![ธรรมนิพนธ์ เรื่อง "หลักการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน" เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/1592476862215-scaled-e1595597815833-1024x683.jpeg)
เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
“ สุวรรณสามตำนานคนกตัญญู”
จดหมายถึงโยมพ่อใหญ่-โยมแม่ใหญ่ (ฉบับที่ ๒)
(ตอนจบ)
จากธรรมนิพนธ์เรื่อง
“หลักการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน”
จดหมายธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ
ให้เกิดความรัก ความศรัทธาแห่งความกตัญญู
โดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/20992672_1766758866671887_4875475555078938943_n-1.jpg)
เจริญพร โยมพ่อใหญ่ -โยมแม่ใหญ่ทั้งสอง
คราวที่แล้ว เล่าถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์มิได้เพียงสอนให้คนมีความกตัญญูอย่างเดียว แต่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติคุณธรรมข้อนี้ ด้วยพระองค์เอง ทรงแสดงกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา คือ พระนางสิริมหามายาอย่างที่ไม่เคยแสดงแก่ใครมาก่อน ด้วยการเสด็จไปจำพรรษาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระอภิธรรมซึ่งถือว่าเป็นปรมัตถธรรมคือ ธรรมอันสูงสุด มีข้อความลึกซึ้งแก่พระนางสิริมหามายาเพื่อทดแทนคำข้าว ป้อนน้ำนม ที่พระพุทธมารดาได้ทรงให้กำเนิดและเลี้ยงดูพระองค์มา พระพุทธองค์ได้แสดงพระธรรมเทศนา สามารถโปรดพระพุทธมารดาให้สำเร็จโสดาปัตติผล
คุณธรรม คือ ความกตัญญูกตเวทีที่กล่าวมานี้ จัดว่าเป็นคุณธรรมสำคัญของมนุษย์ เป็นเครื่องหมายเชิดชูมนุษย์ให้เป็นคนดี ผู้ใดมีความกตัญญูกตเวที ย่อมมีความเจริญก้าวหน้าไม่ตกต่ำ เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป และผลของความกตัญญูกตเวทีนี้ยังเป็นอานุภาพปกป้องคุ้มครองเขาให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ ได้
ผู้ที่ได้รับอานุภาพแห่งความกตัญญูกตเวทีคุ้มครองป้องกัน มีตัวอย่างมาก จะขอแสดงตัวอย่างเพียง “สุวรรณสาม” คนเดียว ซึ่งมีปรากฏอยู่ในชาดกที่พระพุทธองค์ ได้ตรัสเล่าไว้จะขอนำมาเล่าให้โยมทั้งสองฟัง
![โยมแม่ใหญ่จูม วงศ์ชะอุ่ม (คุณย่า)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/โยมแม่ใหญ่.jpg)
สุวรรณสามตำนานคนกตัญญู
ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเล่าว่า สุวรรณสามเป็นผู้มีความกตัญญูเลี้ยงดูมารดาบิดาตาบอดซึ่งบำเพ็ญศีลพรตอยู่ในป่า สุวรรณสามมีหน้าที่ในการแสวงหาผลไม้ เผือกมันในป่า และนำน้ำในลำธารมาเลี้ยงดูมารดาบิดา
