!["กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต" เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/01111.jpg)
จาริกบ้าน จารึกธรรม
“กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต”
เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก
วัดแจ้ง สงขลา เลขาพระธรรมทูตอาสาจังหวัดสงขลา
!["กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต" เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก วัดแจ้ง สงขลา เลขาพระธรรมทูตอาสาจังหวัดสงขลา จากคอลัมน์ "จาริกบ้านจารึกธรรม"หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/19KLE6S1_27072017111-636x1024.jpg)
ในช่วงบั้นปลายของชีวิตใครๆ ก็อยากพักผ่อนอยู่กับลูกหลานให้สบายใจ…แต่นี้เป็นเพียงแค่ความฝันของคนชรากลุ่มหนึ่ง
เช้าวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๐ เช้าแห่งวันที่สดใส คณะพระธรรมทูตอาสา และเยาวชนอาสา จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี เดินทางไปลงพื้นที่ตามโครงการเยี่ยมพระพบปะโยม ที่บ้านพักคนชรา บ้านมุนี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เพื่อให้กำลังใจผู้สูงอายุ มอบสิ่งของ และนำอาหารกลางวันไปเลี้ยงด้วย
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/06-1024x564.jpg)
ครั้งแรกกับการเดินทาง เมื่อรถจอดสนิท ทุกคนก็เตรียมตัวลงจากรถ รอบๆ ก็มีแต่ความเงียบ สงบ เยาวชนอาสาช่วยนำสิ่งของต่างใส่รถเข็น สักครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลศูนย์มาตอนรับบอกให้ไปที่ศาลาโดยมีผู้สูงอายุมาพร้อมกันอยู่แล้ว
ในศาลา เจ้าหน้าที่กล่าวต้อนรับเราทุกคนที่ได้เดินทางมาถึง
ผู้เขียนมองไปรอบๆ มีผู้สูงอายุชายหญิงราว ๖๐ ท่านจากทั้งหมด ๙๐ กว่าคน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินได้ และเป็นผู้ป่วยติดเตียงต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลพิเศษ
ศูนย์แห่งนี้มีคนสูงอายุ อายุเฉลี่ย ๗๐ ปีขึ้นไป เจ้าหน้าที่เล่าว่า คุณตา คุณยาย ตื่นเต้นมากที่จะมีคนไปเยี่ยม บางท่านตื่นตั้งแต่ตีสาม ใจจดใจจ่อรอคอยการมาของพวกเรา เพราะนานๆ จะมีคนมาเยี่ยม เนื่องจากที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมือง แต่ละเดือนจึงมีคณะมาเยี่ยมเพียง ๑ ครั้ง
ซึ่งคณะของพระธรรมทูตอาสาเราได้มาจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุด้วย
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เราในฐานะชาวพุทธมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมคำสอนเป็นแบบอย่าง มีพระสงฆ์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ก็ต้องไหว้พระอาราธนาศีลสมาทานศีลเป็นพื้นฐาน
ชาวพุทธเรานิมนต์พระนำหน้า เพราะเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว เสียงอาราธนาศีลดังบ่งบอกถึงความดีใจ และยินดี ที่ได้เจอพระภิกษุมาให้ศีลให้พรถึงที่ เพราะลำพังตัวเองจะไปวัดก็ลำบากอยู่ด้วยสังขารในวัยชรา
เมื่อรับศีลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวแทนพระธรรมทูต โดยพระปลัดนรุตม์ชัย อภินนฺโท ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสาจังหวัดสงขลา กล่าวให้ข้อคิดและพูดให้กำลังใจกับผู้สูงอายุ
