โดยปกติทั่วไป ชาวพุทธก็จะเข้าวัดฟังธรรม แต่ด้วยสถานการณ์ที่เรียกว่า “ทุพภิกขภัย” ที่ทำให้เป็นทุกข์ ก่อความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นวิถีชีวิตต้องปรับและเปลี่ยน
สำหรับชาวพุทธ การเข้าวัดทำบุญก็มีการปรับเช่นกัน จากเมื่อก่อนนี้ เวลามีข่าวตามหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ ซึ่งบรรดาพวกแก่วัดแก่วาก็จะก่นด่าพระหนุ่มเณรน้อยว่า “เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ ไม่ดี ไม่ใช่กิจของพระเณร หน้าที่คือท่องพระไตรปิฎก” ประเภทอย่างนี้ โบราณท่านว่า “พวกหัวเขียง” คือมองด้านเดียว…
ขอมาเข้าเรื่องดีกว่า
“ทำบุญวิถีใหม่” เขียนโดย พระมหาปรีชา สาเส็ง
การทำบุญที่เปลี่ยนไปในที่นี้ คือปรับ “วิธีการทำบุญ”
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนอยากจะมาทำบุญอุทิศให้สุนัขที่บ้านที่ตายไปครบ ๗ วัน ก็อยากจะทำบุญอุทิศให้ทั้ง ๗ วัน จึงปรึกษากับพระว่า อยากทำบุญอุทิศ คือบังสุกุลให้สุนัขที่จากไป แล้วก็เลี้ยงเพลพระ จะดีไหม จะถูกต้องไหม จะบาปไหม ?
สารพัดคำถามมาเป็นชุดๆ และด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด -๑๙ อย่างนี้ โยมก็กลัวติดจากพระ พระก็กลัวติดจากโยม ระแวงกันไปหมด
การทำบุญออนไลน์ โดยการไลฟ์สด จึงเกิดขึ้น
ส่วนของที่จะทำบุญอุทิศ และเลี้ยงเพลพระ โยมให้คนขับรถมาส่งแต่เช้ามืด ส่วนพิธีนั้นปรึกษากันแล้วว่าให้เป็นช่วงก่อนพระฉันเพลโดยเริ่ม ๑๐.๐๐ น.
เมื่อถึงเวลาพระอาจารย์ท่านให้ลูกศิษย์เป็นตัวแทนเจ้าภาพจุดธูป เทียน บูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำอาราธนาศีล โดยเจ้าภาพตัวจริงอยู่ที่บ้าน รับศีลจากพระไปทีละข้อๆ ตามลำดับจนจบ
ส่วนเจ้าของสุนัขก็ร้องห่มร้องให้ด้วยความรักที่มีต่อสุนัขที่จากไป ระคนความดีใจที่ได้ทำบุญอุทิศให้สุนัขที่ตนรัก
วันที่ ๗ ของการทำบุญ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระก็นึกว่าจะเสร็จพิธีแล้ว แต่โยมขอให้พระเทศอีก ๑ กัณฑ์ พระอาจารย์กับลูกศิษย์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในใจว่าจะเทศน์เรื่องอะไรดี? เพื่อให้โยมเขาเจริญศรัทธา แต่ด้วยความเป็นพระมหาเรียนธรรมบท (ตำราเรียนบาลี) มาเยอะจึงเทศน์เรื่อง “กุมภโฆสก” ให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องของอดีตชาติของมหาเศรษฐีท่านหนึ่งนามว่า “โฆสก”
ก่อนสมัยพุทธกาล โฆสกเศรษฐีเคยเกิดเป็นสุนัขอยู่ชาติหนึ่ง และในชาติที่เกิดเป็นสุนัขนั้น ได้รับก้อนข้าวจากพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นประจำ จึงมีความเคารพรักในพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นอย่างสูง ในชาตินั้น เกิดเป็นสุนัขของนายโคบาลซึ่งชอบทำบุญ และไปสำนักพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นประจำ โดยมีสุนัขตัวนี้ก็ตามไปด้วย ระหว่างทาง สุนัขเห็นนายโคบาลเอาไม้ตีพุ่มไม้ข้างทางเพื่อขับไล่สัตว์ร้ายให้หนีไป สุนัขก็จดจำไว้
วันหนึ่ง นายโคบาลทูลพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า หากวันใดไม่สามารถมานิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ด้วยตนเองก็จะส่งสุนัขตัวนี้มาพาพระปัจเจกพุทธเจ้าไปรับภัตตาหารที่เรือน สุนัขนั้นก็จะไปที่กุฏิของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วเห่า ๓ ครั้งให้รู้ จากนั้นก็นอนหมอบรออยู่ เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าออกมาสุนัขก็จะเดินนำไปข้างหน้า ระหว่างทางสุนัขก็จะเที่ยวเห่าใส่พุ่มไม้ และที่รกชัฏเพื่อขับไล่สัตว์ร้าย ตามแบบที่จำมาจากนายโคบาล บางครั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าแกล้งเดินผิดทาง สุนัขก็จะไปยืนขวางไว้ บางครั้งก็คาบชายผ้าดึงกลับมาให้ถูกทาง
กาลเวลาผ่านไป วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกนายโคบาลว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น สุนัขนั้นอาลัยรักพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก ยืนเห่าส่งพระปัจเจกพุทธเจ้าที่เหาะไป พอพระปัจเจกพุทธเจ้าลับไปจากสายตา สุนัขนั้นก็ดวงใจแตกสลาย ไปเกิดเป็นเทพบุตรในเทวโลก เป็นเทพบุตรผู้มีเสียงดังมาก เพราะอานิสงส์การเห่าไล่สัตว์ร้ายให้พระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่า “โฆสกเทพบุตร” ก่อนที่จะมาเกิดเป็นโฆสกเศรษฐีในชาติต่อไป
หลังจากพระเล่าจบ น้ำตาเจ้าภาพก็นองหน้า ด้วยคิดว่าทำบุญอุทิศครั้งนี้ กุศลจะต้องถึงสุนัขอันเป็นที่รักแน่นอน ยิ่งได้ฟังธรรมเทศนาที่หลวงพี่เทศน์ ยิ่งเพิ่มความเชื่อ ความศรัทธา ในสิ่งที่ตัวเองทำว่าถูกต้อง
ทำบุญวิถีใหม่ ภาพประกอบโดย มนสิกุล
พิธีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้สุนัขอันเป็นที่รักของเจ้าของในวันนั้นก็จบด้วยดี
โยมก็มีความสุขใจในการทำบุญ
ส่วนพระก็ได้รับอานิสงส์ตลอด ๗ วัน
จบ
ภาพวาดสีชอล์ก พระมหาปรีชา สาเส็ง
วาดโดย มนสิกุล