งานที่ยิ่งใหญ่ของคนวัยเกษียณ
โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
แนวกังหันลมที่เมืองคินเดอร์ไดค์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นกังหันลมเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๗๔๐ (พ.ศ. ๒๒๘๓) ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สถานที่แห่งนี้มีอาสาสมัครหลังวัยเกษียณจากการทำงานหลักกว่า ๒๒๐ ชีวิต ที่ทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนดูแลผู้มาเยี่ยมชม ตั้งแต่คนโบกรถ คนขายตั๋ว คนตรวจตั๋วทางเข้าบริเวณพิพิธภัณฑ์กังหันลมโบราณ คนที่พานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมพร้อมอธิบายความสำคัญ เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง ดูมีความสุขที่ได้ทำหน้าที่เหล่านั้น
ชาวตะวันตกจำนวนไม่น้อยหลังจากที่เกษียณจากการทำงานเลี้ยงชีพมาเกือบทั้งชีวิต มีหลายคนพยายามสร้างคุณค่าให้กับตัวเองในวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากด้วยการเป็นอาสาสมัครอิสระ หรือทำงานให้กับองค์กรต่างๆ ตามความถนัด ความสามารถหรือตามความชอบตน และบางคนเลือกที่จะทำงานอาสาสมัครในงานที่ตนเองรักแต่ไม่สามารถทำเป็นอาชีพเหมือนชีวิตช่วงทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_0023-768x1024.jpg)
การได้พบปะผู้คน ทำในสิ่งที่ตนรัก ตนชอบและทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อสังคมในวัยที่ศักยภาพของร่างกายเริ่มลดน้อยถอยลง คงเป็นอีกวิธีที่สร้างกำลังใจ สุขภาพที่แข็งแรง ความมีชีวิตชีวา สามารถยืดอายุของการมีชีวิตของคนหลังวัยเกษียณจากการทำงานหาเลี้ยงชีพ เป็นเพราะการที่เราทำสิ่งใดโดยไม่มีความกดดัน ความกลุ้ม ความเครียด ความคาดหวัง หรือผลตอบแทนทางวัตถุมาเกี่ยวข้อง แต่เป็นผลตอบแทนแห่งความสุขความเบิกบานของสิ่งที่กำลังทำ สิ่งที่กระทำอยู่นั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ในทันที แม้อาจเป็นงานที่คนส่วนใหญ่ที่เห็นผิด มองว่าต่ำต้อยก็ตาม
ทุกชีวิตต้องทำงานไม่ว่าในบทบาทหน้าที่ใดๆ แต่เมื่อใดที่การทำงานในบทบาทสมมติต่างๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องด้วยผลตอบแทนเป็นค่าจ้าง เป็นวัตถุ มีคนจำนวนหนึ่งที่ตกหลุมพรางด้วยการยึดติดในวัตถุที่เป็นผลตอบแทน อาจเป็นเหตุผลหลักที่เขาเหล่านั้นสูญเสียความสุข ความเบิกบานขณะที่กำลังทำงาน
ความจริงแล้วทุกงาน ทุกอาชีพล้วนมีคุณค่า มีประโยชน์ มีความสำคัญในตัวเองในแต่ระดับความสามารถ ความจำเป็นที่ต้องคอยเกื้อกูลกันและกันเสมอ ไม่เบียดเบียนกัน คงไม่สามารถสรุปได้ว่า งานไหนสำคัญกว่ากัน เพราะทุกการทำงานที่เกิดขึ้นล้วนมีความสำคัญและสัมพันธ์กับงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่มีงานสำเร็จได้โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่นภายนอก แม้งานที่ต้องทำคนเดียวก็ตาม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_0034-768x1024.jpg)
ความสำเร็จของการทำงานที่แท้จริงของผู้มีปัญญา คือ ทุกครั้งที่ทำงานนั้นๆ เราจะกระทำงานด้วยสติรู้สึกตัว จิตจดจ่อกับสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ และทำงานที่ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น โดยที่กระทำงาน ทำหน้าที่เหล่านั้นเพื่อเป็นการฝึกตน ลดอัตตา แห่งความยึดมั่นว่าเป็น ตัวตนของตน ดังนั้นทำให้ทุกงานที่ทำไม่ว่าจะเป็นงานในบทบาทสมมติใดๆ จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เสมอ เพราะในทุกการทำงาน ทำหน้าที่เหล่านั้น เราจะสามารถหล่อเลี้ยงความสงบ ความเบิกบาน เกิดปัญญาแห่งการปล่อยวาง ไม่ว่าจะเป็นงานในระดับไหนก็ตาม และที่สำคัญเราจะไม่ส่งผ่านความทุกข์ จากความเครียด ความกดดัน ความกลุ้ม ความคาดหวัง หรือต้องการเอาชนะไปยังผู้อื่น แม้อาจด้วยความไม่ตั้งใจ สาเหตุเพราะเราไม่สามารถควบคุม ดูแล จัดการ ความทุกข์ในตัวเอง ที่เกิดจากการทำงาน
การเป็นอาสาสมัคร มีจิตอาสาในองค์กร หน่วยงานหรือทำแบบอิสระจึงเป็นอีกวิธีการหนึ่ง ที่ได้ฝึกฝนที่จะลดอัตตา ลดความเห็นแก่ตัว และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง ผู้อื่น ให้กับสังคม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_0028-1024x768.jpg)
ทุกๆ การทำงาน ทำหน้าที่ ที่ได้รับการสมมติด้วยการไม่เบียดเบียนอย่างมีสติ สัมปชัญญะ คือ การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง ถ้าเราสามารถประยุกต์ได้เช่นนั้น เราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยจากการวิ่ง ไขว่คว้าหาความสุขเทียมที่ไม่จริงอีกต่อไป เพราะทุกหน้าที่ๆ ทำ หล่อเลี้ยงความสุข ความเบิกบาน อย่างเพียงพอ ยิ่งเป็นงานอาสาสมัครที่กระทำอย่างไม่หวังผลตอบแทนใดๆ แต่กลับได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ คือ ความสงบใจ เบาใจ สุขใจอย่างปล่อยวาง
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_0022-768x1024.jpg)
ไม่มีงานใดยิ่งใหญ่ กว่างานลดอัตตา
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_0029-768x1024.jpg)