ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๑๙ ข ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ประกาศ
สถาปณาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
ตามที่ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) และพระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คำมา) ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา และได้มีพระราชโองการถอดถอนสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ นั้น
บัดนี้ ศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีการทุจริตเบียดบังเอาเงินไปเป็นประโยชน์ของตน โดยพฤติการณ์ถือได้ว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรง และมิได้มีการเบียดบังทรัพย์เป็นของตน ประกอบกับไม่มีการกล่าวคำลาสิกขาและสละสมณเพศ ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ยังคงดำรงตนอย่างพระภิกษุโดยตลอดระหว่างถูกคุมขัง จึงมีสภาวะเป็นพระภิกษุ มีสถานะเป็นพระธงชัย สุขญาโณ และพระมหาบุญทวี ปญญาว์โส ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๑
จึ่งทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ดังนี้
๑. ให้ พระธงชัย สุขญาโณ ดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมสิทธิ กิตติธรรมประยุต วิสุทธิศีลาจาร สุวิธานวรกิจจานุกิจ วิสิฐวิเทศศาสนวราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร
๒. ให้ พระมหาบุญทวี ปญฺญาวํโส วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงกรุงเทพมหานคร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ มีนามว่า พระศรีคุณาภรณ์
โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
ที่มา https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/30586.pdf
วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
ประวัติ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ)
วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
๑. สถานะเดิม
ธงชัย นามสกุล สุขโข เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๙๙ อายุ ๖๘ ปี อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
๒. การบรรพชา – อุปสมบท
หลังจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ได้รับการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ได้ศึกษาความรู้พระปริยัติธรรมจนสอบไล่ได้ความรู้นักธรรมชั้นเอกจากสำนักเรียนวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
ต่อมา ได้ย้ายมาพำนักเข้าสังกัดวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร แขวง บ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร และได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๑๙ ณ วัดสระเกศ โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราช (ซึ่งในขณะนั้น ดำรงสมณศักดิ์ ที่ พระพรหมคุณาภรณ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายา ว่า “สุขญาโณ”
๓. วิทยฐานะ
– สอบได้ความรู้นักธรรมชั้นเอก
– สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) คณะสังคมศาสตร์ วิชาเอกรัฐศาสตร์ (บริหารรัฐกิจ) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ได้รับการถวายปริญญาบัตร จากหลายสถาบันการศึกษา
๑. ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการเชิงพุทธ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
๒. ปริญญาสังคมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
๓. ปริญญาสังคมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
๔. ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยสยาม
๕. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยรังสิต
๔. งานปกครอง
ได้ปฏิบัติงานสนองงานของคณะสงฆ์และสนองงานของวัดสระเกศด้วยความทุ่มเท มีวิริยะอุตสาหะ จนได้รับความไว้วางใจจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ให้เป็นพระอุปัฏฐาก สนองงานใกล้ชิด และต่อมาได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
จาริกธรรม ปฏิบัติศาสนกิจประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย เพื่อวางรากฐานการสร้างวัดในทวีปยุโรป
งานปกครองภายในวัดสระเกศ
๑. ปกครองดูแลอบรมสั่งสอนพระนวกะผู้บวชใหม่
๒. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์บรมบรรพต ภูเขาทอง
๓. ก่อสร้างอาคารรับรองอาคันตุกะ
