ลมหายใจชายแดนใต้ : บนเส้นทางแห่งศรัทธา (ตอนที่ ๓)  ความตายใกล้นิดเดียว  เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
ลมหายใจชายแดนใต้ : บนเส้นทางแห่งศรัทธา (ตอนที่ ๓) ความตายใกล้นิดเดียว เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ลมหายใจชายแดนใต้ บนเส้นทางแห่งศรัทธา

(ตอนที่ ๓)

“ความตายใกล้นิดเดียว”

เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

พระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

จากคอลัมน์ “ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม” ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เป็น “จาริกบ้านจารึกธรรม” โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก เป็นธรรมทาน สู่ธรรมนิพนธ์เรื่อง “ลมหายใจชายแดนใต้ บนเส้นทางแห่งศรัทธา” จัดพิมพ์โดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

"ความตายใกล้นิดเดียว" เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท จากคอลัมน์ ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐
“ความตายใกล้นิดเดียว” เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท จากคอลัมน์ ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐

“ความตายใกล้นิดเดียว”

เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

            วันนี้ออกเดินทางจากอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล มุ่งหน้าสู่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส  อันเป็นเมืองหน้าด่านก่อนเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มเย็นในเวลากลางวัน แต่ถ้าสำหรับกลางคืนแล้วมันคือความมืดที่วังเวง

เราสัญจรในเส้นทางหลักรถวิ่งไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าขณะที่เราอยู่ที่จังหวัดปัตตานี บนถนนสายหลักมองออกไปสองข้างทางบางช่วงร้านน้ำชายังเปิดให้บริการอยู่ ผู้คนยังสัญจรไปมาทำให้เกิดความอุ่นใจในการเดินทางเสมือนหนึ่งว่ามีผู้ร่วมเดินทางด้วย รถวิ่งไปเรื่อยๆ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นชายวัยกลางคนสองคนกำลังตกปลาอยู่ริมสะพาน ยิ่งทำให้เกิดความอบอุ่นไม่ใช่น้อย แต่พอรถวิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความมืดสนิทของสองข้างทาง เส้นทางบางช่วงก็เปลี่ยวไม่ใช่น้อย

 รถของเราวิ่งอยู่กลางถนนควบเลนอยู่คันเดียว ผู้เขียนเกิดความรู้สึกบางอย่างท่ามกลางของความมืดประกอบกับในบางช่วงถนนมีความโค้งไปมา ถ้ามีรถวิ่งสวนทางมาอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ก็เลยถามนายหัว (คนขับรถ) ด้วยความสงสัยว่า ทำไมไม่วิ่งในเลนของตนเอง ?

นายหัวก็ตอบเป็นสำเนียงใต้ พลางหันมายิ้มให้บอกว่า หลวง (หมายถึงหลวงพี่) ถ้าเราวิ่งขอบๆ เผื่อไปเจอตรงที่เขาเจาะวางถังแก๊สไว้จะเกิดอะไรขึ้น

หลังจากนั้นสำเสียงของนายหัวก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้น เราควบเลนไปอย่างนี้แหละสบายใจดี

ผู้เขียนมีความรู้สึกเห็นด้วยกับคำตอบนี้ มองดูบ้านเรือนผู้คนที่อยู่สองข้างทางไฟฟ้าถูกปิดสนิททุกดวงราวกับว่า เป็นบ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ รถวิ่งเข้าอำเภอตากใบ มุ่งหน้าสู่อำเภอสุไหงโก-ลก ฝนเริ่มตกลงมาทำให้อากาศเย็นชุ่มฉ่ำ

รถวิ่งข้ามทางรถไฟผ่านหน้าสำนักงานด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก  วิ่งต่อไปได้สักพักมีรถเจ้าหน้าตำรวจจอดกั้นรถคันอื่นๆ ไว้ไม่ให้วิ่งผ่านเข้า-ออกเส้นทางนั้น รถของเราก็เลยวิ่งผ่านทางด้านหลังของรถทัวร์ซึ่งจอดอยู่ท้ายของรถตำรวจ ได้ยินเสียงนายหัว ถามผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”

เสียงใสๆ ตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะว่า มีระเบิด เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมจะกู้ระเบิดอยู่ค่ะ

เสียงของผู้หญิงคนนั้นตอบราวกับว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่ากลัวเกิดขึ้น พร้อมกับย้อนถามกลับมาว่า มาจากไหนกันคะ

นายหัวตอบกลับไปว่า “สตูล” เสียงทุกคนในรถที่เงียบมาตลอดทางพูดขึ้นพร้อมกัน “เขาต้อนรับเราแล้ว มาพร้อมๆ กับฝนเลย”

รถวิ่งเข้าไปถึงวัดสถานที่พักในราวๆ เวลา ๒๑.๐๐ น. พร้อมกับฝนตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับเล่าให้ฟังว่า “ระเบิดไปแล้ว ๒ ลูก มีข่าวลือว่าน่าจะมีประมาณ ๑๕ ลูก … เมืองโก-ลกเงียบเหงามานานไม่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้นานแล้ว ดีนะในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตราย” ผู้เขียนฟังแล้วก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ

  พอเข้าไปถึงตึกอาคารที่พัก เจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่งได้มาต้อนรับด้วยไมตรีจิต ให้นำสัมภาระเข้าเก็บที่พักเรียบร้อย พร้อมทั้งได้พาเดินสำรวจดูสถานที่จัดกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นคณะพระอาจารย์ก็เตรียมจะไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาส 

พระอาจารย์รูปหนึ่งอาสาเดินไปสอบถามพระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งกำลังทำความสะอาด กวาดศาลาโรงฉัน จัดที่ถอดรองเท้าให้เข้าที่ “หลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่ไหมครับ”     

พระอาจารย์ที่กำลังจัดที่วางรองเท้า ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวท่านเอง นึกถึงทีไรก็ไม่น่าพลาดเลย ฮ่าๆ

“การเดินทางทำให้ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย

เรื่องราวที่เล่าต่อไปนี้

เป็นเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับผู้ที่ใช้ชีวิต

อยู่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

บางครั้งก็เหมือนฟ้าลิขิต

บางครั้งก็เหมือนกรรมลิขิต

บางครั้งก็เหมือนตัวเราลิขิต”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

เช่นเดียวกับป้าแดง ป้าแดงเรียกได้ว่าเป็นคนในพื้นที่ เพราะเกิดในพื้นที่ป้าแดงเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้แม้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่การดำรงชีพของคนก็ปกติ ในตัวเมืองก็ยังมีการค้าขาย ร้านค้าต่างๆ ก็ยังมีปกติ ช่วงค่ำๆ ผู้คนก็ยังออกไปรับประทานอาหารตามร้านปกติ อาจจะมีบ้างในบางช่วงที่มีความเงียบเหงาเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักท่องเทียวถือว่าหายไปมาก

ป้าแดงเล่าถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตว่า ตนเองถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบโดยตรง ในขณะที่เดินจ่ายตลาดอยู่เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ป้าแดงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาข้างหนึ่ง แม้จะทำการผ่าตัดรักษา แต่ปัจจุบันก็ยังมีอาการเจ็บอยู่ เพราะกระดูกกล้ามเนื้อบางส่วนถูกทำลายด้วยสะเก็ดระเบิด

ป้าแดงเล่าว่า ยังจำเหตุการณ์นั้นได้ไม่เคยลืม ยังอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลา ภาพทุกอย่างยังติดตา เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ก็ยังดีที่มีชีวิตรอดมาได้ ทุกวันนี้เมื่อได้ยินข่าวเหตุระเบิดที่ไหนมันทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เคยประสบ ไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกที่ไหน ได้แต่ภาวนาอยากให้เหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบเร็วๆ

ในขณะที่ป้าจิตก็เช่นเดียวกัน ป้าจิตเล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นครูสอนหนังสือ บ้านเดิมอยู่ที่ภาคอีสาน แต่มาแต่งงานมีครอบครัว สามีเป็นคนที่นี่ ปกติก็จะขับรถมอเตอร์ไซค์ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนทุกวัน ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ ๕ กิโลเมตร วันนั้นก็เช่นเดียวกัน

พอโรงเรียนเลิกก็ขับรถเครื่องกลับตามปกติ ขับมาได้ประมาณครึ่งทางก็โดนชุ่มยิง เสียงของปืนและแรงของลูกระสุนที่มันเฉี่ยวตรงหน้าไปทำให้รถเครื่องล้มลง วินาทีนั้นคิดว่า ตัวเองจะต้องตายแล้ว ก็ได้แต่นึกภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ขณะที่ล้มลงทำให้หมวกกันน็อกหลุดออกจากศีรษะ ตอนนั้นพอมีสติ ก็ได้ยินเสียงของมือปืนทั้งสองคนคุยกัน คุยเป็นภาษายาวี

ซึ่งเราก็ฟังออกบอกว่า อย่ายิงครูกู อย่ายิงครูกู หนึ่งในสองนั้นเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง เมื่อเช้ายังแจกขนมลูกศิษย์คนนี้อยู่ ตอนนั้นจำเสียงได้เลย แล้วใบหน้าของเด็กคนนั้นก็มาอยู่ในใจของเรา

ตอนนั้นผู้เขียนไม่ได้ถามต่อถึงเรื่องของการดำเนินคดี ถามแต่ว่า โยมคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม ? โยมก็ตอบว่า ไม่คิดจะย้ายเพราะครอบครัวเราอยู่ที่นี่ ถามว่ากลัวไหม ก็กลัวนะ แต่คนเราถ้าไม่ถึงคราวตาย ก็คงไม่ตาย ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ประมาทนะ โยมคิดว่าถ้าถึงคราว อยู่ที่ไหนก็ตาย เราคงมีบุญแค่นั้น

แต่โยมก็เชื่อเรื่องของกรรมโชคชะตาวาสนาที่เราสร้างมาอยู่ ถึงแม้โยมจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์ แต่โยมก็นึกว่า เราทำกรรมอะไรถึงได้มาอยู่ในพื้นที่ๆ ไม่มีความสงบ อย่างเช่นจังหวัดอื่นๆ ก็มีมากมาย แต่โยมก็ไม่ได้ไปอยู่ ไม่ได้ไปมีครอบครัวที่นั่น กลับมาเจอคนที่เรารักอยู่ที่นี่ บางครั้งไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อเรื่องโชคชะตาอยู่เหมือนกัน

ผู้เขียนฟังแล้วก็ได้แต่ให้กำลังใจ ได้พูดถึงในทัศนะของพระพุทธศาสนาว่าไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่ความตั้งใจที่ตรงกัน

อย่างเช่นที่คุณโยมป้าจิตได้มีความรักได้แต่งงานกับสามี อาจจะเพราะบุพเพสันนิวาส หรือ การเกื้อกูลกันในปัจจุบันก็ได้ แต่เหตุปัจจัยทั้งหมดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เพราะคำว่า เราได้เลือกแล้ว จะสุขหรือทุกข์ เราเลือกแล้ว ก็ถือว่าเราต้องยอมรับด้วยความเข้าใจ แม้โลกภายนอกเราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราอยากให้เหตุการณ์สงบแต่เราก็ไม่สามารถจะทำได้ แต่เราก็ควรเรียนรู้ที่จะจัดการโลกภายใน คือใจของเราให้มีความเข้มแข็ง อยู่กับความจริงอย่างเข้าใจ

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ลมหายใจชายแดนใต้ : บนเส้นทางแห่งศรัทธา (ตอนที่ ๓) ความตายใกล้นิดเดียว เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท พระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐
หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here