วันหนึ่งขณะที่ลงไปตักน้ำในลำธารมีฝูงสัตว์ป่า เช่น เก้ง กวาง เป็นต้น เป็นเพื่อนติดตามแวดล้อมไป และเป็นเวลาเดียวกันกับพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ หนึ่ง พระนามว่า “พระเจ้ากบิลราช” เสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ ทรงทอดพระเนตรเห็นสุวรรณสามมีสัตว์ป่าแวดล้อมรักใคร่ติดตามมาเป็นอันมากก็ทรงมีจิตริษยาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเอาลูกศรอาบยาพิษยิงสุวรรณสามล้มลง ฝูงสัตว์ป่าที่แวดล้อมสุวรรณสามเห็นชายหนุ่มถูกยิงล้มลงก็ตกใจแตกตื่น วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
สุวรรณสามรู้ตัวว่าถูกยิง สุดแสนจะเจ็บปวดเพราะพิษแผลลูกศรที่กำซาบด้วยยาพิษ เห็นว่าตนคงต้องสิ้นชีวิตอย่างแน่นอนจึงร้องไห้คร่ำครวญออกมาด้วยความเป็นห่วงมารดาบิดาผู้ตาบอดว่า
“เราคงจะต้องตายในไม่ช้านี้แล้วชีวิตของเราถึงจะตายไป ก็ไม่เป็นห่วง แต่เราเป็นห่วงมารดาบิดาตาบอดของเรา เมื่อเราต้องมาตายลงเช่นนี้ ท่านทั้งสองจะต้องได้รับความทุกข์เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีผู้ใดจะเลี้ยงดูในป่านี้”
ฝ่ายพระเจ้ากบิลราช เมื่อยิงสุวรรณสามด้วยลูกศรอาบยาพิษแล้ว ทรงสดับเสียงคร่ำครวญของชายหนุ่มที่ไม่ห่วงไยชีวิตตนเอง ทั้งไม่ด่าทอคนที่ยิงตน กลับมีความห่วงไยมารดาบิดาผู้ตาบอดว่า หากขาดตนไปแล้ว ท่านทั้งสองจะอยู่อย่างไร จึงทำให้พระองค์เศร้าสลดใจ ทรงสำนึกผิดที่พระองค์ยิง สุวรรณสาม ชายหนุ่มชาวป่าผู้เป็นคนดี เลี้ยงมารดาบิดาของตนให้ได้รับบาดเจ็บจนจะสิ้นชีวิตเพราะความใจร้ายของพระองค์
พระองค์จึงเสด็จเข้าไปหาสุวรรณสาม แล้วสารภาพว่า พระองค์ทรงทำบาปใหญ่หลวงที่ทำร้ายสุวรรณสามผู้เป็นคนดี พระองค์ทรงให้คำรับรองว่า หากสุวรรณสามต้องสิ้นชีวิตไป เพราะการกระทำของพระองค์ พระองค์จะรับภาระเลี้ยงมารดา บิดา ผู้ตาบอดของสุวรรณสามให้มีความสุขตลอดชีวิต
สุวรรณสามได้ฟังคำสารภาพผิดของพระเจ้ากบิลราชเช่นนั้นก็คลายความห่วงใย และขอฝากมารดาบิดาทั้งสองไว้ ถึงตนจะตายไปก็ถือว่าเป็นกรรมของตน จะไม่จองเวรกับพระราชาที่ทำร้ายตน ตนขออโหสิกรรมต่อพระราชา และขอพระราชาอโหสิกรรมแก่ตนด้วย พูดจบสุวรรณสามก็สลบไป
พระเจ้ากบิลราชก็รีบเสด็จไปหามารดาบิดาของสุวรรณสาม ทรงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านทั้งสองทราบ มารดาบิดาทราบเช่นนั้นก็ตกใจและเป็นห่วงสุวรรณสาม กราบทูลขอให้พระราชารีบนำไปยังริมลำธารที่สุวรรณสามนอนสลบอยู่ พระราชาก็ทรงจูงท่านทั้งสองรีบไปหาสุวรรณสาม
มารดาบิดาได้นั่งอยู่ใกล้ร่างไร้สติของสุวรรณสาม เอามือลูบคลำนวดเฟ้นร่างกายของลูกชายที่นอนสลบอยู่ แล้วตั้งใจอธิษฐาน ขออำนาจคุณความดีที่สุวรรณสามเป็นลูกกตัญญูได้ทำความดีเลี้ยงพ่อแม่ตลอดมา ขอบุญกุศลทั้งปวงจงมารวมเป็นพลังทำลายพิษศรที่กำซาบอยู่ในร่างกายของสุวรรณสามให้คลายพิษลงและขอให้สุวรรณสามได้ฟื้นขึ้นมา
