![ลมหายใจชายแดนใต้ : บนเส้นทางแห่งศรัทธา (ตอนที่ ๓) ความตายใกล้นิดเดียว เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/S__78020682.jpg)
ลมหายใจชายแดนใต้ บนเส้นทางแห่งศรัทธา
(ตอนที่ ๓)
“ความตายใกล้นิดเดียว”
เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
พระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/09/29214411_427445141026346_7427775729430953984_n.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/19KLE6S1_30032017-1111.jpg)
จากคอลัมน์ “ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม” ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เป็น “จาริกบ้านจารึกธรรม” โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก เป็นธรรมทาน สู่ธรรมนิพนธ์เรื่อง “ลมหายใจชายแดนใต้ บนเส้นทางแห่งศรัทธา” จัดพิมพ์โดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
!["ความตายใกล้นิดเดียว" เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท จากคอลัมน์ ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/19KLE6S1_30032017-111-1024x542.jpg)
“ความตายใกล้นิดเดียว”
เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/IMG_9697333-1024x978.jpg)
วันนี้ออกเดินทางจากอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล มุ่งหน้าสู่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อันเป็นเมืองหน้าด่านก่อนเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มเย็นในเวลากลางวัน แต่ถ้าสำหรับกลางคืนแล้วมันคือความมืดที่วังเวง
เราสัญจรในเส้นทางหลักรถวิ่งไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าขณะที่เราอยู่ที่จังหวัดปัตตานี บนถนนสายหลักมองออกไปสองข้างทางบางช่วงร้านน้ำชายังเปิดให้บริการอยู่ ผู้คนยังสัญจรไปมาทำให้เกิดความอุ่นใจในการเดินทางเสมือนหนึ่งว่ามีผู้ร่วมเดินทางด้วย รถวิ่งไปเรื่อยๆ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นชายวัยกลางคนสองคนกำลังตกปลาอยู่ริมสะพาน ยิ่งทำให้เกิดความอบอุ่นไม่ใช่น้อย แต่พอรถวิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความมืดสนิทของสองข้างทาง เส้นทางบางช่วงก็เปลี่ยวไม่ใช่น้อย
รถของเราวิ่งอยู่กลางถนนควบเลนอยู่คันเดียว ผู้เขียนเกิดความรู้สึกบางอย่างท่ามกลางของความมืดประกอบกับในบางช่วงถนนมีความโค้งไปมา ถ้ามีรถวิ่งสวนทางมาอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ก็เลยถามนายหัว (คนขับรถ) ด้วยความสงสัยว่า ทำไมไม่วิ่งในเลนของตนเอง ?
นายหัวก็ตอบเป็นสำเนียงใต้ พลางหันมายิ้มให้บอกว่า หลวง (หมายถึงหลวงพี่) ถ้าเราวิ่งขอบๆ เผื่อไปเจอตรงที่เขาเจาะวางถังแก๊สไว้จะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นสำเสียงของนายหัวก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้น เราควบเลนไปอย่างนี้แหละสบายใจดี
ผู้เขียนมีความรู้สึกเห็นด้วยกับคำตอบนี้ มองดูบ้านเรือนผู้คนที่อยู่สองข้างทางไฟฟ้าถูกปิดสนิททุกดวงราวกับว่า เป็นบ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ รถวิ่งเข้าอำเภอตากใบ มุ่งหน้าสู่อำเภอสุไหงโก-ลก ฝนเริ่มตกลงมาทำให้อากาศเย็นชุ่มฉ่ำ
รถวิ่งข้ามทางรถไฟผ่านหน้าสำนักงานด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก วิ่งต่อไปได้สักพักมีรถเจ้าหน้าตำรวจจอดกั้นรถคันอื่นๆ ไว้ไม่ให้วิ่งผ่านเข้า-ออกเส้นทางนั้น รถของเราก็เลยวิ่งผ่านทางด้านหลังของรถทัวร์ซึ่งจอดอยู่ท้ายของรถตำรวจ ได้ยินเสียงนายหัว ถามผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
เสียงใสๆ ตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะว่า มีระเบิด เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมจะกู้ระเบิดอยู่ค่ะ
เสียงของผู้หญิงคนนั้นตอบราวกับว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่ากลัวเกิดขึ้น พร้อมกับย้อนถามกลับมาว่า มาจากไหนกันคะ
นายหัวตอบกลับไปว่า “สตูล” เสียงทุกคนในรถที่เงียบมาตลอดทางพูดขึ้นพร้อมกัน “เขาต้อนรับเราแล้ว มาพร้อมๆ กับฝนเลย”
รถวิ่งเข้าไปถึงวัดสถานที่พักในราวๆ เวลา ๒๑.๐๐ น. พร้อมกับฝนตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับเล่าให้ฟังว่า “ระเบิดไปแล้ว ๒ ลูก มีข่าวลือว่าน่าจะมีประมาณ ๑๕ ลูก … เมืองโก-ลกเงียบเหงามานานไม่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้นานแล้ว ดีนะในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตราย” ผู้เขียนฟังแล้วก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ
พอเข้าไปถึงตึกอาคารที่พัก เจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่งได้มาต้อนรับด้วยไมตรีจิต ให้นำสัมภาระเข้าเก็บที่พักเรียบร้อย พร้อมทั้งได้พาเดินสำรวจดูสถานที่จัดกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นคณะพระอาจารย์ก็เตรียมจะไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาส
พระอาจารย์รูปหนึ่งอาสาเดินไปสอบถามพระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งกำลังทำความสะอาด กวาดศาลาโรงฉัน จัดที่ถอดรองเท้าให้เข้าที่ “หลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่ไหมครับ”
พระอาจารย์ที่กำลังจัดที่วางรองเท้า ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวท่านเอง นึกถึงทีไรก็ไม่น่าพลาดเลย ฮ่าๆ
“การเดินทางทำให้ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย
เรื่องราวที่เล่าต่อไปนี้
เป็นเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับผู้ที่ใช้ชีวิต
อยู่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
บางครั้งก็เหมือนฟ้าลิขิต
บางครั้งก็เหมือนกรรมลิขิต
บางครั้งก็เหมือนตัวเราลิขิต”
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
เช่นเดียวกับป้าแดง ป้าแดงเรียกได้ว่าเป็นคนในพื้นที่ เพราะเกิดในพื้นที่ป้าแดงเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้แม้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่การดำรงชีพของคนก็ปกติ ในตัวเมืองก็ยังมีการค้าขาย ร้านค้าต่างๆ ก็ยังมีปกติ ช่วงค่ำๆ ผู้คนก็ยังออกไปรับประทานอาหารตามร้านปกติ อาจจะมีบ้างในบางช่วงที่มีความเงียบเหงาเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักท่องเทียวถือว่าหายไปมาก
ป้าแดงเล่าถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตว่า ตนเองถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบโดยตรง ในขณะที่เดินจ่ายตลาดอยู่เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ป้าแดงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาข้างหนึ่ง แม้จะทำการผ่าตัดรักษา แต่ปัจจุบันก็ยังมีอาการเจ็บอยู่ เพราะกระดูกกล้ามเนื้อบางส่วนถูกทำลายด้วยสะเก็ดระเบิด
