“ฝึกใจให้คลายเครียด”

สำเร็จก็ไม่หลง ล้มเหลวก็ปลงได้ 

เขียนโดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

ประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงศ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ความเครียด (stress) เป็นภาวะอาการกดดันทางจิตใจ  ที่ส่งให้เกิดโรคภัยหลายชนิด เช่น  ความดันโลหิต  โรคหัวใจ และภูมิคุ้มกันลดลง  หรือแม้แต่มะเร็งก็มีส่วนหนึ่งมาจากความเครียดก็อาจเป็นไปได้

และถ้าเครียดมากๆ จากแค่เครียดธรรมดาอาจจะกลายเป็นโรคเครียด (Psychosomatic Disorders)  แม้จะมียากินแต่ก็ใช่ว่าจะหายจากโรคนี้ได้ เพราะยา  ถึงทางการแพทย์จะบอกว่าความเครียดเป็นอาการทางสมองที่หลั่งฮอร์โมนผิดปกติ  การกินยาก็ช่วยได้แค่ชะลอการทำงานของสมองเท่านั้น  หากแต่ยังมีสิ่งที่ยานั้นช่วยไม่ได้  นั่นก็คือ  การจัดการความคิดและความรู้สึกของตนเอง

บางคนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก หรือสถานการณ์ที่ผ่านมาของชีวิตมีแต่กดดัน  อะไรก็จะต้องชนะ  ต้องทำให้ได้ อย่ายอมแพ้  อดทนอดกลั้น  สภาพจิตบางคนเกิดการเก็บกดอารมณ์อยู่ภายใน  แม้บางครั้งจะทำเป็นหัวเราะร่าแต่น้ำตาตกอยู่ข้างใน  ถึงจะสังสรรค์กับเพื่อนๆ บางครั้งกำลังเศร้าและรู้สึกเหงาอยู่คนเดียว  

สิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความเครียด 

ก็คือ  ดูแลจิตใจเราเองนี่แหละ

  ไม่ให้มันสะสมความเครียดไว้มากเกินไป

ซึ่งจะต้องให้มันระบายออกมาบ้าง (reaction)”

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

โกรธ  เสียใจ  เหนื่อย  เศร้า เราสามารถแสดงออกได้  และค่อยๆ ฝึกที่จะตอบสนอง (respond) ต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างเหมาะสม  เป็นความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราตอบสนอง(responsibility)  เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ วิวาท  หรือกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ 

อันที่จริงถ้าพูดภาษาพระก็คือ

ให้มี (สติ)  นั่นเอง”

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

บางทีรีบกลับต้องรอ  บางทีจะขอกลับต้องให้  อยากจะไปกลับต้องมา  กะว่าจะลากลับต้องรั้ง บ่อยครั้งที่อะไรๆ ไม่ได้ดั่งใจคาด  เราจึงต้องฉลาดทำใจ  เพราะอะไรๆ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย  ทำใจคลายก็สบายใจ ที่มันเครียด ก็เพราะผ่อนไม่คลาย ปล่อยแต่ไม่วาง 

ถ้าสภาพจิตถูกความคิดคั่งคับค้างคาด้วยปัญหามากมาย (mind  full)  เรื่องอะไรต่อมิอะไรไหลวนหาหนทางไม่ออก นำไปสู่การตัดสินใจอย่างวู่วาม   และส่วนใหญ่ก็เป็นการสร้างและปรุงแต่งจากจิตเราเองทั้งนั้น 

การฝึกให้จิตคิดอยู่กับปัจจุบัน

จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยคลายเครียดให้จิตได้

หรือที่เรียกว่า เจริญสติ (mindful)”  

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

เพราะสถานการณ์ภายนอกเรากำหนดไม่ได้  แต่เราสามารถกำหนดรู้ดูใจตนเองได้  ถึงเราจะแก้ไขปัญหายังไม่ได้  แต่เราจะทุกข์กับปัญหานั้นน้อยลง เมื่อจิตสงบบางทีเราอาจจะพบทางออกที่ซ้อนอยู่หลังม่านหม่นของใจเราเองก็เป็นได้ 

“ฝึกใจให้คลายเครียด : สำเร็จก็ไม่หลง ล้มเหลวก็ปลงได้" เขียนโดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป จากคอลัมน์ โชคดีที่มีพระ (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐)
“ฝึกใจให้คลายเครียด : สำเร็จก็ไม่หลง ล้มเหลวก็ปลงได้” เขียนโดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป จากคอลัมน์ โชคดีที่มีพระ (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐)

ฝึกจิตอย่างไรไม่ให้เครียด?