๔. บูรณะกุฏิสงฆ์
๕. บูรณปฏิสังขรณ์พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช ญาโณทยมหาเถระ
๖. บูรณปฏิสังขรณ์โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตึกสมเด็จญาโณทยมหาเถระ พ.ศ.๒๕๐๑
๗. บูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ
๘. บูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารพระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร
๙. บูรณปฏิสังขรณ์ศาลาการเปรียญ
๑๐. บูรณปฏิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก
๑๑. บูรณปฏิสังขรณ์ฌาปนสถาน
๑๒. เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
งานปกครองคณะสงฆ์
๑. เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง
๒. เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๐
๓. เป็นที่ปรึกษาประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ฝ่ายมหานิกาย
๔. เป็นผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง
๕. เป็นที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ฝ่ายกิจการต่างประเทศ
๖. เป็นเจ้าคณะภาค ๑๐
๗. เป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ
๘. เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ ๖
๙. เป็นที่ปรึกษาโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของคณะสงฆ์หนตะวันออก
๑๐. เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
๑๑. เป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๔ ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค ๑๐ ปกครองดูแลคณะสงฆ์ในเขตจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดยโสธร
พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับแต่งตั้งจากแม่กองธรรมสนามหลวง ให้ดำรงตำแหน่ง เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการกำกับดูแลฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๕๖ มหาเถรสมาคม ได้มีมติครั้งที่ ๒๐/๒๕๕๖ มติที่ ๔๑๕/๒๕๕๖ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง และได้ทำการจัดตั้งโครงการประชาสัมพันธ์ เผยแผ่ และรณรงค์การเรียนการสอน และการสอบธรรมศึกษา เพื่อให้พระวิทยากรจัดการอบรมหลักสูตรธรรมศึกษาให้แก่เด็กอนุบาล นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในสถานศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไป
พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนฯ และต่อมาได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ในฐานะประธานดำเนินงานสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้จัดตั้ง “สถาบันพัฒนาพระวิทยากร” ตามประกาศจัดตั้ง ฉบับลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในฐานะประธานดำเนินงานสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้จัดตั้ง “ชมรมสาธยายพระไตรปิฎก วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร” ตามประกาศจัดตั้ง ฉบับ ลงวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๑
๕. งานศึกษา และงานศึกษาสงเคราะห์
๑. ได้เป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนก นักธรรม และแผนกบาลี
๒. ได้ดำเนินการส่งพระภิกษุสามเณรไปสอนธรรมศึกษาในสถานศึกษาต่าง ๆ
๓. ได้ดำเนินการส่งพระสงฆ์ผู้ทรงธรรม ไปแสดงปาฐกถาธรรม ให้การอบรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในสถานศึกษาและองค์กรต่าง ๆ
๔. ได้มอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ที่สอบไล่ได้ความรู้นักธรรมและบาลี ของสำนักเรียนวัดสระเกศ เป็นประจำทุกปี
๕. ได้ให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ ทั้งแก่คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ประสบภัยในครั้งต่างๆ เช่น ภัยสึนามิ และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ณ ประเทศเนปาล ตามมติมหาเถรสมาคม
๖. งานเผยแผ่
ก. งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยการจัดพิมพ์หนังสือ
๑. จัดพิมพ์หนังสือธรรมะ เพื่อแจกจ่ายให้แก่พุทธศาสนิกชน ที่มากราบไหว้สักการะบูชาพระบรมบรรพต ภูเขาทอง ประกอบด้วย
๑.๑ หนังสือศาสนาประจำชาติ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ เล่ม
๑.๒ หนังสือประวัติพระบรมสารีริกธาตุ
๑.๓ หนังสือคู่มือนำเที่ยววัดสระเกศ
๑.๔ หนังสือธรรมะเยียวยาใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม
