วันนี้วันพระ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักกราช ๒๕๖๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
ศึกษาวิธีคิด ปฏิปทาพระเถระแห่งยุคกึ่งพุทธกาล
“เมตตาคำเดียว”
วิถีแห่งผู้นำ
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)
๑.ปฐมบทแห่งชีวิต ๒. ต้นกำเนิดของครอบครัว
๓.ความฝันของโยมแม่ ๔. มุ่งมั่นแต่เยาว์วัย
เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
๑ .ปฐมบทแห่งชีวิต
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เป็นพระมหาเถระที่ได้รับการกล่าวนามถึงมากที่สุดรูปหนึ่ง ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาบนผืนแผ่นดินไทย ด้วยความเป็น “ต้นแบบแห่งสงฆ์” ที่พุทธบริษัทปรารถนาจะได้พบเห็น อันเป็นหนึ่งในทัสนานุตริยะที่เป็นมงคลยิ่ง โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานแนวคิดนำพระพุทธศาสนาก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ทั่วทุกมุมโลก
๒. ต้นกำเนิดของครอบครัว
สมัยก่อนชาวจีนโพ้นทะเลเป็นนักเดินเรืออีกชนชาติหนึ่งที่เข้ามาพึ่งพาอาศัยโพธิสมภารในแผ่นดินไทยบนเกาะสมุย นอกจากประกอบอาชีพประมง ทำไร่ ทำสวนแล้ว ยังประกอบอาชีพค้าขายอันเป็นอุปนิสัยของชาวจีนโดยทั่วไป
ปัจจุบันบ้านของบรรพชนที่เกาะไหหลำยังถูกรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพดังเดิม โดยภายในบ้านได้นำภาพของโยมบิดาของเจ้าประคุณสมเด็จฯไปไว้บนแท่นบูชาของบรรพชน
สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเกาะสมุยเป็นนักเสี่ยงโชคที่แสวงหาแผ่นดินทอง เพื่อทำการค้าขายส่วนมากเป็นพ่อค้าทางเรือแล่นเรือส่งสินค้าจากกรุงเทพมหานคร แวะรับส่งสินค้าที่สงขลาแล้วมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ และออกจากสิงคโปร์ แวะรับส่งสินค้าที่สงขลาแล้วเข้าสู่กรุงเทพมหานคร สินค้าก็มีมะพร้าว ข้าวสาร ผลิตผลทางการเกษตรตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภคอื่น ๆ
ในคราวนั้นมีตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง “แซ่โหย่ว” หรือ “แซ่หยาง” เดินทางโดยเรือสำเภา แสวงหาทำเลทองเพื่อทำการค้าขายผ่านกรุงเทพ ฯ และแวะพักที่เกาะสมุยเหมือนพ่อค้าสำเภาทั่วไปได้เห็นเกาะสมุยมีภูมิประเทศดี น้ำท่าพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จึงได้ตกลงใจลงหลักปักฐานตั้งบ้านขึ้นที่ริมชายหาดเฉวง ตำบลเฉวง โดยยึดอาชีพชาวประมง ทำสวนมะพร้าว และทำการค้าขายสืบเชื้อสายมาบนเกาะแห่งนี้
กลายเป็นตระกูล “โชคชัย” ในปัจจุบัน
ผู้นำครอบครัวตระกูลโชคชัยได้ตั้งร้านค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ตลอดจนรับซื้อสินค้าจากชาวเกาะเพื่อขายต่อให้กับพ่อค้าเรือส่งเข้ากรุงเทพฯ บ้าง สงขลาบ้าง นครศรีธรรมราชบ้าง ส่งออกสิงคโปร์บ้าง ตามแต่พ่อค้าเรือคนไหนต้องการอะไร บางทีเดินทางไกลเอง จากกรุงเทพ ฯ ไปสิงคโปร์ จากสิงคโปร์ไปกรุงเทพ ฯ ต้องทำหมูเค็มใส่ไหลงเรือสำเภา เพื่อเป็นเสบียงเดินทางให้กินได้นานแรมเดือน จนครอบครัวกลายเป็นตระกูลคหบดีที่ มีที่ดินครอบครองจำนวนมากและมีความมั่นคงทางการเงินตระกูลหนึ่งของเกาะสมุย
๓. ความฝันของโยมแม่
ณ หมู่บ้านชายหาดเฉวง ตำบลเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ถือกำเนิดในตระกูลโชคชัยเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ตรงกับวันศุกร์ ปีมะโรง เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนบุตรธิดา ๗ คนของตระกูล
โยมบิดา ชื่อ นายเลี่ยน โชคชัย โยมมารดา ชื่อ นางยี โชคชัย
*หนังสือสุทธิ เกิดวันศุกร์ ที่ ๑๑ มกราคม ๒๔๗๑
*มีบันทึกด้วยลายมือ เกิดวันศุกร์ ที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๑ เวลาทุ่มเศษ