นางเทพธิดาผู้เคยเป็นมารดาของสุวรรณสามในชาติก่อนๆ และสุวรรณสามก็เคยปฏิบัติเช่นนั้น ได้ยินแก่ตนดังนั้น จึงได้อธิษฐานเช่นนั้นบ้าง ด้วยแรงอธิษฐานของมารดาทำให้ยาพิษที่บาดแผลในร่างของสุวรรณสามละลายไป และสุวรรณสามได้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตอยู่ตลอดไป ทำให้มารดาบิดาของสุวรรณสามและพระเจ้ากบิลราชมีความโสมนัสยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องสุวรรณสามแสดงให้เห็นว่า สุวรรณสามถูกทำร้ายเกือบจะสิ้นชีวิตอยู่แล้ว แต่ด้ยอำนาจคุณความดี คือกตัญญูกตเวทีที่สุวรรณสามได้ปฏิบัติเลี้ยงดูมารดาบิดาตลอดมาเป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่มีพลานุภาพทำลายยาพิษช่วยให้สุวรรณสามฟื้นขึ้นมาได้
คนเราแม้จะมีความรู้สูงส่งแค่ไหน ร่ำเรียนจนจบได้เกียรตินิยมจากสถานบันมีชื่อเสียงเป็นดอกเตอร์ เป็นศาสตราจารย์ มีฐานะครอบครัวดีมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่ง และมีหน้ามีตาในสังคม แต่หากใจยังขาดความกตัญญูต่อบรรพบุรุษเสียอย่างเดียวเท่านั้นก็เป็นคนมีเสนียดในตัวเอง ไม่น่านับถือ ไม่น่าไว้วางใจในการคบค้าสมาคม
ส่วนคนกตัญญู อยู่ที่ไหนก็เจริญที่นั่น ไปที่ไหนก็เป็นสุขที่นั่นลูกกตัญญูพ่อแม่ก็ปลื้มใจ ศิษย์กตัญญูครูบาอาจารย์ก็ปิติ ประชาชนพลเมืองมีความกตัญญูต่อแผ่นดิน ไม่สร้างความวุ่นให้เกิดแก่แผ่นดิน บ้านเมืองก็สงบสุข
คนกตัญญู ไม่ว่าจะอยู่ในชาติไหนภพไหน ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกหน้าก็อยู่ เพื่อสร้างคุณความดี และใครได้คนมีความกตัญูญูกตเวทีเป็นสามี เป็นบุตร เป็นภรรยา หรือเป็นเพื่อน เขาย่อมเกิดความเบาใจได้ และถือได้ว่ามีคนดี เป็นกัลยาณมิตร ชีวิตย่อมมีแต่ความสุขใจ
กัลยาณมิตรนั้นนอกจากเขาจะดีในตัวเขาเองแล้ว ยังแนะนำให้คนรอบข้างดีตามไปด้วย
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/D1.jpg)
พระพุทธองค์จึงตรัสเปรียบกัลยาณมิตร หรือเพื่อนที่ดีไว้ว่า เปรียบเสมือนแสงเงินแสงทองของชีวิต หมายความว่า กลางคืนก่อนที่จะสว่างเป็นกลางวัน สัญลักษณ์ของความสว่าง คือแสงเงินแสงทอง ถ้าแสงเงินแสงทองจับขอบฟ้าก็เชื่อมั่นได้ว่าแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์กำลังจะมาเยือน เพื่อขับไล่ความมืดให้จางหายไป เหมือนชีวิตคนเราเมื่อมีคนดีเป็นเพื่อนก็เหมือนรุ่งอรุณแห่งความดีกำลังส่องสว่างในชีวิตและจิตใจเรา
การมีกัลยาณมิตร หรือคนดีเข้าไปเกี่ยวข้องในชีวิตจึงเปรียบเสมือนเป็นนิมิตหมายแห่งความสุขความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในชีวิต
ผู้หวังความเจริญจึงควรสำรวจดูว่า มีกัลยาณมิตร คือคนกตัญญูเป็นเพื่อนหรือไม่ และตัวเราเองมีความกตัญญูอยู่มากน้อยเพียงไร ถ้าบกพร่องก็ควรต่อเติมเพิ่มพูน ถ้ามีอยู่แล้วก็ควรรักษาความดีไว้ พร้อมทั้งให้เจริญงอกงามไพบูลย์มากขึ้นโดยลำดับ แล้วเราจะประสบกับความเจริญตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) เมื่อครั้งยังเป็นพระมหาเทอด ญาณวชิโร](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/S__4194484-768x1024.jpg)
เนื่องจากในวันมาฆบูชานี้ โดยชีวิตของความเป็นพระภิกษุ เป็นพระภิกษุด้วยความรักที่จะเป็น อาตมาไม่มีสิ่งของและทรัพย์สมบัติอื่นใด จะฝากถึงโยมทั้งสองเหมือนลูกหลานคนอื่นๆ นอกจากของฝาก คือธรรมะของพระพุทธเจ้า
ขอให้โยมทั้งสองอย่าได้ประมาทในชีวิต วัยหนุ่มได้ล่วงเลยไปแล้ว อายุยิ่งเหลือน้อยลง เวลาที่จะอยู่ในโลกนี้ก็สั้นเข้า โอกาสที่จะทำบุญสร้างทรัพย์ที่แท้จริงให้กับตนเอง ก็ยิ่งเหลือน้อยลงทุกที
สังขารร่างกายไม่คงทนถาวร อยู่กับเราได้ไม่นานเดี๋ยวมันก็เจ็บโน่นเดี๋ยวมันก็ปวดนี่ อีกหน่อยมันก็ไม่ยอมให้เราใช้ ร่างกายนี้เรายืมเขาใช้มานานแล้ว บางทีอาจถึงเวลาที่เราจะต้องคืนให้กับเจ้าของเดิมแล้วก็เป็นได้ คืนธาตุดินให้กับดิน คืนดินธาตุน้ำให้กับน้ำ คืนธาตุลมให้กับลม คืนธาตุไฟให้ กับไฟ
ในขณะที่ร่างกายยังยอมให้เรายืมใช้ ให้ยึดมั่นในศีลในธรรมอันเป็นทรัพย์ที่แท้จริง
ให้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างลงอย่างเข้าใจ
วันนี้อาตมาปรารภโยมทั้งสองกล่าวถึง เรื่อง ความกตัญญู เพื่อจะเป็นสื่อให้ลูกหลานได้ซึมซับธรรมในข้อนี้ให้เจริญงอกงามขึ้นในจิตใจ เป็นอุปนิสัยในธรรมที่ลึกซึ้งอื่นๆ ต่อไป
คืนนี้ดึกมากแล้ว ท้องฟ้าทั่วกรุงเทพมหานครส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ คืนเพ็ญเดือนมาฆะ
![ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวัํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/DSC0046055511-1024x683.jpg)
เป็นอีกวันหนึ่งที่อาตมาระลึกถึงโยมพ่อใหญ่ โยมแม่ใหญ่ทั้งสอง ระลึกถึงอ้อมแขนที่แกร่งกร้านจากแดดฝน อบอุ่นด้วยเมตตาธรรม นึกถึงความเอื้ออาทรของโยมทั้งสองที่อาตมายังไม่มีโอกาสตอบแทน
อาตมาจำได้ว่า ค่ำคืนเช่นนี้เมื่อวัยเด็ก แสงจันทร์นวลใย สาดแสงอาบท้องทุ่ง แมลงกลางคืนแผดเสียงจ้าระงม ผืนน้ำแม่มูลคดเคี้ยวเหมือนงูยักษ์ต้องแสงจันทร์วาวระยิบ โยมแม่ใหญ่นำดอกไม้ที่อาตมาเก็บให้ไปบูชาพระ สวดพระบทสวดมนต์ไหว้พระแล้วว่านะโม ๓ จบ จนอาตมาจำได้ขึ้นใจมาตั้งแต่ยังเด็ก
