“พระพุทธศาสนาในเมืองไทย อีก ๕๐ ปี อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้ก็ได้ ประเทศไทยตรงนี้อาจจะไม่ใช่ประเทศไทย สำหรับพระพุทธศาสนาอีกต่อไป …ความไม่เที่ยงสูงสุด พระพุทธเจ้าหมายเอาความไม่เที่ยงของเบญจขันธ์ แต่ความไม่เที่ยงในโลกนี้เหมือนกันทุกอย่าง เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็ย่อมมีผลกระทบทอดกับไปหมด ไม่มากก็น้อย

“ความไม่เที่ยงอย่างธรรมดาที่ต้องการให้คิดก็คือ ความไม่เที่ยงของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะ พระพุทธศาสนาในเมืองไทย ซึ่งมีมาแต่เดิม เมื่อรู้ว่ามันจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนแล้ว ทำไมเราไม่เตรียมการเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาอย่างรู้เท่าทัน

“แม้การให้มีพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ การสร้างวัดขึ้นในต่างประเทศ การให้พระได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ก็เพื่อเตรียม ต่อลมหายใจพระพุทธศาสนา ให้อยู่ในโลกต่อไป ไม่ใช่เพื่ออะไร ก็เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน

“ที่ทำนี้ก็ทำตามพระพุทธเจ้าสอน พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ ก็เพราะพุทธบริษัท แล้วพุทธบริษัทคือใคร ที่เห็นชัดก็คือ พระเณร ถ้าพระเณรไม่ทำแล้วใครจะทำ”

จากหนังสือ “เย็นหิมะในรอยธรรม” โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พิมพ์ครั้งที่ ๒๒ พ.ศ.๒๕๕๖ โดยสำนักพิมพ์อนันตะ

พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน
พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน

รำลึกชาตกาล งานสานต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ตามปณิธานเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)

๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓

โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.

ในปีพ.ศ.๒๕๖๐ ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้จัดสัมมนาหัวข้อเรื่อง “สานต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก” ตามปณิธานเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) โดยพระครูสิริวิหารการ, พระมหา ดร.ฐานันดร เขมปญฺโญ, พระมหา ดร.ไกรวรรณ ชินทตฺติโย และ อาตมา  พระมหา ดร. ขวัญชัย กิตฺติเมธี

จากซ้าย พระมหา ดร. ขวัญชัย กิตฺติเมธี , พระมหา ดร.ฐานันดร เขมปญฺโญ, พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท , พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น และ พระมหา ดร.ไกรวรรณ ชินทตฺติโย
จากซ้าย พระมหา ดร. ขวัญชัย กิตฺติเมธี , พระมหา ดร.ฐานันดร เขมปญฺโญ, พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท , พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น และ พระมหา ดร.ไกรวรรณ ชินทตฺติโย

โดยแบ่งกลุ่มเขียนโครงการเพื่อขับเคลื่อนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในแต่ละพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศ ตามโครงการ ๓ โครงการคือ

๑. โครงการธรรมเยียวยาใจ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

๒. โครงการเยี่ยมพระพบปะโยม ในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนใต้

๓. โครงการธรรมสัญจรเยียวยาใจ ในพื้นที่ภาคเหนือ

ณ ศาลาสุวรรณบรรพต (หลวงพ่อโชคดี)  วัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันพุธที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

๑. เพื่อให้พระวิทยากรที่เข้าร่วมสัมมนาได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง

๒. เพื่อให้พระวิทยากรที่เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ข้อคิดเห็น ปัญหา อุปสรรคต่างๆ ในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา

๓. เพื่อให้พระวิทยากรแต่ละภูมิภาครวมกลุ่มทำโครงการขับเคลื่อนงานเผยแผ่เชิงรุกในทุกภูมิภาค และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระวิทยากรกระบวนธรรมทุกภูมิภาคและพระวิทยากรส่วนกลาง

๔. เพื่อให้พระวิทยากรได้เจริญรอยตามปณิธานและน้อมรำลึกชาตกาล เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) ปีที่ ๘๙

สำหรับพระวิทยากรกระบวนธรรมที่เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนั้นมีจำนวน ๕๘ รูป  กิจกรรมในวันนั้นประกอบไปด้วย สัมมนาหัวข้อเรื่อง “สานต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก” ตามปณิธานเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) และแบ่งกลุ่มเขียนโครงการเพื่อขับเคลื่อนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในแต่ละพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศ ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. และเข้ารับโล่เกียรติคุณกับพระเดชพระคุณ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร, กรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าคณะภาค ๑๐, ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ และประธานคณะกรรมการโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ในครั้งนั้น ในเวลา ๑๓.๐๐ เป็นต้นไป

           โดยพระวิทยากรที่เข้าร่วมกิจกรรมมาจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และผ่านการอบรมอบรมจากกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม  สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม  และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ  พระศาสนา พระมหากษัตริย์ในปีที่ผ่านมา

ความเป็นมาก่อนหน้านี้

ก่อนที่จะมาเป็นโครงการในวันนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในนามสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม  และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ  พระศาสนา พระมหากษัตริย์  โดยการสนับสนุนของอาจารย์เจ้าคุณเมธีสุทธิกร ( พระราชอุปเสณาภรณ์) และอาจารย์เจ้าคุณวิจิตรธรรมภรณ์ (พระราชกิจจาภรณ์) ผู้ช่วยเลขานุการสำนักงานฯ ในครั้งนั้น ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ เป็นต้นมา

ในปี พ.ศ.๒๕๕๓-๒๕๕๖ ทางกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามได้เปิดอบรมหลักสูตร “หลักสูตร Fa for D (Facilitator for Development of Decency)” วิทยากรกระบวนการ พัฒนางานกระบวนธรรม” อบรมพระวิทยากรที่สนใจ  จัดอบรมพระวิทยากรอบรมโครงการพระวิทยากรกระบวนการพัฒนางานกระบวนธรรม ทั้งหมด ๔ รุ่นต่อมาได้พัฒนาเป็นกลุ่ม “พระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนใต้” และอบรมประชาชนและเยาวชน จำนวน ๑๒๐ กว่าข่าย ภายใต้ชื่อหลักสูตร “ดีมั่นใจ ใต้มั่นคง”

มีจุดเน้นเพื่อการเรียนรู้พระพุทธศาสนา ผ่านการฟังบรรยาย (สุตมยปัญญา) การพินิจชีวิตตน (จินตามยปัญญา) และการทำกิจกรรม (ภาวนามยปัญญา)ผ่านกระบวนการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่ม ในรูปแบบการสนทนาธรรม (ธรรมสากัจฉา) โดยกัลยาณมิตรผู้ทำให้รู้เกิดการรู้คิด (โยนิโสมนสิการ) ที่มีทั้งพระวิทยากรจากส่วนกลาง พระธรรมทูตในพื้นที่ และเพื่อนพุทธศาสนิกชน ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ และสร้างเครือข่ายพุทธศาสนิกสัมพันธ์ร่วมกันกับเครือข่ายพระธรรมทูตผลผลิตที่คาดหวังคือเพื่อให้พุทธศาสนิกชน เกิดขวัญ กำลังใจ ได้ข้อคิด มีพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำรงชีวิต อุปถัมภ์พระภิกษุสามเณร ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เกิดเครือข่ายพุทธศาสนิกสัมพันธ์และทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกันกับเครือข่ายพระธรรมทูต

ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่  วัดสระเกศร่วมกับกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามได้จัด “โครงการธรรมะเยียวยาใจ”  เป็นการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียนให้ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นและให้กำลังใจผู้ประสบภัยไปพร้อมกัน

ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. จัดโครงการ “วิทยากรแกนธรรม นำป้องปรามการทุจริต” อบรมพระและชาวพุทธในหลักสูตร Fa for D (Facilitator for Development of Decency)”วิทยากรกระบวนการ พัฒนางานกระบวนธรรม”  และร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และคณะสงฆ์ภาค ๑๐ จัด “การอบรมเชิงปฏิบัติการ ผู้นำศาสนาเพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และเสริมสร้างความสมานฉันท์”

ในปี พ.ศ.๒๕๕๗ ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ สวนโมกข์กรุงเทพ และโทรทัศน์สีช่อง ๗ จัดโครงการ “วิทยากรกระบวนการ พัฒนางานกระบวนธรรม นำยุคดิจิทัล”

ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ได้จัดอบรมพระวิทยากรจากทั่วประเทศภายใต้ “โครงการพระวิทยากรกระบวนธรรม” ภายใต้หลักสูตร “พระวิทยากรกระบวนธรรม” เพื่อให้พระวิทยากรมีศักยภาพ อุดมการณ์ในการทำงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาและสร้างเครือข่ายการทำงานให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทยโดยมีของพระมหา ดร.ขวัญชัย กิตฺติเมธี ประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ออกแบบหลักสูตร พระครูศัพทสุนทร (กิจการ โชติปญฺโญ) เป็นประธานที่ปรึกษา และพระมหา ดร.ไกรวรรณ์ ชินทตฺติโย เป็นผู้บริหารโครงการ

ในปีเดียวกัน ได้ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีจัดฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมพระวิทยากร ศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จังหวัดอุบลราชธานีจำนวน ๙๙ รูปเพื่อพัฒนาศักยภาพของพระสงฆ์ ในการเผยแผ่ธรรม มุ่งเน้นฝึกปฏิบัติ จัดกิจกรรมค่ายคุณธรรม จริยธรรม การให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาด้านพระพุทธศาสนา และสร้างเครือข่ายพระวิทยากรจิตอาสาให้มีความเข้มแข็ง และครอบคลุมทั่วประเทศ

ในปีเดียวกันได้จัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพพระวิทยากร : การเรียนรู้กระบวนการทางจิตวิทยาด้วยกระบวนการ Drama Therapy & Photo and VDO Therapyโดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิตาลีอย่าง  VALENTINA FORTUNATI BARLACCHI, Ph.D.in Psychology และ PIERLUCA SANTORO, Ph.D. in Psychotherapist พร้อมด้วย รศ.ดร. อุบลวรรณา ภวกานันท์ Ph.D.in Experimental Psychology สมาชิกของคณะกรรมการจิตวิทยาประยุกต์นานาชาติเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจกระบวนการทางจิตวิทยาสมัยใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการอบรมเชิงจิตวิทยาที่ประยุกต์เข้าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากขึ้น

  การมาร่วมกันนี้จึงถือเป็นการสร้างเครือข่ายและสร้างอุดมการณ์ในงานเผยแผ่ตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “เย็นหิมะในรอยธรรม” ว่า

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)

           “ท่านพระธรรมทูตทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ อย่างรอบด้าน ไม่ใช่มองแต่เพียงสองด้าน หรือด้านเดียว ไม่ใช่มองด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องมองให้รอบด้าน แล้วเราก็สามารถช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ สามารถที่จะรักษาสถาบันที่สำคัญที่สุด คือ สถาบันชาติ สถาบันพระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ได้ 

ถ้าบ้านเมืองของเรา ไม่มีสถาบันทั้ง ๓ จะมีอย่างไรนั้น ไม่มีใครพยากรณ์ได้ แต่นั่นก็หมายความว่า เราก็จะต้องประสบกับภาวะอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นไปอย่างไร ก็ไม่มีใครที่จะสามารถที่จะคาดเดาได้เช่นเดียวกัน แต่สภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ เห็นเป็นที่ปรากฎชัดเจนว่า เพราะเรามีสถาบัน ๓ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงพอจะมีคามผาสุกสวัสดี อยู่กันอย่างน่าภูมิใจว่า เป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย”

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ในขณะนั้น ได้ปรารภไว้กล่าวเปิดโครงการฯ ว่า

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ในขณะนั้น
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ในขณะนั้น
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น

“จรถ ภิกฺขเว ภิกษุทั้งหลายเธอจงเที่ยวไป เป็นวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล และปัจจุบันเราจะใช้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสังคมที่พระจำเป็นต้องลงไปถึงบ้าน ถึงหมู่บ้าน ถึงครัว เพื่อจับเข่าคุย เป็นเหมือนสมัยพุทธกาลอีกครั้ง

พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น
พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น

พระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่ปรึกษากลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ในขณะนั้น  กล่าวในการสัมมนาว่า “เราเอาเปรียบชาวบ้าน เมื่อชาวบ้านนำอาหารมาให้ตอนปกติ แต่ตอนทุกข์ ตอนเจ็บ ตอนป่วย เราไม่เคยไปเยี่ยม ตอนนี้เราจะน้อมนำเอาคำของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) ที่ลงพื้นที่เยียวยาใจคนที่มีความทุกข์”

พระราชกิจจาภรณฺ (เทอด ญาณวชิโร) กับ พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น และคณะสงฆ์กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม
พระราชกิจจาภรณฺ (เทอด ญาณวชิโร) กับ พระครูสิริวิหารการ ในขณะนั้น และคณะสงฆ์กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม
พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน
พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน

๙๒ ปี ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ “รำลึกชาตกาล เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) สานต่อปณิธานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก” โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here