ป้าแดงเล่าว่า ยังจำเหตุการณ์นั้นได้ไม่เคยลืม ยังอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลา ภาพทุกอย่างยังติดตา เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ก็ยังดีที่มีชีวิตรอดมาได้ ทุกวันนี้เมื่อได้ยินข่าวเหตุระเบิดที่ไหนมันทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เคยประสบ ไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกที่ไหน ได้แต่ภาวนาอยากให้เหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบเร็วๆ
ในขณะที่ป้าจิตก็เช่นเดียวกัน ป้าจิตเล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นครูสอนหนังสือ บ้านเดิมอยู่ที่ภาคอีสาน แต่มาแต่งงานมีครอบครัว สามีเป็นคนที่นี่ ปกติก็จะขับรถมอเตอร์ไซค์ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนทุกวัน ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ ๕ กิโลเมตร วันนั้นก็เช่นเดียวกัน
“พอโรงเรียนเลิกก็ขับรถเครื่องกลับตามปกติ ขับมาได้ประมาณครึ่งทางก็โดนชุ่มยิง เสียงของปืนและแรงของลูกระสุนที่มันเฉี่ยวตรงหน้าไปทำให้รถเครื่องล้มลง วินาทีนั้นคิดว่า ตัวเองจะต้องตายแล้ว ก็ได้แต่นึกภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ขณะที่ล้มลงทำให้หมวกกันน็อกหลุดออกจากศีรษะ ตอนนั้นพอมีสติ ก็ได้ยินเสียงของมือปืนทั้งสองคนคุยกัน คุยเป็นภาษายาวี
“ซึ่งเราก็ฟังออกบอกว่า อย่ายิงครูกู อย่ายิงครูกู หนึ่งในสองนั้นเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง เมื่อเช้ายังแจกขนมลูกศิษย์คนนี้อยู่ ตอนนั้นจำเสียงได้เลย แล้วใบหน้าของเด็กคนนั้นก็มาอยู่ในใจของเรา“
ตอนนั้นผู้เขียนไม่ได้ถามต่อถึงเรื่องของการดำเนินคดี ถามแต่ว่า โยมคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม ? โยมก็ตอบว่า ไม่คิดจะย้ายเพราะครอบครัวเราอยู่ที่นี่ ถามว่ากลัวไหม ก็กลัวนะ แต่คนเราถ้าไม่ถึงคราวตาย ก็คงไม่ตาย ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ประมาทนะ โยมคิดว่าถ้าถึงคราว อยู่ที่ไหนก็ตาย เราคงมีบุญแค่นั้น
แต่โยมก็เชื่อเรื่องของกรรมโชคชะตาวาสนาที่เราสร้างมาอยู่ ถึงแม้โยมจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์ แต่โยมก็นึกว่า เราทำกรรมอะไรถึงได้มาอยู่ในพื้นที่ๆ ไม่มีความสงบ อย่างเช่นจังหวัดอื่นๆ ก็มีมากมาย แต่โยมก็ไม่ได้ไปอยู่ ไม่ได้ไปมีครอบครัวที่นั่น กลับมาเจอคนที่เรารักอยู่ที่นี่ บางครั้งไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อเรื่องโชคชะตาอยู่เหมือนกัน
ผู้เขียนฟังแล้วก็ได้แต่ให้กำลังใจ ได้พูดถึงในทัศนะของพระพุทธศาสนาว่าไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่ความตั้งใจที่ตรงกัน
อย่างเช่นที่คุณโยมป้าจิตได้มีความรักได้แต่งงานกับสามี อาจจะเพราะบุพเพสันนิวาส หรือ การเกื้อกูลกันในปัจจุบันก็ได้ แต่เหตุปัจจัยทั้งหมดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เพราะคำว่า เราได้เลือกแล้ว จะสุขหรือทุกข์ เราเลือกแล้ว ก็ถือว่าเราต้องยอมรับด้วยความเข้าใจ แม้โลกภายนอกเราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราอยากให้เหตุการณ์สงบแต่เราก็ไม่สามารถจะทำได้ แต่เราก็ควรเรียนรู้ที่จะจัดการโลกภายใน คือใจของเราให้มีความเข้มแข็ง อยู่กับความจริงอย่างเข้าใจ
![พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/พระมหาอภิชาติ-ธมฺมาภินนฺโท.jpg)
ลมหายใจชายแดนใต้ : บนเส้นทางแห่งศรัทธา (ตอนที่ ๓) ความตายใกล้นิดเดียว เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท พระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
![หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/10/19KLE6S1_30032017-1-671x1024.jpg)