อาตมาชอบนอนกับโยมทั้งสอง ฟังเรื่องราวของกระต่ายกับดวงจันทร์ เรื่องราวของดาวลูกไก่ เรื่องราวของทางช้างเผือก เรื่องราวของเสือและการเดินทางของคนหาปลาฯลฯ บางครั้ง อาตมาเคยคิดว่า หากเป็นไปได้ อยากกลับไปสู่คืนวันเก่าๆ ไปมีชีวิตที่สงบเงียบเรียบง่ายอย่างวัยวันที่ผ่านมา ไปฟังนิทานไม่รู้จบจากโยมทั้งสองอีกครั้ง
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/IMG_8871-1-1024x768.jpg)
แต่วันเช่นนั้นก็ผ่านมาแล้ว กลายเป็นอารมณ์ของอดีต แม้อารมณ์ของอดีตพระพุทธเจ้าไม่ให้ใส่ใจ เพราะจะทำให้เป็นกังวล ขุ่นมัว เป็นปลิโพธจิต ไม่มุ่งต่ออารมณ์ปัจจุบัน คลาดเคลื่อนจากอารมณ์กัมมัฏฐาน แต่อาตมาก็ มักจะคิดถึงวันเช่นนั้นอยู่บ่อยๆ
ในวันที่วัยและสังขารของโยมทั้งสองเริ่มชราลงมากเช่นนี้ อยากมีเวลาได้พูดคุยธรรมะกับโยมทั้งสองให้มากๆ เพื่อจะได้ เป็นทรัพย์ที่แท้จริงในโลกหน้า ทรัพย์ คือไร่นาที่เหนื่อยยาก สร้างไว้จนสายตัวแทบขาดในวัยหนุ่มนั้น บัดนี้ไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์สำหรับคนแก่ คนที่มีกำลัง อันชราครอบงำแล้ว แม้แต่มือและเท้าของตัวเองก็แทบจะยกไม่ไหว ก็แล้วทรัพย์สมบัติจะมีประโยชน์อะไร มันว่างเปล่า ว่างไร้จากสิ่งควรยึดถือ ว่าเป็นสมบัติของเรา
![โยมแม่ใหญ่จูม วงศ์ชะอุ่ม (คุณย่า )และ โยมพ่อใหญ่โทน วงศ์ชะอุ่ม (คุณปู่)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/โยมแม่ใหญ่จูม-วงศ์ชะอุ่ม-คุณย่า-และ-โยมพ่อใหญ่-โทน-วงศ์ชะอุ่ม-คุณปู่-1.jpg)
โยมทั้งสองจึงควรแสวงหาทรัพย์ที่แท้จริง อันเป็นทรัพย์ภายใน ซึ่งจะ ติดตัวเราตลอดไป
สุดท้าย ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และด้วยอานุภาพแห่งศีล สมาธิ ปัญญา อันเกิดจากการที่ได้บรรพชา อุปสมบท ในพระพุทธศาสนา และที่เคยได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติ ตลอดถึงชาติปัจจุบัน ขอให้โยมพ่อ ใหญ่ โยมแม่ใหญ่ มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรมเจ้า และมีพระสังฆอริยเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกอยู่เสมอ อย่าได้ประมาท ขอให้มีสุขภาพกายที่ดี และสุขภาพใจแชมชื่นรื่นเริงเบิกบานในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดไป
![ธรรมนิพนธ์ เรื่อง "หลักการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน" เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/1592476822837-862x1024.jpeg)
มาฆบูชา, ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๓
หมายเหตุ : จดหมายฉบับนี้เขียนตั้งแต่พ่อใหญ่ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่ได้ส่งค้างมาจนบัดนี้
ธรรมนิพนธ์ เรื่อง “หลักการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน” เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดย สำนักพิมพ์อนันตะ ฉบับธรรมทาน