เขียนจดหมายถึงพระพุทธเจ้า ตอนที่ ๑๐ เรื่อง “งบก้อนแรกกับการบริหารค่ายแรก” โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

“ผมได้คุยกับอาจารย์พระครูสิริวิหารการ สมณศักดิ์ในขณะนั้นคือ พระครูศัพทสุนทร (สมจิตร จิตฺตธมฺโม) ท่านให้แจ้งพวกเราว่า สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร จะมีงบให้พวกเราทำค่าย ท่านสามารถดำเนินการได้เลย ส่วนจะไปจัดค่ายที่ไหนบ้าง ก็ให้พูดคุยหารือกันเอง ทางสำนักงานท่านให้อิสระพวกเราตัดสินใจได้เต็มที่

เป็นเสียงพูดทางโทรศัพท์ของ พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป รองประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ฝ่ายฝึกอบรม  ได้โทรมาแจ้งอาตมา ซึ่งในขณะนั้น ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายเลขานุการของกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม เพื่อจะได้ประสานงานนัดประชุมคณะพระวิทยากรในกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามให้ทราบแนวทางการทำงาน

ในเวลาต่อมาพระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโปได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม

          แรกที่ได้เข้ามาร่วมทำงานนั้น ภาพที่อาตมาเห็นรุ่นครูบาอาจารย์ตั้งแต่รุ่นบุกเบิก ขับเคลื่อนการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา “ต้องใช้ใจเป็นเดิมพันเพราะท่านทำงานด้วยใจ โดยไม่มีงบอุดหนุนจากหน่วยงานใดมาสนับสนุน ซึ่งต้องอาศัยการเก็บ รวบรวม ปัจจัย จากกิจนิมนต์บ้าง จากญาติโยมทำบุญถวายมาบ้าง เพื่อมาลงขันรวมกัน เป็นค่าใช้จ่ายในการทำค่ายอบรมธรรมะ เช่น ค่ารถเดินทาง ค่าอุปกรณ์ทำกิจกรรม ค่าน้ำเลี้ยงเด็กๆ ค่าภัตตาหารน้ำปานะคณะพระวิทยากร ค่าของขวัญเป็นรางวัลในการทำกิจกรรม เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้อาตมาเล่าไว้แล้วในตอนที่ผ่านมา เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพชัดขึ้นว่า พระหนุ่มเณรน้อยที่มุ่งมั่นทำงานเผยแผ่ต้องลำบากขนาดไหนกับการหาเงินมาทำค่ายธรรมะอบรมเยาวชน

เมื่ออาตมาวางสายโทรศัพท์จากพระอาจารย์มหาประสิทธิ์แล้ว จึงปิติใจและตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่า สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ วัดสระเกศ จะมีงบประมาณมาสนับสนุนการทำงานเผยแผ่ของกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม

 จากนี้พวกเราจะไม่ต้องลำบากเรื่องหางบมาทำงานค่ายอีกต่อไป

           ในขณะนั้น เป็นปี ๒๕๕๒ อาตมากำลังอยู่ในช่วงที่สนุกกับการทำงานค่าย  โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม เวลาเดินทางไปทำงานในต่างจังหวัด ก็ไปเป็นคณะ ครั้งละ ๑๐-๒๐ รูป ทำงานอยู่ร่วมกันอย่างพี่น้อง ร่วมทุกข์ ร่วมสุข มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม เมื่อทราบข่าวว่า จะมีงบอุดหนุนให้ทำงาน อาตมาก็ไม่รอช้า ค่ายอบรมเยาวชน ค่ายแรกที่มีงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จึงเกิดขึ้น

         เราตั้งชื่อค่ายนั้นว่า  “ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม”  จัด ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒ โดย อาตมาเป็นผู้รับผิดชอบและบริหารโครงการนี้ด้วยตัวเอง เพราะได้รับนโยบายมาจากผู้ใหญ่ในสำนักงานฯ ว่า ผู้ที่รับงบจะต้องเป็นผู้บริหารโครงการด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการฝึกพระให้รู้จักการเป็นผู้นำ

ค่าย “ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม” จัดขึ้น ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
ค่าย “ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม” จัดขึ้น ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

          ขอเล่าไว้เพื่อเป็นเกร็ดความรู้การทำงานของกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามอีกอย่างหนึ่ง

นอกจากที่อาตมาได้เล่าในตอนที่ผ่านมาแล้ว คือ ครูบาอาจารย์จะฝึกให้พระวิทยากรสามารถเป็นผู้นำที่บริหารคน บริหารงานไปในตัว กล่าวคือ ค่ายหรือโครงการไหนใครเป็นผู้รับผิดชอบ ก็จะเป็นผู้นำในการแบ่งงาน กระจายงาน ให้แต่ละรูปว่าต้องทำ หรือรับผิดชอบอะไร ในค่ายนั้นจะมีพระวิทยากรที่มีคุณวุฒิ ป.ธ.๙ หรือเป็น ดร. ก็ต้องเป็นผู้ตาม  พร้อมทั้งบริหารโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเอกสาร งบประมาณ ประสานงาน หรือดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการ

โดยเฉพาะในโครงการปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม ซึ่งเป็นโครงการแรกที่มีงบประมาณจากสำนักงารส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ มาสนับสนุน ครูบาอาจารย์ย้ำกับอาตมาว่าเราจะต้องใช้เงินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ให้เงินที่มีอยู่จำนวนอันน้อยนิดนี้ แต่ให้ได้งานและประโยชน์มากที่สุด

          สำหรับโครงการปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม ท่านอาจารย์พระครูสิริวิหารการ ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะพระวิทยากรด้วย ซึ่งในกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม คณะพระวิทยากรจะอบอุ่นใจ รู้สึกดี มีพลังใจในการทำงาน เมื่อมีท่านพระอาจารย์ไปด้วย

อาจารย์พระครูสิริวิหารการ ในค่าย “ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม” จัดขึ้น ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
อาจารย์พระครูสิริวิหารการ ในค่าย  “ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม”  จัดขึ้น ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

และในขณะนั้น ท่านเป็นประธานที่ปรึกษากลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ท่านทำหน้าที่ในการเชื่อมหรือเป็นผู้ประสานงานกับอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ หรือพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ซึ่งในขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่พระครูปลัดสุวัฒนธีรคุณ (เทอด ญาณวชิโร) “ท่านเป็นผู้ช่วยเลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ และเป็นผู้ขับเคลื่อนการทำงานของสำนักงานฯ ซึ่งท่านเป็นผู้ผลักดัน สนับสนุน เป็นผู้ใหญ่ที่คอยให้กำลังใจอยู่เบื้องหลังเสมือนเป็นร่มโพธิ์ใบใหญ่ เป็นร่มไทรใบหนา ของเหล่าพระวิทยากรให้ทำงานได้สำเร็จ”

          สำหรับท่านอาจารย์พระครูสิริวิหารการนั้น อาตมามั่นใจว่า นอกจากพระวิทยากรในกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามแล้ว ใครก็ตามที่ได้สัมผัสกับท่าน ไม่ว่าจะเป็นญาติโยม หรือพระวิทยากรต่างจังหวัดที่เป็นเครือข่ายของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ โดยเฉพาะเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนใต้ ที่พระอาจารย์ได้ลงไปปักหลักทำงานในพื้นที่เสี่ยงอยู่นานหลายปี หรือใครก็ตาม ถ้าได้มาทำงานร่วมกับท่าน อาตมาเชื่อว่า ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านคือพระผู้ใหญ่ที่ใจดี เมตตา และทุ่มเท เสียสละเพื่องานเผยแผ่พระศาสนาอย่างไม่มีเงื่อนไข” เหมือนดังที่พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป ได้เคยกล่าวถึงอาจารย์พระครูสิริวิหารการ อยู่เสมอว่า

           “เป็นพระเถระที่ ใจกว้าง เป็นนักฟังที่ดี   มีเมตตาสูง ใจกว้าง คือ แม้เป็นพระเถระ แต่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของพระผู้น้อย วางบทบาทเป็นผู้ตามได้ สนับสนุน ส่งเสริม ให้ทุกคนเติบโตตามเส้นทางที่เขาอยากจะเป็นหรืออยากจะทำ

           ท่านเป็นนักฟังชั้นเลิศ ทักษะสำคัญของการให้การปรึกษาได้ทุกเรื่องของท่านคือท่านฟัง ฟัง และฟังอย่างใส่ใจ ฟังได้ทุกเรื่อง แม้จะนานหรือเรื่องเล่าซ้ำไปมาท่านก็สามารถรับฟังเราได้ ฟังโดยไม่ตัดสินว่าเราผิด แม้ว่าเรากำลังสารภาพผิดอยู่ก็ตาม

มีเมตตาสูง ท่านช่วยเหลืออย่างไม่มีเงื่อนไข จริงใจ จริงจัง และทุ่มเทอย่างมากเพื่อช่วยเหลือ  เสียสละมาก และอดทนมากในการช่วยเหลือนั้น”

          อาตมาจะได้เล่าถึงช่วงที่ได้ร่วมทำงานกับอาจารย์พระครูสิริวิหารการ พร้อมทั้งยุคการทำงานของกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามที่ได้เข้ามาอยู่ภายใต้สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ เพื่อขับเคลื่อนงานเผยแผ่ของคณะสงฆ์ ในตอนต่อไป

เขียนจดหมายถึงพระพุทธเจ้า (ตอนที่ ๑๐) เรื่อง “งบก้อนแรกกับการบริหารค่ายแรก” โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here