เบื้องต้นเลยอย่ามีอคติแม้กับความเครียด  

เพราะความเครียดก็มีประโยชน์ในการที่จะเตือนเราให้รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับสภาวะทางจิตใจที่ไม่ดีจนเกินจะรับไหวแล้ว  เมื่อรู้สึกเครียดคนเราจึงพยายามที่จะหาทางผ่อนคลายความเครียดนั่นเอง  ผู้เขียนก็เคยเครียดมาก หาทางออกด้วยการอ่านหนังสือ ทั้งนิยาย และหนังสือธรรมะ อ่านมากๆ เหมือนมีเพื่อนดีคอยชี้ทาง  ทำให้ได้แนวทางในการฝึกตนไม่ให้เป็นคนเครียด 

จึงมีแนวทางเล็กๆ แบ่งปันผู้อ่าน  คือ  ๕ วิธีคลายเครียดให้ได้ผลดี

๑.ดื่มน้ำ

ค่อยดื่มทีละนิด

ร่างกายได้น้ำจะช่วยให้สมอง

เกิดความผ่อนคลาย

  และการพักดื่มน้ำทีละนิด

เป็นการละความคิด

ออกจากเรื่องที่กำลังกังวลอยู่

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

เพราะอย่างไรก็ตาม เราก็ต้องทำงานให้เสร็จภายในเวลา จะลุกออกจากที่ไปนายก็จะว่าอู้  หลายสำนักงานจึงมีมุมกาแฟ  เพื่อบางทีคนเราอาจจะต้องแตะเบรก  คลายคันเร่งกันบ้างขณะที่เข้าโค้ง  แม้ในขณะทำงาน

๒.ฟังเพลง

“อย่าเปิดเสียงดัง 

และให้เป็นเพลงที่มีแต่ดนตรีบรรเลง

หรือเป็นภาษาต่างประเทศ

ที่เราไม่เข้าใจความหมาย  

เพราะเราต้องการทำนอง

และจังหวะของเพลงเท่านั้น 

ถ้ามีเนื้อร้องจิตจะไขว้เขวไปอีก 

ดนตรีช่วยบรรเทาความเครียด

(music therapy)”

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงคลาสสิคอะไรหรอก แค่เป็นเพลงที่เราชอบก็พอแล้ว  แต่บางคนก็ชอบเสียงสวดมนต์ประกอบดนตรี  มีให้เลือกฟังหลากหลายลองดูได้  ร้องเพลง ฮัมเพลง  ขณะทำงานช่วยใจเบิกบาน  เครียดก็ร้องเพลงได้  แต่ต้องดูสถานที่ด้วยนะ ในที่ทำงานก็อาจจะแค่เบาๆ แล้วอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยก็

อย่าลืม…ยิ้มพยักหน้าให้เพื่อนข้างๆ  บ้าง

“มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้เขียนเครียดมาก

เพราะต้องเดินทางไปบนถนนที่อันตราย 

ก็ใช้วิธีสวดมนต์ 

ประมาณว่าสวดให้ใจรู้สึกดี

ถ้าเป็นอะไรไปใจดีจะมีสุคติเป็นที่หวัง 

ก็ได้ผลดีจากที่เครียดเพราะกลัวก็คลายหายไป”

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

๓.ฝึกหายใจให้หายเครียด

เบื้องต้นนั่งในท่าหลังตรงแต่ผ่อนคลาย หายใจเข้าลึกๆ แล้วกักไว้สักครู่แล้วผ่อนออกยาวๆ ฝึกทำบ่อยๆ จนชิน จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองได้ดี ช่วยให้เกิดความรู้สึกแจ่มใส ตื่นตัวไม่ง่วงซึม และช่วยระงับอารมณ์ได้ไว ขณะที่เผชิญเหตุการณ์เช่น กำลังเครียดกับงาน รีบแต่รถติด  มอเตอร์ไซค์ยังเฉี่ยวกระจกข้างหัก เก๋งข้างหลังยังบีบแตรไล่อีก 

การหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ช่วยชะลออารมณ์ของเราไม่ให้วู่วามได้ 

๔.กายเคลื่อนไหวใจรู้สึก

การฝึกผ่อนคลายความเครียดอีกวิธีหนึ่งก็คือ การฝึกใจให้รู้ตัว ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่  แล้วก็เบิกบานกับงานที่ทำ  ในขณะปัจจุบัน

เพราะความเครียดมักจะเข้ามา

ตอนที่ความต้องการของเรา

ไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

  สิ่งที่หวังไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ  ความกังวลในสิ่งที่ผิดพลาด และวิตกกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงจึงตามมา  เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะอยู่เหนือความควบคุม  หลายคนจึงร้อนรนและรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า  ทำอะไรไม่ได้ดั่งที่ตั้งใจ 

การฝึกมีสติกับการเคลื่อนไหว  จึงเป็นการฝึกให้ใจเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่หวั่นไหวไปกับอนาคตหรือหมดหวังไปกับอดีต  แต่เราจะทำขณะปัจจุบันให้ดีที่สุด  สำเร็จก็จะไม่หลง ล้มเหลวก็จะปลงได้ 

เราทำได้ไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง  นอน กิน ดื่ม หรือทำอะไรก็แล้วแต่  แค่รู้สึกตัวขณะที่ทำ  และรู้สึกดีที่ยังมีโอกาสได้ทำ

บางคนบอกว่าฟังดูง่ายแต่เวลาทำนั้นยาก  ไปดื่มกินเที่ยวยังสนุกกว่าอีก  ซึ่งมันก็จริงนะ  แต่ถ้าหวังผลระยะยาว  แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน  คงต้องพิจารณาเอาเองแล้วละว่า ถ้าเล็บขบจะตัดดัดออกหรือจะกินแค่ยาแก้ปวด  ผู้เขียนก็ทำได้แค่เสนอแนะบางอย่างที่เคยทำมาแล้วก็ได้ผลดี  ส่วนจะนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับตนเองก็สุดแท้แต่ละคนจะบริหารจัดการชีวิตตนเองอย่างไร  เพราะความเครียด  นั้นเราเป็นแทนกันไม่ได้ และรักษาแทนกันไม่ได้ 

๕.หมั่นมองโลกในแง่ดี

  มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังบ้าง  สร้างบรรยากาศที่ดีในครอบครัวและที่ทำงาน  พักผ่อนบ้างอย่างมัวทำแต่งานจนลืมดูแลตัวเอง  เป้าหมายมีไว้พุ่งชนก็จริงแต่ถ้าร่างกายจิตใจไม่เข้มแข็งชนอะไรก็มีแต่ตนเองจะพัง  เติมพลังให้จิตใจบ้าง สร้างภูมิคุ้มใจให้ความคิด  อย่าติดในโลกธรรม อะไรที่เป็นธรรมดาก็ปล่อยๆ มันไปบ้าง 

         “จิตของคนไม่เครียด 

คือ จิตของคนที่มีสติ (mindfulness)

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

จิตที่มันเครียดก็ใช้จิตนี่แหละคลายเครียด เหมือนโคลนที่เกิดจากน้ำ เราก็ใช้น้ำนั่นแหละล้างโคลน  ฝึกจิตดีแล้วก็จะหายเครียดบรรเทาทุกข์  มีความสุขดั่งในพุทธพจน์ที่ว่า  “จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้” 

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป ผู้เขียน ในช่วงไปช่วยชาวบ้านน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป ผู้เขียน ในช่วงไปช่วยชาวบ้านน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“ฝึกใจให้คลายเครียด : สำเร็จก็ไม่หลง ล้มเหลวก็ปลงได้” เขียนโดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป จากคอลัมน์ โชคดีที่มีพระ (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๐)

หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๐
หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๐

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here