๑.๕ หนังสือธรรมะกับการให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม
๑.๖ หนังสือบามิยัน ช่วงประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองและมืดมนยาวนาน ของศาสนา
๑.๗ หนังสือ ๑๑๒ ปี แห่งการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
๑.๘ หนังสือเย็นหิมะในรอยธรรม
๑.๙ หนังสือสุขทุกข์อยู่ที่ใจ
๑.๑๐ หนังสือธรรมะให้ลูกดี
๑.๑๑ หนังสือสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน
๑.๑๒ หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับคณะสงฆ์วัดสระเกศ
๒. เป็นประธานดำเนินการก่อตั้งสื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “จริยธรรม แชนแนล”
๓. และส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกิจกรรม “การไหว้พระ ๙ วัด”
ข. งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ
ได้รับรางวัลสันติภาพ สาขาความสัมพันธ์ด้านศาสนา ระดับนานาชาติ (Peace Ambassador Award ๒๐๑๘) ในงานประชุมสันติภาพโลก ที่ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยที่ประชุมมีมติว่า พระพรหมสิทธิ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ เป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๔๐ ปี ได้สร้างความสัมพันธ์กับศาสนาต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา และในโซนโอเชียเนีย
ดังนั้น การถวายรางวัลสันติภาพในครั้งนี้
จึงนับว่า เป็นการยกย่องพระพุทธศาสนา
และ คณะสงฆ์ไทย
ทั้งเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศไทย เป็นอย่างยิ่ง
และ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) : ภาพในอดีต
กราบขอบพระคุณ ภาพจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัติย์ วัดสระเกศฯ
๗. งานสาธารณูปการ
๑. ได้เป็นประธานในการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ ณ วัดไทยนอร์เวย์ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เป็นอาคาร ๓ ชั้น รวมชั้นใต้ดิน
๒. ได้ดำเนินการก่อสร้างวัดไทยขึ้นที่ประเทศสวีเดน บนเนื้อที่กว่า ๒๗๐ ไร่ ที่เมืองเฟดริกา ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา สูง ๗.๓๐ เมตร
๓. ได้ดำเนินการก่อสร้างวัดไทยขึ้นที่เมืองวอเตอลู ประเทศเบลเยี่ยม
๔. ได้จัดหาทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้างวัดไทยนามว่า วัดพุทธาราม ขึ้นที่เกาะกวม ประเทศสหรัฐอเมริกา
๕. ได้จัดหาทุนเพื่อก่อสร้างวัดไทย นามว่า วัดพุทธาราม ขึ้นที่เมืองลีดส์ ประเทศสหราชอาณาจักร
๖. ได้จัดหาทุนเพื่อก่อสร้างวัดไทย นามว่า วัดพุทธาราม ขึ้นที่ประเทศ สก็อตแลนด์
๗. ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ขณะดำรงตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ให้เป็นผู้ดูแลวัดไทยในต่างประเทศ สายงานวัดสระเกศ ๑๕ ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศสหราชอาณาจักร, ประเทศสก็อตแลนด์, ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน, เขตปกครองพิเศษฮ่องกง, ประเทศมาเลเซีย, ประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศเนเธอร์แลนด์, ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี, ประเทศนอร์เวย์, ประเทศฟินแลนด์, ประเทศเดนมาร์ก, ประเทศไอซ์แลนด์, ประเทศเบลเยี่ยม, ราชรัฐลักซัมเบิร์ก, ประเทศสวีเดน, และ ประเทศญี่ปุ่น
งานสาธารณูปการในต่างประเทศ
๑. ขณะได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบงานพระธรรมทูตสายยุโรปและสแกนดิเนเวียได้เสนอให้มีการนำพระธรรมทูตไปฝึกอบรมภาคสนามในพื้นที่จริง ณ ประเทศอินเดีย และประเทศเนปาล ก่อนที่จะได้รับ การแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูต ออกเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจทั่วโลก
๒. ได้ดำเนินการจัดทำหนังสือสุทธิพระภิกษุสามเณรฉบับ ๒ ภาษา (ไทย-อังกฤษ) สำหรับพระสงฆ์ชาวต่างชาติ
๓. ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้ดำเนินการก่อตั้งกองทุนช่วยเหลือพระธรรมทูตในต่างประเทศ ภายหลังจากที่พระธรรมทูตไทย ๓ รูป ซึ่งปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ ประสบอุบัติเหตุถึงแก่มรณภาพที่ประเทศสหราชอาณาจักร
