จาริกธรรมในอเมริกา
(ตอนที่ ๔๕)
แผลกายและแผลใจ
โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
การทำงานก่อสร้าง หรืองานทั่วไป ก็อาจจะหลงลืมตัวจนทำให้ตนเองมีบาดแผลในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งได้ มีทั้งร่องรอยขุดขีด มีแผลน้อยใหญ่ เป็นตำหนิคอยย้ำเตือนความหลังไว้ให้ระลึกนึกถึงเล่นได้บ้าง
บาดแผลที่เกิดขึ้นกับตัวจากอุบัติเหตุแล้ว ต้องดูแลรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติ ถ้าไม่หายนั้นหมายถึงเราต้องเสียเวลาอยู่กับมันดูแลรักษาทายาล้างแผล เพื่อฆ่าเชื้อไม่ให้เน่าติดเชื้อ ไม่ดูแลรักษาปล่อยปละละเลย แผลที่เป็นอยู่ก็จะติดเชื้อเน่าเหม็นเป็นอันตรายได้ในที่สุด ไม่สามารถรักษาได้ จำเป็นจะต้องสละเนื้อที่เน่าเหม็นไร้ประโยชน์ตัดทิ้งเสีย เสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนมาก
เมื่อเราเจ็บป่วย เป็นแผลจากเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่เราจะสูญเสียในชีวิตของเราคือ เสียเวลาที่จะต้องมานอนรักษาตัวเองให้หายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เดือดร้อนพ่อแม่พี่น้องสามีภรรยาลูกต้องมาเฝ้าดูจัดแจงหุงหาอาหารมาให้รับประทาน หายามาทา หรือให้รับประทานเพื่อรักษาตนเอง
เสียการงานหน้าที่ที่รับผิดชอบ งานที่เคยทำได้ปกติทุกวันกับเพื่อน โครงการหรือหน่วยงานจะได้ก้าวไปได้เร็วก็กลับมาชะงักหยุดหรือต้องเสียเวลาไปหาคนมาทำงานแทนอีก. ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงกันหมด
“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสำคัญหมดไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
เพราะเรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องกับเราเสมอ”
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
เสียความรู้สึกที่ต้องมานอนติดเตียงแล้วยังไม่พอต้องมาเฝ้าดูแลบาดแผลอย่างระมัดระวังอีกด้วย สิ่งที่เคยทำก็ไม่ได้ทำ สิ่งที่เคยรับประทานก็ไม่ได้รับประทาน จะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนก็ลำบากกายและใจเสียความเป็นอิสรภาพทั้งทางกายทั้งทางใจด้วย
“ควรใช้ชีวิตให้อยู่ในฐานแห่งความไม่ประมาท
ถ้ามันเกิดขึ้นก็ยอมรับ
และใช้ชีวิตอย่างปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำใจได้”
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
แผลกายหายได้ เพราะทายา
แต่แผลทางใจเราจะทำอย่างไรดีล่ะ
แผลทางใจ เป็นเรื่องของความนึกคิด บางท่านอาจจะมีเรื่องราวของอดีตที่ตรึงตรึกนอนนิ่งอยู่ภายในจิตใจ ยึดมั่นผูกมัดรัดจิตใจไว้ไม่ให้ออกจากมันได้ มีอะไรมากระทบจิตใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะฟุ้งกระจายออกมา ทำให้ผูกอาฆาตเคียดแค้น โมโห หลงมึนขาดสติ
เหมือนใจมืดบอดถูกมนต์ขลังของความโมโหอาฆาตมาบดบังความเป็นจริง ก็กลายเป็นทาสของความคิดที่ไม่ให้อภัย มีแต่ผูกใจเจ็บ ยึดมั่นไม่คิดที่ปล่อยวางมันเลย
สุดท้าย จิตใจเราก็จะเป็นทุกข์ใจ เหมือนเป็นบาดแผลภายในจิตใจ มีอะไรมากระทบเข้าก็ทำให้โมโห เหมือนเราปล่อยปละละเลยแผลไม่ดูแล แผลก็จะติดเชื้อลามไปทั่วเรื่อยๆ
เมื่อเราผูกใจอาฆาตมาดร้าย ก็ไม่ต่างจากแผลที่ติดเชื้อระยะสุดท้ายเน่าเหม็นเป็นหนองในที่สุดต้องตัดมันทิ้งเสีย
ความคิดไม่ให้อภัย ผูกใจเจ็บกับคนอื่น ติดกับอดีตของความนึกคิดที่ไม่พอใจ ขัดข้องใจ เราควรปล่อยวางมันทิ้งเสียบ้าง
มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เมื่อเราทำตัวอย่างไร้ตัวตน ไม่ถือสาอดีต ไม่มีอีโก้ ใจปล่อยวางได้ ให้อภัย ให้อโหสิกรรม ทำใจให้มีความเมตตาจิตต่อคนที่เราคิดไม่ดีได้ ใจจะเบาบาง สบายกายใจก็จะสบายด้วย ค่อย ๆ ทำค่อยเป็นค่อยไปแล้ว ก็จะอยู่ตัวในความเป็นปกติสุข หรือใจเฉยกับเรื่องที่ผ่านมาได้
จงคิดไว้เสมอว่า
“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่คงที่
เพียงแค่เราเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงนั้น
ทำใจให้เป็นกลางเฝ้าดูรู้เห็นมัน
ด้วยความรู้สึกตัวเสมอ
ชีวิตภายในก็ปกติสมดุลกับความเป็นจริงของธรรมชาติ”
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
แผลกายรักษาให้หายได้ด้วยการทายา
แผลทางจิตใจรักษาให้หายได้ด้วยการมีธรรมะ
จ๊อด
๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๔๕) แผลกายและแผลใจ เขียนโดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย