หลายคนที่ทำบุญ นอกจากจะหวังให้เกิดโชคลาภ และความเป็นมงคลแก่ชีวิตแล้ว หลายคนยังปรารถนาโลกสวรรค์ ผู้เขียนมักถูกเด็กๆ ถามบ่อยอยู่เหมือนกันว่า ทำอย่างไรถึงจะได้ขึ้นสวรรค์

ถ้าจะตอบว่า ก็ทำความดี ทำบุญกุศล ฟังแล้วก็จะเป็นคำถามไปอีกว่า อะไรคือความดี และทำอย่างไรถึงจะได้บุญ ก็จะมีเรื่องที่ใช้ตอบคำถามนี้อยู่เป็นประจำ โดยยกเรื่องของท้าวสักกะ มหาเทพผู้เคยเกิดเป็นมนุษย์และทำความดีจนได้เกิดบนสวรรค์เป็นจอมแห่งเทพ อีกทั้งยังมีปรากฏในพระไตรปิฎกด้วย

ถ้าใครกำลังมีคำถามว่าทำอย่างไรถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ วันนี้มีคำตอบ พร้อมยกตัวอย่าง

ทำอย่างไรถึงจะได้ไปสวรรค์

โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

เรื่องมีอยู่ว่า อดีตชาติของเท้าสักกะนั้นเป็นสุภาพบุรุษท่านหนึ่งนามว่า มฆมาณพ เป็นคนที่จิตใจดี มีความเอื้อเฟื้อต่อทุกคน และมักจะริเริ่มในการทำความดีใหม่ๆ อยู่เสมอ วันหนึ่งเห็นทางเดินมันรก และมีหลุมบ่อไม่สะดวกต่อการเดินทาง ก็เลยไปถากและปรับพื้นถนน

ขณะที่ทำอยู่นั่นเอง ก็มีคนถามว่า “ท่านกำลังทำอะไรอยู่?  

มฆมาณพตอบว่า “กำลังทำทางไปสวรรค์”

ปรากฏว่ามีคนชอบใจในคำตอบ ออกมาช่วงทำถนนกัน ๓๒ คน การรวมกลุ่มกันทำงาน  ผู้ใหญ่บ้านเห็นแล้วก็รู้สึกกลัวว่าจะเป็นการรวมกลุ่มต่อต้านอำนาจตนเอง จึงไปชวนมาดื่มสุรา ทั้งหมดนั้นปฏิเสธ จึงเกิดจิตอาฆาตนำความเท็จไปทูลต่อพระราชา และพระราชาก็ลงโทษโดยไม่ทันไต่สวน โดยการลงโทษด้วยการให้ช้างเหยียบ แต่ทั้งหมดนั้นแผ่เมตตาด้วยความมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ช้างสัมผัสได้ถึงความเมตตาไม่กล้าเหยียบกระทั้งพระราชาเกิดเอะใจ เรียกมาสอบถามจึงได้ความจริง ถึงได้ทรงทราบ พระองค์จึงปราบทุจริตและพระราชทานช้างแก่มฆมาณพและเพื่อน

ถนนสำเร็จแล้วก็สร้างศาลาพักริมทาง  พร้อมทั้งมีช้างคอยบริการรับส่ง นอกจากนั้นก็ขุดสระสร้างบ่อบริการน้ำดื่ม น้ำใช้ พูดรวมๆ ก็คือสร้างประโยชน์ต่อสาธารณชน บุญกุศลที่สร้างทำให้มฆมาณพ พร้อมภรรยาและเพื่อนๆ ไปเกิดบนสวรรค์

สิ่งที่มฆมาณพทำกลายเป็นต้นแบบของการทำดีต่อสาธารณชนในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน คนรุ่นก่อนคงจะเคยเห็นบ้านเรามีอ่างน้ำดื่มไว้หน้าบ้าน หรือหัวบันได เพื่อให้คนเดินทางได้ดื่มน้ำยามกระหาย และเมื่อมีเทศกาลที่งานบุญแห่อะไรสักอย่างไปตามถนน คนสองข้างทางก็มักจะนำน้ำดื่มมาตั้งไว้หน้าบ้าน เพื่อบริการแก่คนที่เหนื่อยล้า

เล่ามาถึงตรงนี้ เราก็อาจเห็นแล้วว่า การทำบุญหรือความดีเพื่อสาธารณชนนั้นมีอานิสงส์มาก และถ้าหากการทำดีของเรานั้นมีอุปสรรคขัดขวาง ก็ขอให้วางใจในความอาจหาญต่อความดีที่เราทำ แสดงเจตนารมณ์ให้ชัดเจน แล้วจะเกิดพลังให้เราสามารถผ่านพ้นปัญหาและสำเร็จในสิ่งที่ทำ

เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะจริงๆ แล้ว มฆมาณพ ยังมีวัตรปฏิบัติตลอดชีวิตที่สำคัญอยู่ ๗ ประการ ได้แก่

  • เราพึงเลี้ยงดูบิดามารดาตลอดชีวิต
  • เราพึงปฏิบัติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต
  • เราพึงพูดวาจาอ่อนหวานตลอดชีวิต
  • เราไม่พึงพูดวาจาส่อเสียดตลอดชีวิต
  • เราพึงมีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทินต่อการอยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่มยินดี ควรแก่การขอ มีความยินดีต่อการบริจาคทานตลอดชีวิต
  • เราพึงพูดคำสัตย์ตลอดชีวิต
  • เราไม่พึงโกรธตลอดชีวิต ถ้าแม้ความโกรธพึงเกิดขึ้นแก่เรา เราพึงกำจัดมันเสียโดยฉับพลันทีเดียว

ทั้งหมดนี้เรียกว่า วัตรบท ๗ ประการ อันเป็นหลักปฏิบัติของคนดี ถ้าใครสนใจให้ศึกษาเพิ่มเติมในปฐมเทวสูตร ผู้เขียนเคยเล่าเรื่องนี้ให้ชาวฮินดูท่านหนึ่งฟัง เขาชอบมาก เพราะเขาบูชาเทพอยู่เป็นประจำแต่ไม่เคยรู้หลักปฏิบัติแบบนี้เลย เพราะหลักการดังกล่าวถือเป็นความดีสากล ทำได้ทุกชาติทุกศาสนา นอกจากนั้นยังจะส่งเสริมให้ชีวิตมีความสุขสังคมมีความสงบสันติ

            ใครที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ลองนำไปปรับปฏิบัติกันดู บางทีอาจจะช่วยให้เรานี้ค้นพบสวรรค์บนดินในโลกมนุษย์ของเรานี่เอง

ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ทำอย่างไรถึงจะได้ไปสวรรค์

โดย พระมหาประสิทธิ์. ญาณปฺปทีโป

คอลัมน์ โชคดีที่มีพระ

หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here