![ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/05/91525233_2906717496074820_3577046873770295296_n-1024x768.jpg)
จาริกธรรมในอเมริกา
ตอนที่ ๓๔
“ไซเบอร์จะมีบทบาทแทนที่พระสงฆ์ ?”
โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
![พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/05/101038983_824997408023705_141606205620486144_n.jpg)
ปีนี้ ๒๕๖๓ ของพุทธศักราชของเราชาวพุทธ
เวลาไม่เคยรอคอยใครต่อใคร เวลาเพียงแค่ทำหน้าที่ของเวลาเป็นปกติธรรมชาติ แล้วไม่มีใครจะหยุดยั้งห้ามเวลาได้เลย
ในอดีตความเจริญทางวัตถุยังน้อยอยู่ ส่วนจิตใจของคนเจริญสูงด้วยคุณธรรมความดี
ยุคนี้ก็จะกลับกัน ความเจริญทางวัตถุมาก ส่วนจิตใจของคนค่อยตกต่ำลงเรื่อยๆ ห่างไกลจากธรรมะ คุณงามความดี ตามสถานการณ์ข่าว ที่เราได้เสพติดในทุกวัน
มีแต่ข่าวที่ทำให้จิตใจตก ขัดแย้งแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน พ่อข่มขืนลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ครูบางท่านเป็นแม่พิมพ์ของเด็กกลับมากระทำชำเราอนาจารเด็กใช้อำนาจข่มขู่เด็กบ้าง เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เราต้องเผื่อใจไว้ทุกครั้งในการเสพข่าว ต้องดูด้วยว่า ข่าวมีเจตจำนงอย่างไร ความจริงอาจเป็นคนละด้านกับสื่อที่ออกมา ต้องระวังใจ ระวังวาจา และระวังการกระทำไปตามอารมณ์ตามที่ข่าวชี้นำไปในทางที่อาจจะสร้างความขัดแย้งให้ยิ่งขึ้น พาดหัวข่าวให้คนสะใจมากขึ้น อันตรายต่อความคิดคนไปในทางตกต่ำ เกลียดชัง หวาดระแวงกันมากขึ้น เราต้องระวังจิตของเรา ต้องมีวิจารณญาณในการอ่านข่าวเสพข่าว ไม่งั้นเราจะตกหลุมพลางคลื่นอารมณ์พายุติดลบที่พัดพาให้ผู้คนตกอยู่ในวงเวียนกรรมใหม่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ความเจริญทางด้านวัตถุ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายเป็นหลักคือทางกายรองลงมาคือใจ
มีนักวิทยาศาสตร์คิดค้นอุปกรณ์พัฒนาสิ่งของใช้สอยในการดำเนินชีวิตให้ย่นเวลา ยื้อชีวิตได้ระยะหนึ่งเท่านั้น มีของใช้โดยไม่ประหยัดเวลา ออกนอกโลก สำรวจตรวจสอบนอกโลกส่องดูดวงดาวต่างๆ มากมาย
นี่เป็นส่วนหนึ่งของความเจริญทางด้านวัตถุ
ความเจริญทางด้านจิตใจ คือ พัฒนาจิตใจของตนให้สูงมีคุณธรรมหล่อเลี้ยงจิตใจ ดีใจ ใจดี มีความโกรธน้อย
มีใจเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนอื่นที่ตกทุกข์ได้ยากให้เขามีความสุข ช่วยเหลือตนเองได้ระดับหนึ่ง เพื่อสังคมสงบสุข กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่และผู้มีบุญ ซื่อสัตย์ต่อบทบาทหน้าที่ตนรับผิดชอบ ยอมรับทั้งผิดทั้งชอบต่อตนและผู้อื่นด้วย
![ขอขอบคุณ ภาพวาดประกอบโดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/05/99436566_2678221082281855_6496644566463021056_n-790x1024.jpg)
ทำไม บอกว่า ไซเบอร์จะมีบทบาทแทนพระสงฆ์เป็นองค์จริงๆ
ก็ตอบว่าโลกได้หมุนเวียนเที่ยวไปเรื่อยๆ การพัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวหน้ามาอย่างรวดเร็วและเข้ามามีบทบาทแทนที่คน หรือเป็นอุปกรณ์สื่อให้คนได้ใช้สอยพัฒนาตนและกิจกรรมการงาน ธุรกิจ ในชีวิตประจำวัน
ส่วนพระสงฆ์ก็ปรับตัวให้เข้ากับชาวโลกแบบฉบับของพระสงฆ์เอง อยู่กับโลกเรียนรู้โลกแต่ไม่ยึดติดมั่นถือมั่นกับโลกนัก
ถ้าเอนเอียงไปทางโลกมากก็ควรหรือไม่ควรให้เหมาะสมตามเหตุปัจจัย เพื่อไม่ชาวโลกติเตือน หรือยอมรับได้
กรณีตัวอย่างเช่น
ได้ดูข่าวจากอินเทอร์เน็ตทางช่องยูทูป ว่า