๔. ได้เป็นผู้ประสานงานจนเกิดความร่วมมือกับคณะสงฆ์มหายาน แห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประชุมความร่วมมือพระพุทธศาสนาภูมิภาคล้านช้าง ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพระสงฆ์ทั้งฝ่ายเถรวาท และมหายาน เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน จากประเทศเมียนมาร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประเทศกัมพูชา ประเทศไทย เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสิงคโปร์ ประเทศอินโดนีเซีย และเขตปกครองพิเศษทิเบต เป็นต้น อันเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยมีมิติทางพระพุทธศาสนา ที่ยั่งยืนตลอดไป
๕. ในฐานะเป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ได้ลงนามก่อตั้งสภาองค์กรพระธรรมทูตโลก ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยมีสำนักงานเลขาธิการองค์กรพระธรรมทูตโลก ตั้งอยู่ ณ ประเทศสหราชอาณาจักร
๖. ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้ปฏิบัติหน้าที่ต้อนรับคณะสงฆ์ที่เดินทางมาเชื่อมศาสนสัมพันธ์จากประเทศต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับเคารพศรัทธาจากศาสนิกชนนานาชาติ
๗. ได้ประสานความสัมพันธ์กับพระสงฆ์ฝ่ายมหายาน ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เขตปกครองพิเศษไต้หวัน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น เกิดความร่วมมือทางการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาทและมหายาน ในนามของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษไต้หวัน
จาริกธรรม เมื่อครั้งเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย เพื่อวางรากฐานการสร้างวัดในทวีปยุโรป
๘. ได้เป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ไทย เดินทางไปเชื่อมศาสนสัมพันธ์ระหว่างศาสนาในประเทศต่างๆ โดยได้เดินทางตามเส้นทางเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ ที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้ปฏิบัติมาแล้ว โดยในครั้งนี้ พระพรหมสิทธิ ได้เดินทางไปเยือนนครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้เข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งคริสตจักร และได้มอบรางวัล “Awakening Leadership Award รางวัลผู้นำแห่งการตื่นรู้” ซึ่งก่อตั้งโดย เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เพื่อสร้างศาสนสัมพันธ์ด้านสันติภาพของ ๒ ศาสนา ตลอดจนหารือด้านความร่วมมือทางศาสนาในด้านต่างๆ และมีการเชื่อมศาสนสัมพันธ์ “ผู้นำ Church of England” ประเทศอังกฤษ ภายในพระราชวังของพระเจ้าเฮนรี่ ที่ ๘ แห่งประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของสมเด็จพระราชินี แห่งประเทศสหราชอาณาจักร
๙. ได้เดินทางไปเยือนประเทศปากีสถาน และประเทศในแถบตะวันออกกลาง ตามคำกราบนิมนต์ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อศึกษาวัฒนธรรม และเป็นการสืบสานศาสนสัมพันธ์ระหว่างศาสนา เป็นอย่างดียิ่ง
๘. งานสาธารณประโยชน์
๑. ได้มอบเงินจัดตั้งกองทุนให้แก่กองงานเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๐
๒. ได้มอบนโยบายให้พระสังฆาธิการ บูรณาการการศึกษา ทั้งนักธรรม-บาลี, โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา, โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ให้เป็นการศึกษาของคณะสงฆ์ ที่พระสังฆาธิการต้องให้ความสำคัญดูแลเอาใจใส่
๓. จัดตั้งศูนย์การศึกษาบาลีของคณะสงฆ์ภาค ๑๐ ทั้งระดับต้น คือ บาลีไวยากรณ์ ถึง ประโยค ป.ธ.๕ และระดับสูง คือ ประโยค ป.ธ.๖ ถึง ประโยค ป.ธ.๙
๔. พัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ให้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมต้นแบบ
๕. จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำจังหวัด เพื่อเป็นสถาบันฝึกอบรมพระวิทยากรของคณะสงฆ์
๖. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือวัด และผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะสงฆ์
๗. ดำเนินการส่งพระวิทยากร ลงพื้นที่ฟื้นฟูเยียวยาจิตใจประชาชน ตามศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยในที่ต่างๆ
๘. ส่งเสริมให้คณะสงฆ์ในเขตปกครองใช้สื่อทุกประเภทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๙. ส่งเสริมให้พระสังฆาธิการในเขตปกครองไปศึกษาดูงานในเขตปกครองคณะสงฆ์หนต่างๆ เช่น หนเหนือ หนกลาง เป็นต้น
