความชรามาเยือน ๓๕ “หลวงตาจันทร์ได้ทหารฝรั่งช่วยสร้างโบสถ์ ” ผู้เขียน ญาณวชิระ (พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) อดีต พระราชกิจจาภรณ์
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๙๓๓๗๘ – ๖ – ๗
ผู้เขียน : ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๖๗
จำนวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม
จำนวนหน้า : ๓๐๔ หน้า
จัดพิมพ์ โดย : สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เลขที่ ๓๔๔ อาคารสันติวัคคีย์ แขวงบ้านบาตร
เขตป้อมปราบ กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐
พิมพ์ที่ : หจก.นิวไพศาลการพิมพ์
เลขที่ ๕๓ เจริญนคร ๔๖ บางลำพูล่าง
เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร