คำถามที่มีคำตอบอย่างชัดเจนในชีวิตดเ้วยตัวเราเองถะามและตอบตัวเอง

จะนำไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน

เราจะก้าวไม่พลาดในแต่ละวันจนกว่าจะถึงเส้นชัย แม้ตอนนี้ยังมองไม่เห็น

ในภาคปฏิบัติ แน่นอนว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานเป็นธรรมดา

นั่นไม่ถือว่าเป็นการพลาด แต่เป็นการเรียนรู้

และทักษะใหม่ๆ จะเกิดขึ้นเพื่อถากถางทางไปสู่เป้าหมายในที่สุด

…ว่าแต่ว่า…

เคยถามตัวเองไหมว่า “ทำไปเพื่ออะไร”

โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

มีเรื่องที่เล่าอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะชอบเป็นพิเศษ  แต่เพราะมีเหตุให้ใช้เรื่องนี้เล่าเพื่อตอบคำถามสำหรับบางคน ที่ทำงานแล้วเกิดอาการหมดไฟ หรือมีเหตุให้รู้สึกท้อแท้ใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคของชีวิต เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผิดพลาดจากสิ่งที่คาดคิด

เรื่องมีอยู่ว่า มีคน ๓ คนกำลังก่อกำแพงวัดอยู่ ขณะนั้นก็มีคนไปถามคนที่ ๑ ว่า “กำลังทำอะไรอยู่” 

เขาตอบว่า “กำลังทำงานอยู่”

จากนั้นก็ไปถามคนที่ ๒ ด้วยคำถามเดียวกันว่า “กำลังทำอะไรอยู่” 

เขาตอบว่า “กำลังก่อกำแพงวัด”

และถามคนที่ ๓ ด้วยคำถามเดียวกันอีกว่า “กำลังทำอะไรอยู่” 

คนสุดท้ายตอบว่า “กำลังสืบอายุพระพุทธศาสนา”

งานเหมือนกันแต่แรงจูงใจในการทำงานแตกต่างกัน!

 ท่านผู้อ่านลองคิดสิว่า “ใครจะมีความสุขกับการทำงานมากกว่ากัน” 

ผู้เขียนเคยสำรวจมาแล้วเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ตอบว่า คนที่ ๓ เพราะดูเป้าหมายของใจยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นภาพลวงตา เราไม่ได้รับรู้ความสุขความทุกข์ของคนทั้งสามจริงๆ

เราไม่ได้ถามเลยว่า คุณมีความสุขกับการทำงานนี้มากน้อยแค่ไหน

คนที่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่บางครั้ง อาจจะทุกข์ใจมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าจะสำเร็จตามประสงค์หรือเปล่า

 ผู้เขียนเคยถามทั้งพระและฆราวาสที่ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อสังคม ทุกคนตอบแทบจะเหมือนกันว่า “ทุกข์และบางครั้งท้อกับอุปสรรค” แต่เพราะรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำให้มีพลังที่จะก้าวต่อไปแม้รู้ว่าอุปสรรคจะขัดขวางมีอีกมากมาย

สำหรับคนที่ตอบว่า “มีความสุขกับการทำงาน” ผู้เขียนก็ถามต่อว่า “ทำงานยังไงให้รู้สึกมีความสุขกับการทำงาน”

ท่านตอบว่า “ทำงานเพื่อทำงาน” มีเป้าหมายแต่ไม่ได้คาดหวัง อยู่กับปัจจุบันของงานบนพื้นฐานของความตั้งใจในขณะที่ทำงาน คนที่มีความสุขกับงานไม่ใช่แค่รู้ว่า ตนเองทำไปเพื่ออะไร แต่รู้ด้วยว่า ตนเองกำลังทำอะไรอยู่

มาถึงตรงนี้เราเริ่มจะเห็นแล้วว่า แค่หนึ่งคำถามไม่อาจจะทำให้เราเข้าใจได้ทั้งหมด เราจึงไม่ควรตัดสินใครหรืออะไรเพียงเพราะเขาตอบคำถามแค่ ๑ คำถาม หรือ แค่แง่มุมเดียวที่เขาสะท้อนออกมา

ตัวเราเองก็เช่นเดียวกัน บางครั้งเราก็อาจจะต้องตั้งคำถามสำหรับตนเอง ให้หลายๆ คำถามหน่อยว่า กำลังทำอะไรอยู่ สิ่งที่ทำนี้เพื่ออะไร ทำอย่างไรให้ดียิ่งขึ้น และเราควรจะปรับตัวยังไงกับปัญหาที่เกิด?

บางทีคำตอบที่ได้อาจไม่ชัดเจนไปเสียทุกข้อหรอก แต่บางครั้งมันเป็นการได้กลับมาทบทวนในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ ว่ามัน “ใช่” หรือ “แค่ชอบ” และ เรายินดีที่จะทนปนทุกข์สุขกับสิ่งนี้หรือเปล่า

อยากจะแบ่งปันหลักคิดสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต เพื่อเสริมแรงใจในการทำงานและต่อสู้ชีวิตในวันข้างหน้า หรือว่า เผื่อใครที่กำลังท้อใจในการทำงาน ให้ถามตนเองให้ชัดใน ๓ ข้อต่อไปนี้ เรียกว่า ๓ ค

คุณค่า ตอบตนเองให้ได้ว่างานที่เราทำหรือชีวิตของเรานี้มีคุณค่าอย่างไร  เราต้องเห็นคุณค่าของตนเองก่อน เพราะถ้าเราเห็นคุณค่าของชีวิตและสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราจะไม่เรียกร้องการมองเห็นจากคนอื่นมากเกินไป เพราะฉะนั้น คนที่เห็นคุณค่าในตนเองและงานที่กำลังทำอยู่ชัดเจน ต่อให้ใครจะมองไม่เห็นก็จะไม่เป็นทุกข์

๒. ความหมาย ตอบตัวเองให้ชัดว่าอะไรคือความหมายของการใช้ชีวิต และงานที่กำลังทำอยู่ เช่น  ความหมายที่แท้จริงของการเป็นข้าราชการคืออะไร? ถ้าข้าราชการตอบชัดเจน ก็จะเป็นข้าราชการที่ดีไม่มีทุจริต ชีวิตของการทำงานก็งดงามมีความสุข หรือ ความหมายของครู คืออะไร ครูที่รู้ชัดในความหมายของความเป็นครู เขาหรือเธอคนนั้นจะมีความหมายต่อลูกศิษย์อย่างยิ่ง

๓. คืนสังคม   เราอาจจะเห็นคุณค่าและความหมายของชีวิตตนเองและงานที่ทำแล้ว สิ่งที่จะเพิ่มเติมจากนั้นก็คือ เราได้คืนคุณค่า ความหมายของงานหรือคุณประโยชน์ที่เราทำทำงานนี้มีต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าต้องให้เท่ากันทุกคนนะ แต่การได้ทำอะไรคืนสังคมบ้างนั้น มันเป็นการเติมเต็มคุณค่าและความหมายให้ชีวิต อีกทั้งทำให้การทำงานของเราเต็มอิ่มเองเช่นเดียวกัน

เช่น บริษัทใหญ่ๆ ที่มี CSR (Corporate Social Responsibility) เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาได้ตอบแทนสังคมอย่างไรบ้าง และมีคนเด่นดังมากมายออกมาทำงานหรือ ทำกิจกรรมเพื่อสังคม มันเป็นการตอบโจทย์ชีวิตของตนเองอย่างหนึ่ง

ในทางพระมีคำว่า สัมมากัมมันตะ แปลว่า การทำงานชอบ หรือ การทำงานที่ถูกต้องดีงาม ส่วนใหญ่เราก็จะเห็นการอธิบายไปถึงการเจริญสติวิปัสสนา แต่ว่าในที่นี้ผู้เขียนมุ่งให้เห็นการงานและการใช้ชีวิตในประจำวัน ว่าชีวิตการทำงานของเรานั้นไม่ว่าจะแบบไหนงานอะไร ก็ให้เห็นคุณค่า ความหมายและสุดท้ายสามารถตอบแทนคืนสู่สังคมได้ ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการเจริญธรรมที่ชื่อว่า สัมมากัมมันตะ เป็นงานที่ไม่เบียนเบียนตนและคนอื่น เพิ่มพูนคุณธรรมให้งอกงาม

ยิ่งถ้าเราเป็นคนทำงานเพื่อสังคม หรือประชาชนด้วยแล้ว ก็อยากให้งานนั้นเป็นการพัฒนาจิตวิญญาณของเราไปด้วย อย่าให้ยิ่งทำก็ยิ่งเพิ่มพูนอัตตาตัวตน ยึดมั่นถือมั่น หรือใช้มันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนด้วยความหลง ความทุกข์จะเกาะกุมหัวใจ และกัดกร่อนแรงบันดาลใจในการมีชีวิต จนอยากจะเป็นหุ่นยนต์ ทำๆ ไปแต่ไร้ความรู้สึก แล้วเราก็จะตอบตัวเองไม่ได้ว่า ทำไปเพื่ออะไร?

เคยถามตัวเองไหมว่า “ทำไปเพื่ออะไร” โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
เคยถามตัวเองไหมว่า “ทำไปเพื่ออะไร”
โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
ประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ

คนที่มีความสุขกับงานไม่ใช่แค่รู้ว่า ตนเองทำไปเพื่ออะไร
แต่รู้ด้วยว่า ตนเองกำลังทำอะไรอยู่
คอลัมน์ โชคดีที่มีพระ โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป
หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here