๑๐. ส่งเสริมให้เกิดการจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแนวใหม่ ประกอบแสง สี เสียง สื่อผสมเทคโนโลยี ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น โดยนำรูปแบบของสื่อสมัยใหม่ประยุกต์ให้เห็นความสำคัญทางพระพุทธศาสนา
๑๑. จัดหาทุนให้พระสังฆาธิการในเขตปกครอง ไปศึกษาดูงานการพระศาสนาในต่างประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอิตาลี ประเทศฝรั่งเศส และประเทศเดนมาร์ก เป็นต้น
๑๒. ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
๑๓. ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ให้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
๑๔. ได้จัดส่งพระวิทยากรของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินทางไปฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ ในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
๑๕. ได้มอบทุนก่อสร้างอาคารสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นอาคารที่พักพระภิกษุสามเณร ณ วัดปากน้ำ (บุ่งสระพัง) จังหวัดอุบลราชธานี
๑๖. ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารรับรองชื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๑๗. ได้ดำเนินการจัดหาทุนก่อสร้าง พร้อมบูรณปฏิสังขรณ์วัดบ้านเกิด คือ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มีการขยายพื้นที่วัดเพิ่มอีกกว่า ๖๐ ไร่
๙. งานพิเศษ
๑. พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้อัญเชิญคัมภีร์ที่ปริวรรตแล้ว ของมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ ไปจัดแสดง ณ มหาวิทยาลัยออสโล กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลที่ ๙
๒. ได้จัดกิจกรรมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ๙ แผ่นดินสู่ปฐพีบุญอีสาน ไปสู่สถานที่สำคัญ เช่น จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี
๓. ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้คิดรูปแบบการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ จนเป็นที่นิยมแพร่หลาย ต่อมา มหาเถรสมาคม ได้มีมติให้วัดทุกวัดจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี เป็นกิจกรรมของคณะสงฆ์ตั้งแต่บัดนั้น
ได้ปฏิบัติงานสนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นลำดับมา ดังนี้
๑. พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้ดำเนินการอัญเชิญพระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณมีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก กว่า ๒,๐๐๐ ปี เดิมอยู่ในถ้ำบามิยัน หุบเขาในประเทศ อัฟกานิสถาน ได้มีการเคลื่อนย้ายไปดูแลรักษาไว้ที่สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ประเทศนอร์เวย์ มาจัดแสดง ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลที่ ๙ ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ ๘๔ พรรษา และอัญเชิญพระคัมภีร์อีกส่วนหนึ่ง ไปประดิษฐานเป็นการถาวร ณ บรมบรรพต ภูเขาทอง
๒. พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวาย ณ วัดไทยในต่างประเทศ แถบยุโรป และสแกนดิเนเวีย จำนวน ๙ วัด ใน ๖ ประเทศ ได้แก่ ประเทศนอร์เวย์ ประเทศเดนมาร์ก ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสวีเดน และประเทศสหราชอาณาจักร เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลที่ ๙
๓. พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๕๙ เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลที่ ๙ ได้อัญเชิญพระธรรมเจดีย์คัมภีร์โบราณนี้ไปรอบกลุ่มประเทศอาเซียน โดยใช้มิติทางศาสนาเป็นหลัก เริ่มต้นไปประเทศอินเดีย กลับมาที่ประเทศเมียนมาร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประเทศกัมพูชา ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศบรูไน แล้วอัญเชิญกลับมาประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันวิสาขบูชา ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ได้กราบทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จทรงเปิดงานฯ และทอดพระเนตรพระคัมภีร์ในโอกาสนั้นด้วย
๑๐. สมณศักดิ์
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานแต่งตั้ง และเลื่อนชั้นสมณศักดิ์สูงขึ้นเป็นลำดับ ดังนี้
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูฐานานุกรมในพระพรหมคุณาภรณ์ ที่ “พระครูประสิทธิสรคุณ”
พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ที่ “พระครูพิทักษ์สุวรรณบรรพต”
พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ “พระสุวรรณเจติยาภิบาล”
พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ “พระราชธรรมสาร”
พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นเทพ ที่ “พระเทพสิริภิมณฑ์”
พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นธรรม ที่ “พระธรรมสิทธินายก”
พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นรองสมเด็จ พระราชาคณะ ที่ “พระพรหมสิทธิ”
พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
ต่อมา พ.ศ. ๒๕๖๗ ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา โปรดเกล้า ฯ พระราชทานคืนสมณศักดิ์ให้แก่ พระพรหมสิทธิ ดังเดิม ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
ราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๑๙ ข
ประกาศ ให้ พระธงชัย สุขญาโณ
ดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง
มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า
พระพรหมสิทธิ กิตติธรรมประยุต วิสุทธิศีลาจาร สุวิธานวรกิจจานุกิจ วิสิฐวิเทศศาสนวราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
สถิต ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร
โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน
“ขุนเขาย่อมมีวันทลาย สายน้ำย่อมมีวันเปลี่ยนทาง แต่ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแแปลง” ภาคพิเศษ ๑ “การกลับมาของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ)”
รำลึกวันมหาปีติ
“ขุนเขาย่อมมีวันทลาย สายน้ำย่อมมีวันเปลี่ยนทาง แต่ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแแปลง” จากหนังสือ “ทศชาติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง” ฉบับ ญาณวชิระ ได้เรียบเรียงขึ้นใหม่ จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๒๐.๒๓ น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำ พระสงฆ์ และคณะบุคคล เฝ้าและเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวาย และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือ “ทศชาติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง” ฉบับญาณวชิระ พระพุทธรูป และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อทรงใช้สอยตามพระราช อัธยาศัย
ซึ่งคณะพระเถระ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
ประกอบด้วย
พระธงชัย สุขญาโณ (อดีตพระพรหมสิทธิ)
พระมหาสังคม ญาณวฑฺฒโน (อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์
พระมหาเทอด ญาณวชิโร (อดีตพระราชกิจจาภรณ์)
พระมหาบุญทวี ปญฺญาวํโส (อดีตพระศรีคุณาภรณ์)
พระมหาสมจิตร จิตฺตธมฺโม (พระครูสิริวิหารการ)
ได้เรียบเรียงเรื่องราวในหนังสือขึ้น เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธศาสนาและพระปณิธานอันแน่วแน่ ของพระโพธิสัตว์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ๑๐ ประการ และน้อมรำลึกในพระราชจริยาวัตรของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้ทรงบำเพ็ญต่อบวรพระพุทธศาสนา ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เพื่อบูชาพระไตรรัตน์ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศไทยสืบไป
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น.
ขอเรียนเชิญทุกท่าน ร่วมแสดงมุทิตาจิต
กำหนดการ
พิธีอัญเชิญหิรัญบัฏ พัดยศ และเครื่องประกอบสมณศักดิ์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง
ถวายแด่พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ)
อัญเชิญสัญญาบัตร พัดยศ ถวายแด่พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี ปญฺญาวํโส)
และถวายสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระครูสิริวิหารการ (สมจิตร จิตฺตธมฺโม)
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น.
ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
เวลา ๑๕.๓๐ น.
– พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน พร้อม ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
– เจ้าหน้าที่สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งขบวนอัญเชิญหิรัญบัฏ, เครื่องประกอบสมณศักดิ์,
สัญญาบัตร และพัดยศ ณ ลานโพธิ์ลังกา หน้าพระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
เวลา ๑๖.๐๐ น.