“ให้สู้ต่อไป ถึงไม่มีพี่น้อง หรือลูกหลาน ก็ยังมีเพื่อนที่อยู่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน”
หลังจากนั้นได้มอบสิ่งของที่ใช้ในการดำรงชีวิต เช่น ข้าวสาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เป็นต้น ให้กับผู้สูงวัย
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/05-1024x576.jpg)
ขณะที่พระธรรมทูตประมาณ ๒๐ รูป นั่งฉันเพล เจ้าหน้าที่บอกให้เยาวชนจิตอาสานำอาหารเที่ยงไปให้ผู้ป่วยติดเตียง ๒ ตึกชายหญิง ที่ไม่สามารถเดินได้ โดยอาหารจัดเตรียมเอาไว้ในถาดหลุม ต่อมาในช่วงบ่ายพระธรรมทูตอาสาเดินไปเยี่ยมผู้ป่วยที่นอนติดเตียงและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินได้ พูดคุยให้กำลังใจ มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/04-1024x576.jpg)
ภาพที่เห็นคือ โยมคุณตา โยมคุณยาย บางคนก็รับประทานข้าวหกเลอะเทอะเพราะตามองไม่เห็น หลายคนกำลังจะตาบอดเพราะต้อกระจก คณะเยาวชนอาสาจึงเข้าไปช่วยป้อนข้าว บางคนเป็นอัมพาต มือขยับไม่ได้ โยมคุณยายท่านหนึ่ง หลังงองุ้ม จนต้องใช้มือช่วยในการเดิน บางคนเป็นเบาหวานจึงใช้ถุงพลาสติกหุ้มเท้าไว้กันติดเชื้อ
ผู้เขียนได้พูดคุยก็โยมผู้หญิงคนหนึ่งว่า โยมอายุเท่าไร โยมบอกว่า ๘๖ ปีแล้ว ผู้เขียนพูดแซวว่า ยังไม่แก่ที ยังสวยอยู่อีก อยู่ให้ได้สัก ๑๐๐ ปีนะ เสียงหัวเราะก็ตามมา
ผู้เขียนมาที่นี่เป็นครั้งแรก ได้สัมผัส กับความรู้สึก ที่โดดเดี่ยว เดียวดาย ชีวิตไร้ที่หวังจะมีใครพึ่งพาได้อีก หลายๆคน ร้องไห้ คร่ำครวญ ว่าไม่มีลูกหลานมาเยี่ยม มีอาการซึมเศร้า แต่ละคนก็มีเรื่องเล่ายาว ก่อนมาอยู่ที่นี่ เขียนเป็นนวนิยายได้เลย พวกเราเห็นรอยยิ้ม สายตาแห่งความปีติยินดี เสมือนเยาวชนจิตอาสานี้เป็นลูกหลานของท่านที่ค่อยดูแลเอาใจใส่ เป็นความรู้สึก ที่สัมผัสได้ด้วยความอบอุ่น
ผู้เขียนถามความรู้สึกของเยาวชนอาสาคนหนึ่งตอบว่า รู้สึกสังเวชใจ ที่ได้มาเจอกับผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง สงสารที่ไม่มีใครมาดูแล ผู้เขียนก็ถามเยาวชนเพื่อให้ฉุกคิดว่า โตขึ้นหนูอยากให้พ่อแม่มาอยู่ที่นี้ไหม
เยาวชนตอบว่า ไม่หรอกค่ะ หนูจะตั้งใจเรียน ทำงานดีๆ แล้วเลี้ยงพ่อแม่อย่างดีเหมือนที่เคยเลี้ยงหนูมาเลยค่ะ
ผู้เขียน กล่าว อนุโมทนาสาธุ ดีแล้วลูก
ก่อนที่จะกลับผู้เขียนได้เดินมาเจอผู้สูงอายุคนหนึ่ง ก็เลยนั่งคุยสนทนากัน ผู้เขียนถามชื่อว่าโยมชื่ออะไร โยมตอบว่า ชื่อ รวย ถามต่อว่า อายุเท่าไรแล้ว คำตอบคือ “๘๒ ค่ะ” พร้อมยกมือไหว้
ผู้เขียนสังเกตเห็นดวงตาข้างหนึ่งมองไม่เห็น เห็นข้างเดียวแต่ไม่ได้ถามอะไร
ผู้เขียนก็เลยพูดว่า โยมชื่อรวย ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ล่ะ
โยมยายรวยพูดติดตลกว่า ให้สมบัติลูกมันหมด มันก็ทิ้งเลย แล้วก็หัวเราะ
!["กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต" เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/03-1024x768.jpg)
ผู้เขียนถามว่า ดีใจไหมที่เห็นพระมาเยี่ยมหลายรูป โยมยายรวยบอกว่า เป็นบุญจริงๆ ที่ได้เจอพระ เพราะสองสามวันก่อนฝันว่านั่งคุยกับพระ วันนี้ได้พบพระถือว่ายังมีบุญอยู่ ผู้เขียนตอบว่า สาธุ
นั่งสนทนาสักพัก ถามโยมยายรวยต่ออีกว่า ได้สวดมนต์ไหว้พระบ้างไหม โยมยายรวยบอกว่า ยายอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็นั่งสมาธิไหว้พระก่อนนอนทุกครั้ง แล้วถามต่อว่า โยมยายรวยเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไหม ที่เราได้มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้
โยมยายรวยนิ่งอยู่สักครู่แล้วน้ำตาของโยมก็ไหลออกมา แล้วตอบว่า เชื่อว่าเป็นกรรมของเรา ที่ได้ทำเอาไว้ แล้วโยมยายรวย ได้เล่าว่า ยายเป็นคนกระบี่ พ่อแม่เสียชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยออกจากบ้าน ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก มีครอบครัว อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต มีลูก ๓ คน สามียายมีธุรกิจส่วนตัว ไม่นานสามีก็เสียชีวิต ด้วยโรคเบาหวาน
“หลังจากนั้นไม่นานเมื่อลูกเรียนจบหนึ่งคนและไม่จบสองคน ก็เลยแบ่งสมบัติให้เพื่อให้ทำมาหากิน แต่ลูกบางคนก็เอาสมบัติของยายไปขายเล่นการพนันหมด ทำให้หมดตัว ยายก็หวังว่าจะได้อยู่กับลูก แต่ลูกกลับไล่ให้ไปอยู่อีกคน ยายก็เลยตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ ได้ ๔ ปีแล้ว“
ผู้เขียนถามว่า แล้วลูกได้รู้หรือติดต่อมาเยี่ยมบ้างไหม ยายตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่เลย ผู้เขียนให้กำลังใจบอกว่า ให้ตั้งจิตอธิฐาน สวดมนต์ ไหว้พระ ทุกวัน ให้ผลเวรกรรมชดใช้ให้หมดตั้งแต่ชาตินี้เถิด แล้วผู้เขียนล้วงไปในย่ามหยิบพระหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ยื่นให้โยมยายรวย เก็บไว้ให้พระคุ้มครอง แล้วผู้เขียนกล่าวกับโยมว่า โอกาสดีค่อยมาเยี่ยมอีกนะ โยมยายรวย ยิ้มด้วยความยินดี แล้วตอบ
“ขอบใจต้น (ต้น ความหมายคือ พระ) มากที่มาเยี่ยมคนแก่”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/02111.jpg)
นี้คือความรู้สึก ส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนได้รับและได้สัมผัส กับสังคมหนึ่งที่อยู่ด้วยน้ำตา ความเศร้า แต่มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะคอยกลบเกลื่อนความจริงที่อยู่ในใจ ก็มีแต่กำลังใจดวงน้อยๆ ทีให้ความหวัง เป็นพลัง ให้โยมคุณตา โยมคุณยาย อยู่ในโลกของความเป็นจริง ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้
หากเราชีวิตเรายังหายใจ ต้องไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคที่ขว้างหน้า สู้ต่อไป เป็นกำลังให้ให้เสมอ…
![หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/19KLE6S1_27072017-685x1024.jpg)
จาริกบ้าน จารึกธรรม ตอน “กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต” เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก วัดแจ้ง สงขลา เลขาพระธรรมทูตอาสาจังหวัดสงขลา
!["กัลยาณมิตรคือที่สุดของชีวิต" เขียนโดย พระปลัดปิยศักดิ์ ปิยสกฺโก วัดแจ้ง สงขลา เลขาพระธรรมทูตอาสาจังหวัดสงขลา](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/03-1024x768.jpg)