พระสงฆ์ให้พรญาติโยมผ่านทางโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เนื่องจากว่าโยมอยากทำบุญ ถวายสังฆทาน แต่เวลาไม่สะดวกกำลังทำขายอาหารขายอยู่ บุญก็อยากจะได้ เงินก็อยากจะมี ก็มีทางออกให้คือ บอกคนมาส่งอาหารให้ถวายแทนแล้วเปิดโทรศัพท์รับพรจากพระ
หลายท่านคงเคยเห็นนะ บางวัดท่านมีตู้รับบริจาคจตุปัจจัย เพื่อไปบำรุงวัด เสียค่าน้ำค่าไฟ ภายในวัด ทางวัดท่านก็ได้จัดหาตู้หยอดเหรียญรูปเหมือนสามเณรน้อย พอหยอดเหรียญแล้วก็จะมีเสียงแหล่ให้พร หรือ ให้พรญาติโยม
การฟังเทศน์ เจริญพุทธมนต์บทต่างๆ ก็สามารถเปิดดูและฟังแล้วสวดตามได้ สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นก็มี บางคนเปิดยูทูปสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นแล้วสวดตามก็มี
ในอนาคตอาจจะมีหุ่นยนต์มานั่งเทศน์แทนพระสงฆ์ บทบาทท่านก็จะถูกเข้าแทรกแซงก็อาจจะเป็นได้
มองในแง่ลบ พระสงฆ์ก็จะไม่มีบทบาทหากมีหุ่นยนต์พระเข้ามาทำหน้าที่แทนพระสงฆ์องค์จริง
มองในแง่บวก พระสงฆ์ก็มีเวลาเป็นส่วนตัวรีบเร่งเจริญจิตตภาวนามากขึ้น แต่ก็จะขาดการปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้าน เพราะปฏิสัมพันธ์คือการรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีในการสืบทอดพระพุทธศาสนาที่มีรายละเอียดในชีวิตประจำวันปกติเริ่มตั้นแต่การใส่บาตรในยามเช้ากับพระสงฆ์หน้าบ้าน หรือไปทำบุญที่วัดในวันพระก็จะได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ ได้สวดมนต์ รักษาศีลด้วยกัน คุยกับเพื่อนบ้านที่มาทำบุญที่วัด กินข้าวก้นบาตรที่วัด จิตใจผ่อนคลายเกิดความสบายใจกลับมาทำงานอย่างมีความสุข ไม่เครียดกับงาน และสร้างสรรค์งานกับชีวิตให้สมดุลได้ดียิ่งขึ้น พระสงฆ์หลังจากชาวบ้านกลับไปบ้านแล้ว ก็ทำกิจวัตรของสงฆ์ และบำเพ็ญจิตตภาวนาต่อจนกว่าจะสิ้นอาสวะในที่สุด
หากไม่มีพระสงฆ์จริงๆ เป็นหุ่นยนต์ ความสัมพันธ์แบบญาติธรรมจะหายไป ?
แต่อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาเบื้องต้นนั้น เป็นกรณีตัวอย่าง
![ขอขอบคุณ ภาพวาดประกอบโดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/05/IMG_6676.jpg)
การใช้ชีวิตก็ต้องปรับเปลี่ยนแปลงตนเองให้เข้าอยู่กับสังคมตามความเหมาะสมสมควรกับท้องถิ่นนั้นๆ โดยไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์กัน มีการประชุมข้อตกลงกันในสังคมนั้นแล้ว จึงนำเอาออกมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
บทบาทของเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทแทนพระสงฆ์ แต่ความเป็นจริงขององค์ธรรมที่พระพุทธองค์ได้ค้นพบนำมาอบรมสั่งสอนให้บุคคลอื่นได้รู้ตาม คำสั่งสอนของพระองค์ก็อยู่เหนือทางวัตถุภายนอกอยู่เสมอ
ถ้าเราใช้เทคโนโลยีเป็นก็จะกลับกลายมาเป็นประโยชน์มหาศาล มาช่วยในแต่ละด้าน เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างดีเยี่ยม และประกาศพระศาสนาได้อย่างกว้างขวางขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน เราถูกเทคโนโลยีใช้หรือตกอยู่ในอำนาจ เป็นทาสเสพติดนั้นก็นับว่าเป็นโทษมหันต์เช่นเดียวกัน
จ๊อด
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๓
![พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/05/100041530_258681438521128_1329925744054239232_n111-1024x840.jpg)
จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๓๔) “ไซเบอร์จะมีบทบาทแทนที่พระสงฆ์ ?” โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