ค่ำคืนที่เด็กชายเกี่ยวลืมตาดูโลกนั้น มารดาฝันเห็นปลาใหญ่รูปร่างแปลกพิกล ดำมุดผุดว่ายเล่นน้ำทะเลลึกมาแต่ไกล ครั้นขึ้นฝั่งกลับกลายเป็นช้างเผือกงางอนงามหมอบอยู่หาดทรายหน้าบ้าน ฝูงสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำต่างมาชุมนุมกัน ส่งเสียงระงมเต็มหาดเป็นที่อัศจรรย์
ญาติพี่น้องต่างมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บุตรชาย ซึ่งจะเป็นผู้สืบต่อธุรกิจค้าขายของตระกูลต่อไป นายเลี่ยน โชคชัย (อุ่ยเหลี่ยน แซ่เอี้ยว หรือ หยาง) ผู้เป็นบิดา และนางยี โชคชัย (แซ่ภู่) ผู้เป็นมารดาได้ให้ชื่อบุตรชายว่า “เกี่ยว” เพื่อเป็นมงคลนามว่าบุตรชายได้ถือกำเนิดในช่วงที่ครอบครัวมีฐานะทางเศรษฐกิจเป็นหลักฐานมั่นคงพรั่งพร้อมทุกอย่างตามฐานะที่คนในสมัยนั้นจะพึงมีพึงได้ เป็นบุพนิมิตว่า บุตรชายถือกำเนิดมาเพื่อเกี่ยวเอาโชคลาภมาสู่วงศ์ตระกูล
เด็กชายเกี่ยว ได้รับการเลี้ยงดูทะนุถนอมกล่อมเกลา ในอ้อมกอดของบุพการีผู้ก่อกำเนิดได้รับความผาสุกตามสภาพที่จะพึงมีพึงเป็น เฉกเช่นบิดามารดามีให้แก่บุตรด้วยความอบอุ่นรวมกับพี่ๆ น้องๆ บนเกาะสมุยถิ่นกำเนิด
๔. มุ่งมั่นแต่เยาว์วัย
กาลเวลาต่อมา เด็กชายเกี่ยวเจริญวัยพอสมควร จึงได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาหาความรู้ในโรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้าน เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เมื่ออายุ ๙ ปี ซึ่งมากกว่าเกณฑ์บังคับเรียนในสมัยปัจจุบันถึง ๒ ปี
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เล่าว่า เนื่องด้วยผู้ปกครองในสมัยเมื่อ ๖๐ – ๗๐ ปีก่อน บ้านเมืองเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการศึกษาเท่าที่ควร เพราะว่ามีความสนใจมุ่งเน้นให้มีอาชีพในการทำมาหากินมากกว่าเรื่องการศึกษา ผู้ใหญ่มักมองว่าการฝึกทำอาชีพของครอบครัวตนเองที่ประกอบอยู่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตในภายภาคหน้า จึงหมั่นให้บุตรธิดาฝึกกันทำมาค้าขาย หรืออาชีพอื่นใดตามความถนัดแห่งบรรพบุรุษที่ทำสืบต่อกันมา
แต่ด้วยความขยันหมั่นเพียรแสวงหาความรู้ และมีความมานะพากเพียร ช่างจดช่างจำของเด็กชายเกี่ยว จึงทำให้ผลการศึกษาออกมาเป็นที่น่าพอใจ ต่อมา เมื่อเรียนจบขั้นสูงสุดของโรงเรียน คือสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ในปี พ.ศ.๒๔๘๓* อันเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดของโรงเรียนประชาบาลที่มีอยู่ในเกาะสมุยเวลานั้น เด็กชายเกี่ยวจึงได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะศึกษาต่อด้วยสติปัญญา และความตั้งใจจริงในอันที่จะใฝ่หาความรู้ต่อไป ทำให้บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เห็นความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อในลำดับชั้นที่สูงขึ้นไป จึงสนับสนุนให้เด็กชายเกี่ยวได้รับการศึกษาตามที่ต้องการ
(* เกิดปี ๒๔๗๑ อายุ ๙ ขวบเข้าเรียน ใช้เวลา ๔ ปี จบชั้นป.๔ = ๒๔๘๓)
บิดามารดาจึงได้ไปติดต่อโรงเรียนมัธยมศึกษาในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เด็กชายเกี่ยวได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เล่าว่า “ ตอนนั้น โยมพ่อพาไปสมัครเรียน ต้องไปถ่ายรูป เพื่อนำไปสมัครเรียน โดยไปกับเด็กชายชีวิน(ต่อมา คือ ผู้ว่าชีวิน สุทธิสุวรรณ) นอกจากนั้น โยมพ่อต้องเอาเงินไปแลกเป็นเงินปัจจุบัน เพราะตอนนั้นรัฐบาลประกาศเลิกใช้เงินเหรียญสตางค์แบบเก่า โยมพ่อเก็บสะสมไว้มากเพราะเป็นพ่อค้า จึงต้องเอาเงินสตางค์ข้ามไปแลกด้วย จำได้ว่า โยมพ่อพาไปตัดผมไปถ่ายรูป และกินก๋วยเตี๋ยว ”
แต่ทว่าคงเป็นด้วยบุญบารมีวาสนาที่ได้กระทำไว้แต่ชาติปางก่อน แม้ว่ามีปัจจัยครบและพร้อมในการเดินทางเข้าไปศึกษาต่อยังตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ท่านก็ไม่ได้ใช้โอกาสนั้นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้คงเป็นด้วยบุญวาสนาบารมีที่จะเจริญในพระศาสนานั่นเอง