อาจาริยบูชา ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๓

ครบรอบ ๖ ปี วันสลายสรีรสังขาร

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)

อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

พระเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์

ความทรงจำ พระพุทธศาสนาโลก

มหาจุฬาฯ งามสง่าสดชื่น กลางทะเลแห่งคลื่นลม

ร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ในงานพระราชทานเพลิงศพ

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์

(เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)

อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

๙ มีนาคม ๒๕๕๗

คำปรารภ

เจ้าประคุณอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ปัจจุบันเรียกชื่อตามกฎหมายว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในช่วง ๒๕๐๗ – ๒๕๒๑ รวมเวลา ๑๕ ปี ตั้งแต่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชวิสุทธิเมธี พระเทพคุณาภรณ์ พระธรรมคุณาภรณ์ และพระพรหมคุณาภรณ์ โดยลำดับ นับว่าเป็นเลขาธิการองค์จริงจังในกิจการอย่างยาวนานที่สุด ของมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้

ในสมัยนี้ เลขาธิการเป็นตำแหน่งของผู้เป็นหัวหน้าที่ทำงานจริง ในการดำเนินของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย มิใช่เพียงตำแหน่งเกียรติยศ ดังมีคำอธิบายในหนังสือนี้แล้ว

ในฐานะเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของมหาจุฬาฯ มิใช่ท่านจะต้องทำงานไปทุกอย่าง แต่กิจการทั้งปวงในระยะเวลานั้นทั้งหมด ดำเนินไปในความควบคุมดูแลและความเห็นชอบของท่าน โดยเฉพาะในยุคสมัยนั้น มีการทำงานที่เป็นระบบแห่งความร่วมแรงร่วมใจ โดยเป็นไปในสามัคคีสมานฉันท์ จึงพูดง่ายๆ รวมๆ ว่าเป็นกิจการของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในยุคที่เจ้าประคุณอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) เป็นเลขาธิการ

ในหนังสือนี้ ได้เล่าเรื่องราวความเป็นไปในกิจการของมหาจุฬาฯ ในช่วงเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๐๗ – ๒๕๑๗) เมื่อผู้เล่าสนองงานในฐานะผู้ช่วยของท่าน คือเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ

การเขียนเล่าเรื่องราว และทำหนังสือนี้ขึ้น ขอถือเป็นการร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ในวาระสำคัญยิ่ง แห่งงานพระราชทานเพลิงศพ

อนึ่ง การเขียนสะกดคำบางอย่าง อาจต่างไปจากที่ใช้กันมาบ้าง ในเมื่อเห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม เช่น แทนที่จะเขียน “วรสารเถร” ก็เขียนเป็น “วรสารเถระ”

ขอกุศลในการนี้ จงเป็นไปเพื่อความเจริญงอกงามของพุทธบริษัท ในไตรสิกขา และในไตรพิธีบุญกิริยา เพื่อความแผ่ไพศาลแห่งพระพุทธศาสนา และเพื่อความไพบูลย์แห่งประโยชน์สุขของปวงประชา อันเป็นจุดหมายในการบำเพ็ญศาสนกิจทั้งปวงของเจ้าประคุณอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์ ยั่งยืนนานสืบไป.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ขอขอบคุณ ภาพถ่ายจากวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ขอขอบคุณ ภาพถ่ายจากวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต), สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต), สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ), สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) และ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ภาพถ่ายในอดีตเมื่อครั้งจาริกธรรมในอเมริกา
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ), สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) และ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ภาพถ่ายในอดีตเมื่อครั้งจาริกธรรมในอเมริกา

มหาจุฬาฯ งามสง่าสดชื่นกลางทะเลแห่งคลื่นลม

ตอนที่ ๑๓

หาคอมมิวนิสต์ เห็นโรงละครโลก

อเมริกาพอจะสําราญเต็มที่

ก็ถูกผีร้ายคอมมิวนิสต์หลอกหลอน

: พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

ปัจจุบัน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ จบลง โดยฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies) มีชัยนั้น ในฝ่ายอักษะ (Axis) อิตาลี(Italy) ยอมแพ้ก่อนตั้งแต่ปี 1943/๒๔๘๖ แล้วต่อมาอีก ๓ ปี ได้กลายเป็นสาธารณรัฐ ญี่ปุ่นยอมแพ้หลังสุด ในเดือนสิงหาคม 1945/๒๔๘๘ โดย สหรัฐอเมริกาผู้เดียวเข้ายึดครอง

ส่วนเยอรมนีซึ่งยอมแพ้ในเดือนพฤษภาคม 1945/๒๔๘๘ ถูกแบ่งเป็นเขตพันธมิตรยึดครอง ๔ ส่วน (four Allied occupation zones) โดยเขตยึดครองของอังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส เรียกรวมกันว่าเยอรมนีตะวันตก (West Germany) จัดตั้งเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี/Federal Republic of Germany ในปี1949/๒๔๙๒  ส่วนเขตยึดครองของโซเวียต เรียกว่า เยอรมนีตะวันออก (East Germany) ตั้งเป็นสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยเยอรมัน/German Democratic Republic

แต่ที่สําคัญ คือ เบอร์ลิน (Berlin) ซึ่งเป็นเมืองหลวง ถูกแบ่งเป็นเขตยึดครอง ๔ ส่วน ตั้งแต่ปี 1945/ ๒๔๘๘ และก็แยกเป็นเขตของ ๒ ค่าย โดยเขตยึดครองของอังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส เรียกว่าเบอร์ลินตะวันตก (West Berlin) และเขตยึดครองของโซเวียต เรียกว่า เบอร์ลินตะวันออก (East Berlin)

ทีนี้ที่จะเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ เบอร์ลินทั้งเมือง อันได้แก่ทั้ง ๔ เขตยึดครองของ ๔ ชาตินั้น อยู่ในเยอรมนีตะวันออกของโซเวียตทั้งหมด

ดังได้กล่าวแล้วว่า แทบจะทันทีที่โลกผ่านพ้นสงครามลุถึงสันติภาพ โลกก็แตกแยกเป็น ๒ ค่ายอุดมการณ์แล้วก็มีสงครามเย็นตามมา ไม่มีสันติภาพที่แท้จริง มีแต่ความตึงเครียดและความขัดแย้งชิงดีชิงเด่นกันเรื่อยมา

เมืองเบอร์ลินที่แบ่งเป็น ๒ ซีกนี้ได้กลายเป็นจุดขัดแย้งแข้งพลังอย่างสําคัญของ สงครามเย็น เริ่มด้วยหลังจากจบสงคราม และเบอร์ลินถูกแบ่งเป็น ๒ ซีก เพียง ๓ ปี คือถึง ปี1948/๒๔๙๑ สหภาพโซเวียตก็ปิดล้อมเบอร์ลินตะวันตกทั้งทางบกและทางน้ำ ไม่ให้สามมหาอํานาจตะวันตกส่งกําลังบํารุงเข้าไปได้

สามชาติตะวันตกอยู่ในฐานะลําบาก แต่แล้ว อเมริกาก็เป็นผู้นําในการแก้ปัญหา โดยลงทุนใช้เครื่องบินขนส่งเป็นการใหญ่ เลี้ยงเบอร์ลินตะวันตกไว้จนในที่สุด โซเวียตก็ ยอมเปิดทางให้เข้าออกได้ตามปกติ

ปัญหาเรื่องเมืองเบอร์ลินมีมาเรื่อย จนกระทั่งปี1961/๒๕๐๔ ฝ่ายโซเวียตก็ได้ สร้างกําแพงเบอร์ลิน/Berlin Wall ที่มีไฟดูดขึ้นกั้นระหว่าง ๒ เบอร์ลิน ยาว ๔๗ กม. และ อีก ๑๒๐ กม.ล้อมเบอร์ลินตะวันตก เพื่อกันคนหนีลี้ภัยออกจากเบอร์ลินตะวันออก เขาไปในเบอร์ลินตะวันตก∗

สหรัฐอเมริกานั้นมีความภูมิใจและก็อุ่นใจว่า ตนผู้เดียวมีอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด คือ ระเบิดปรมาณู(atomic bomb) ซึ่งได้ทําได้สําเร็จในปี1945/๒๔๘๘ และใช้ยุติ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปีนั้น โดยทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา /Hiroshima และเมืองนาคาซากิ/ ในวันที่ ๖ และวันที่ ๙ สิงหาคม ตามลําดับ แต่แล้ว ในช่วงเวลาแห่งการแข่งขันอย่างเครียดเข้มนั้น พอถึงปี 1949/๒๔๙๒ สหภาพโซเวียตก็ทําระเบิดปรมาณูได้สําเร็จ ก่อความหวั่นหวาดให้แก่ชาวอเมริกันอย่างมาก

แล้วต่อมา พออเมริกาทําระเบิดไฮโดรเจน (hydrogen bomb หรือ thermonuclear bomb, เรียกสั้นๆ ว่า H-bomb) ได้สําเร็จในปี1952/๒๔๙๕ ซึ่งแรง ๕๐๐ เท่าของระเบิดปรมาณูลูกที่ทิ้งที่ฮิโรชิมา เวลาผ่านไปปีเดียว โซเวียตก็เริ่มทําได้บ้างในปี1953/๒๔๙๖

เหตุการณ์ที่ทําให้อเมริกาตื่นตระหนกได้ตามมาติดๆ กันอย่างนี้และที่ตกใจอย่างมากก็คือข่าวที่เหมา เจ๋อตง/Mao Zedong (คนไทยเวลานั้น เรียกแบบเก่าว่า เมาเซตุง/ Mao Tse-tung) รบชนะในเมืองจีน ทําให้เจียง ไคเชค/Chiang Kai-shek ต้องพาพวกจีน คณะชาติหนีจากแผ่นดินใหญ่ไปตั้งประเทศจีนคณะชาติ/Nationalist China ที่เกาะไต้หวัน/Taiwan) แล้ว เหมา เจ๋อตง ก็เปลี่ยนจีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เรียกว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน/People’s Republic of China ในปี1949/๒๔๙๒ นี่เป็นก้าวใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่า คอมมิวนิสต์ได้ขยายตัวไปมากแล้ว

∗ กําแพงเบอร์ลินเปิดในวันที่ ๙ พ.ย. 1989/๒๕๓๒ แล้วหลังจากนั้น ๑๐ วันก็มีประกาศยุติสงครามเย็น ต่อมาถึงวันที่ ๑ ต.ค. 1990/๒๕๓๓ มหาอํานาจทั้งสี่ได้สละสิทธิ์ของตนในเยอรมนีแล้วจากนั้นอีก ๒ วัน เยอรมนีตะวันตก และเยอรมนีตะวันออก ก็ได้รวมกลับเป็นประเทศเดียวกัน ครั้นถึงปลายปี1991/๒๕๓๔ สหภาพโซเวียตก็แตกสลาย เป็นอันสิ้นสุดการปกครองของคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก และ สหรัฐอเมริกากลายเป็นเอกอภิมหาอํานาจผู้เดียว อย่างน้อยตลอดช่วงเวลาระยะหนึ่ง ก่อนจะมีคู่แข่งใหม่

(โปรดติดตามตอนต่อไป…)

พระมองโลก มองความเป็นไป มองเหตุปัจจัย รวมทั้งมองการเมืองโดยมองแบบพระ ไม่ใช่มองแบบชาวบ้าน คือพระมองด้วยเจตนาเพื่อรู้เข้าใจสภาพของมนุษย์และภาวะการของโลกตามที่มันเป็น ให้ชัดเจนเพียงพอเพื่อสนองเจตนาที่จะแก้ปัญหาของโลกของมนุษย์ ให้ลุถึงประโยชน์สุข โดยไม่มีเจตนาที่เป็นเรื่องของตนเอง ไม่มีวัตถุประสงค์ของตนเอง หรือโยงอิงหมู่พวกใด ที่จะได้จะเอาอะไรๆ หรือเพื่อใคร เพื่อพวกใด จึงเรียกว่า รู้โลก เพื่อแก้ปัญหาของมนุษย์ พหุชนหิตายะ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่คนมาก พหุชนสุขายะ เพื่อความสุขของคนมาก โลกานุกัมปายะ เพื่อเกื้อการุณย์แก่โลก

ที่ว่านี้ ก็โยงมาถึงการที่จะเล่าเรื่องของมหาจุฬาฯ กลายเป็นว่าจะพูดถึงมหาจุฬาฯ แต่เลยไปพูดถึงทั้งโลก ที่จริง นี่แหละคือเรื่องที่ควรพูดเพราะว่ามหาจุฬาฯก็ดำเนินเดินหน้าไป ในบ้านเมือง ในโลก อย่างน้อยก็ต้องรู้ตระหนักว่าตัวเป็นอยู่เป็นไปในสภาพแวดล้อม ท่ามกลางบ้านเมือง และในโลก ที่กำลังเป็นไปอย่างไร ตอนนั้นเวลานั้นมหาจฬาฯ อยู่ในบรรยากาศในสภาพแวดล้อมที่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินไปในความมืด มองอะไรมัวๆ เมื่อตัวไม่รู้ก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะคิด แล้วก็เลยคิดเห็นไป กลายเป็นลุ่มหลงไม่ตรงตามจริง จะต้องรู้ให้พอที่จะมองเห็น ไม่ใช่มัวแต่หรืออยู่แค่คิดเห็น

ยิ่งกว่านั้น ในที่สุด แม้มองถึงจุดหมายที่แท้ เมื่อมาเรียนที่มหาจุฬาฯก็เพื่อมีการศึกษา ที่จะให้เจริญงอกงามในธรรมวินัย แล้วสามารถไปบำเพ็ญกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เพื่อคนทั้งมวล ทั้งโลก ด้วยรู้เข้าใจทั่วทันโลกดังได้กล่าวมาแล้วนั่นเอง : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

กราบขอบพระคุณที่มา : สำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ www.watsrakesa.com  และ หนังสือมหาจุฬาฯ งามสง่าสดชื่น กลางทะเลแห่งคลื่นลม : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) พิมพ์ร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ๙ มีนาคม ๒๕๕๗

ดาวน์โหลดธรรมนิพนธ์ “มหาจุฬาฯ งามสง่าสดชื่นกลางทะเลแห่งคลื่นลม” : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺตโต) ได้ที่ เว็บไซต์ วัดญาณเวศกวัน https://www.watnyanaves.net/th/book_detail/604

https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/_.Pr.4_580301.pdf

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here