เย็นกายสุขใจ กับ…
เรื่องเล่าของพ่อ
เขียนโดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ ประธานกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
(๑)
ผมได้รับโทรศัพท์จากพ่อ บอกว่าให้กลับบ้านในวันพ่อ ซึ่งพ่อผมโทรมาแบบนี้ทุกปี เพราะมันเหมือนกับประเพณีอย่างหนึ่งในครอบครัวที่ทุกคนต้องไปรวมตัวกันในฐานะลูกที่ดีคนหนึ่ง ผมก็ไม่ควรปฏิเสธ มันคงเป็นโอกาสดีเหมือนกันที่จะได้เจอพี่ ๆ น้อง ๆ จะว่าไปมีคนอีกหนึ่งที่ผมจะได้เจอ ไม่ได้เจอกันนานแล้วสินะ ลูกชายคนเก่งของผม
(๒)
ทันทีที่ผมมาถึงบ้านของพ่อโดยการซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ที่มีลูกชายของผมขับมาส่ง บรรยากาศที่บ้านพ่อของผมวุ่นวายเหมือนเช่นดั่งทุกๆ ปี เสียงบรรดาพี่น้องรวมทั้งสะใภ้และเขยของบ้านหลังนี้กำลังตระเตรียมอาหารสำหรับมื้อเที่ยงดังจอแจเหมือนอยู่ในตลาดสด เป็นความสามัคคีที่เกิดขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ทุก ๆ คนช่วยกันในสิ่งอันที่พอจะช่วยได้ ไม่มีใครนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่มีใครก้าวก่ายหน้าที่ของใคร มีแต่บรรยากาศของการช่วยเหลือแบ่งปัน เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้านี้ ราวกับว่าผ่านการประชุมวางแผนและตระเตรียมงานมาเป็นแรมเดือนอย่างเคร่งเครียด แต่มันคงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่ เพราะสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคน
(๓)
เวลาของความอิ่มหนำสำราญเริ่มต้นขึ้น พ่อและแม่ของผมนั่งอยู่หัวโต๊ะ ตามมาด้วยบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลายของผม และหลาน ๆ นั่งเรียงกันไป พ่อเริ่มถามถึงสารทุกข์สุขดิบ และให้ลูก ๆ แต่ละคนรายงานตัวเหมือนนักเรียนประถม
คำถามของพ่อก็…อย่างเช่น ปีนี้ทำอะไรอยู่ เป็นอย่างไรบ้าง หลานเป็นยังไงบ้าง สามีภรรยาเป็นยังไงบ้าง ความเป็นห่วงและปรารถนาดีที่แสดงออกผ่านแววตาและถ้อยคำของพ่อมิอาจปิดบังได้ หรือว่าแท้จริงแล้ว ที่พ่อกำชับหนักหนาว่าต้องมาให้ได้ ก็เพื่อที่จะได้รู้ความเป็นอยู่ของลูก ๆ แต่ละคน แบบที่ไม่เขินเกินไปที่จะถาม เพราะแค่ถามครั้งเดียว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของลูก ๆ ที่ต้องตอบ พ่อเนี่ยฉลาดสุด ๆ ไปเลย
(๔)
ช่วงเวลาที่พ่อรอคอยก็มาถึงของขวัญมากมายจากหลายสถานที่ที่ลูก ๆ แต่ละคนนำติดไม้ติดมือมาฝาก ถูกส่งให้พ่อพร้อมกับฝ้ายผูกแขนและคำอวยพร มือหนึ่งของพ่อวางไว้บนหมอนเพื่อรับของขวัญและฝ้ายผูกแขนที่ลูก ๆ นำมามอบให้ บางคนก็มีเงินเป็นของแถมให้อีกด้วย
พ่อยิ้มเสมอและบอกว่าขอบคุณกับคำอวยพรและสิ่งที่นำมามอบให้ มืออีกข้างของพ่อเอาไว้สำหรับลูบหัวให้ลูก ๆ ที่เข้าไปใกล้ ๆ ความอบอุ่นที่พ่อถ่ายทอดให้ ผ่านมืออันเหี่ยวย่นที่ทำงานมาทั้งชีวิตเพื่อคนที่พ่อลูบหัวอยู่
(๕)
พอลูก ๆ อวยพรเสร็จแล้ว ก็เป็นคิวของพ่อสินะคราวนี้ พ่อเขยิบเข้าไปใกล้แม่ เหมือนจะต้องการกำลังใจข้างหน้าของพ่อ คือของขวัญมากมายที่ลูก ๆ นำมามอบให้ ในมือของพ่อเต็มไปด้วยฝ้ายผูกแขนสีขาวที่เป็นตัวแทนของคำอวยพรของลูกแต่ละคน พ่อมองหน้าแม่เหมือนจะหาคนช่วยเพิ่มความมั่นใจ แล้วคำอวยพรของพ่อก็เริ่มขึ้น
“พ่อขอบคุณลูก ๆ ทุกคนนะ
ที่มาอวยพรให้พ่อในวันนี้
เป็นวันที่…พ่อ…อบอุ่น…มาก… (พ่อเริ่มสะอื้น)”
พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ
พี่ชายของผม ลูกที่ถือว่าซนที่สุดในบ้านร้องทักขึ้นว่า “โอ๊ยยย อย่าเพิ่งร้องไห้ รอรับพรอยู่นะเนี่ย เมื่อกี้นี้ผูกแขนไปตั้ง ๕๐๐” ทุกคนหัวเราะขึ้น พ่อยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วบอกว่า “พ่อไม่ได้ร้องไห้ มันตื้นตัน” แล้วก็เริ่มอวยพรต่อ
“ขอให้ลูก ๆ ทุกคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ได้พบได้เจอแต่สิ่งที่ดี ๆ ในชีวิต
ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้”
ฟังดูเหมือนราบรื่นใช่ไหม ? แต่ไม่หรอก พ่อปาดน้ำตาไปหลายฉาก กว่าจะจบได้
(๖)
ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ลูกชายกลับบ้านจากบ้านพ่อ แล้วลูกชายคนเก่งก็บอกให้กลับเข้าบ้านไปก่อน ขอหยิบของสักครู่หนึ่ง ผมนั่งดูทีวีอยู่ ลูกชายคนเก่งก็เข้ามากราบพร้อมกับพวงมาลัยช่อสวยและอวยพรให้ผมว่า “ขอให้พ่อมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ จะมีแรงบ่นให้ผมไปนาน ๆ”
นั่น สมกับเป็นหลานของพี่ชายผมจริง ๆ ผมดึงลูกชายมากอด พอออกจากอ้อมกอดแล้ว ลูกชายบอกว่า “ถึงเวลาที่พ่อต้องอวยพรแล้วนะ”
ผมนึกคำอวยพรดี ๆ ให้กับลูกชายคนเก่งของตัวเอง ผมเริ่มให้พรลูกชาย “คำอวยพรของพ่อก็เหมือนของปู่ พ่อจะมอบพรที่พ่อของพ่อมอบให้ ให้กับลูกของพ่อแล้วกัน แต่ให้มันเกิดขึ้นกับลูกสองเท่า”
พูดยังไม่ทันจบดี ผมก็มีน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา พอลูกชายเห็นก็รีบทักว่า “นั่น พ่อร้องไห้เหรอ ?” ผมปาดน้ำตาแล้วบอกกับลูกชายไปว่า “พ่อไม่ได้ร้องไห้ มันตื้นตัน”
“เรื่องเล่าของพ่อ” เขียนโดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ ประธานกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