– ขบวนอัญเชิญหิรัญบัฏ, เครื่องประกอบสมณศักดิ์, สัญญาบัตร และพัดยศ เข้าสู่พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
– ประธาน ฯ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
– ประธาน ฯ กราบพระรัตนตรัย
– ประธาน ฯ เปิดกรวยถวายเครื่องราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว / ถวายความเคารพ
– นั่ง ณ เก้าอี้
– เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อาราธนาศีล
– ประธานสงฆ์ ให้ศีล จบแล้ว
– เจ้าหน้าที่สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อัญเชิญหิรัญบัฏ พร้อมเครื่องประกอบสมณศักดิ์ ถวายแด่พระพรหมสิทธิ
– เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถวายสัญญาบัตรแด่พระพรหมสิทธิ
– ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายพัดยศแด่พระพรหมสิทธิ
ลำดับต่อจากนั้น
– เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถวายสัญญาบัตรแด่พระศรีคุณาภรณ์
– ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายพัดยศแด่พระศรีคุณาภรณ์
ลำดับต่อจากนั้น
– เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถวายสัญญาบัตรแด่พระครูสิริวิหารการ
– ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายพัดยศแด่พระครูสิริวิหารการ
– ในขณะนั้น พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญชัยมงคลคาถา เสร็จแล้ว
– ผู้มีเกียรติถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
– พระสงฆ์ทั้งนั้น อนุโมทนา
– พระพรหมสิทธิ ถวายอดิเรก
– ประธาน ฯ กรวดน้ำ รับพร
– เสร็จพิธี –
– พระพรหมสิทธิ มอบของที่ระลึก
– คณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ประกอบพิธีสามีจิกรรมถวายพระพรหมสิทธิ
เวลา ๑๗.๐๐ น.
– ตั้งขบวนอัญเชิญหิรัญบัฏ เครื่องประกอบสมณศักดิ์ สัญญาบัตร และพัดยศ ออกจากพระอุโบสถ ผ่านลานโพธิ์ลังกา ด้านหน้าพระอุโบสถ ถนนเส้นกลางวัด หยุด ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราชญาโณทยมหาเถระ
– จัดตั้งประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชา
– พระพรหมสิทธิ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
– กราบพระรัตนตรัย
– พระพรหมสิทธิ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยเบื้องหน้าพระแท่นประดิษฐานพระอัฐิ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ญาโณทยมหาเถระ)
– พระพรหมสิทธิ, พระศรีคุณาภรณ์ และพระครูสิริวิหารการ ถวายพานธูปเทียนแพ กระทำสามีจิกรรมเบื้องหน้าพระแท่นประดิษฐานพระอัฐิเจ้าพระคุณสมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ญาโณทยมหาเถระ) , เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณมหาเถระ) พร้อมบูรพาจารย์วัดสระเกศ
– เจ้าหน้าที่ลาดผ้ารองโยง
– เจ้าหน้าที่ลาดผ้าภูษาโยง
– พระพรหมสิทธิ และผู้มีเกียรติทอดผ้าไตรบังสุกุล
– พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล
– พระสงฆ์ทั้งนั้น อนุโมทนา
– กรวดน้ำ รับพร
– เสร็จแล้ว ตั้งขบวนอัญเชิญสัญญาบัตร และพัดยศ ออกจากพระตำหนักสมเด็จพระสังฆราชญาโณทยมหาเถระ เข้าสู่ศาลาการเปรียญ
– จัดตั้งประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชา
– พระพรหมสิทธิ, พระศรีคุณาภรณ์ และพระครูสิริวิหารการ ถวายพานธูปเทียนแพ กระทำสามีจิกรรมเบื้องหน้าแท่นประดิษฐานรูปเหมือนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)
– ผู้มีเกียรติ พุทธศาสนิกชน และคณะศิษยานุศิษย์ ถวายมุทิตาแด่พระพรหมสิทธิ
– มอบของที่ระลึก
– เสร็จพิธี –
หมายเหตุ การแต่งกาย – ข้าราชการ ชุดปกติขาว – ประชาชนทั่วไป ชุดสุภาพ – สุภาพสตรี ชุดไทย สีเหลือง
ประสานงาน พระครูศรีพิสุทธิศาสตร์ (พระอาจารย์อนุชา) โทร. ๐๘-๒๙๕๙-๙๓๕๙ , พระครูปลัดพุทธิวงศ์วรวัฒน์ (พระอาจารย์ตาล) โทร. ๐๖-๔๙๑๙-๖๑๙๕ , พระครูสิทธิสรกิจ (พระอาจารย์พิสุทธิ์) โทร. ๐๘-๑๘๕๐-๒๙๙๙ และ พระมหาฤทธิชัย ญาณิทฺธิโก (พระอาจารย์เอวิส) โทร. ๐๘-๔๖๓๕-๑๔๕๒