ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) /ที่ปรึกษา : พระพรหมสุธี ,พระธรรมสิทธินายก, พระราชปัญญาโสภณ, พระสิทธิธรรมธาดา , พระครูอรรถเมธี, พระครูปลัดสัมพิพัฒนธุตาจารย์ / ภาพประกอบ-แบบก : ทวิช สังข์อยู่ /จิตกรรมฝาผนัง : พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ /จัดพิมพ์โดย กองทุนพุทธานุภาพ วัดสระเกศ คณะ ๗ /ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ฉบับธรรมทาน
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) /ที่ปรึกษา : พระพรหมสุธี ,พระธรรมสิทธินายก, พระราชปัญญาโสภณ, พระสิทธิธรรมธาดา , พระครูอรรถเมธี, พระครูปลัดสัมพิพัฒนธุตาจารย์ / ภาพประกอบ-แบบก : ทวิช สังข์อยู่ /จิตกรรมฝาผนัง : พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ /จัดพิมพ์โดย กองทุนพุทธานุภาพ วัดสระเกศ คณะ ๗ /ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ฉบับธรรมทาน

ขอน้อมถวาย

ผลงานนี้ไว้ในพระพุทธศาสนา

เพื่อเป็นพุทธบูชา

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง

พุทโธ ปะกิคัณหาตุ อัจจะยันตัง

กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ ฯ

หากจะมีกรรมอันน่าติเตียนใด

ที่ข้าพเจ้าได้ทำผิดพลาดไว้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ

ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงยกโทษล่วงเกินนั้น

เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีความสำรวมระวัง

ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกาลต่อไปฯ

ญาณวชิระ

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง

การบำเพ็ญบารมีสิบชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

“ขุนเขาย่อมมีวันทลาย สายน้ำย่อมมีวันเปลี่ยนทาง

แต่ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง”

เขียนโดย ญาณวชิระ

: พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

คำนำผู้เขียน

ทศชาติ เป็นเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ขณะที่พระองค์กำลังบำเพ็ญบารมี เพื่อบรรลุพระโพธิญาณ และเป็นเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาที่ชาวโลก ไม่เฉพาะแต่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง บรรพบุรุษไทยในอดีต ได้นำทศชาติมาเขียนเป็นจิตกรรมฝาผนังพระอุโบสถตามวัดต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวให้ลูกหลานได้ศึกษาเส้นทางชีวิตมหาบุรุษ ผู้ที่จะเกิดมาเป็นพระศาสดาเอกของโลก

หลายปีมาแล้ว ผู้เขียนชอบเข้าไปนั่งในพระอุโบสถ ดูภาพจิตกรรมฝาผนัง วันแล้ววันเล่าไม่รู้จักอิ่ม ความงดงามของภาพจิตรกรรม ดึงผู้เขียนให้จมลึกลงไปสู่เหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตตามภาพจิตรกรรม ทั้งงดงามและอิ่มเอิบ

ค่ำคืนวันหนึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ได้ปรารภถึงเรื่องอยากให้มีหนังสือทศชาติที่อ่านง่าย และเหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน พร้อมกับส่งหนังสือให้เล่มหนึ่ง วันเวลาล่วงเลยมาจนถึงจนถึงต้นปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ ผู้เขียนเริ่มเปิดพระไตรปิฎกและอรรถกถาออกอ่าน แล้วผู้เขียนก็จมหายไปกับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า

บางเรื่องราวดูเจ็บปวดหนักหน่วงในชีวิตมนุษย์ จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีชีวิตเช่นนี้อยู่จริงบนโลก

บางเรื่องราวดูงดงาม บางเรื่องราวดูเหงาเศร้า แต่ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยพลังแห่งความเพียรพยายามของมหาบุรุษเอกของโลก พระพุทธเจ้าทรงเป็นมนุษย์โดยเลือดเนื้อและชีวิตอย่างมนุษย์ทั่วไป แต่ทรงสูงส่งยิ่งด้วยพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาธิคุณ เหนือมนุษย์และเทวดาทุกผู้ทุกนาม ผู้เขียนพยายามเก็บความจากพระไตรปิฎก และอรรถกถาให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้วนำมาจัดเรียงหัวข้อใหม่ เพื่อให้น่าสนใจและชวนติดตามมากขึ้น โดยได้เชื่อมโยมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลไว้ด้วย

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

นอกจากนั้น ยังได้นำแผนที่แสดงที่ตั้งเมืองต่างๆ ในชมพูทวีปและสุวรรณภูมิสมัยโบราณมาประกอบไว้ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น บางเมืองในชาดกยังมีชื่อปรากฏอยู่ในสมัยพุทธกาล บางเมืองได้เปลี่ยนชื่อไปหลายชื่อ แต่บางเมืองก็ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา บางเรื่องบางเหตุการณ์ในทศชาติ อาจดูเป็นเรื่องเกินจริงสำหรับชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง แต่หากพิจารณาให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของบุคคลผู้เป็นมหาบุรุษแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าว มีโอกาสเกิดขึ้นกับชีวิตมนุษย์ได้เสมอ.

ญาณวชิระ

: พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

ธันวาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

ชาติที่ ๑. พระเตมีย์

เนกขัมบารมี

ถึงร้อยภพร้อยชาติก็ปรารถนาพระโพธิญาณ

“แม้เลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป แม้ร่างกายจะแตกดับ เราจะไม่ทำลายปณิธาน”

เตมีย์ เป็นชาดกที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าถึงเรื่องราวในอดีตชาติของพระองค์ เมื่อครั้งเกิดเป็นพระเตมีย์กุมาร ทรงมีปณิธานที่จะบำเพ็ญ “เนกขัมมบารมี” ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะสละราชบัลลังก์ออกบวช แม้จะได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและการบีบคั้นทางด้านจิตใจอย่างไร ก็ไม่ทำให้ปณิธานของพระองค์แปรเปลี่ยนไป

เตมีย์ชาดก ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ขุททกนิกายชาดก มหานิบาต และอรรถกถา มหานิบาต

ขณะตรัสเล่าเรื่องเตมีย์ พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแล้ว อาทิตย์ย้ายดวงคล้อยต่ำลง หมู่ภิกษุต่างออกจากสถานที่สำหรับทำสมาธิ มานั่งประชุมกันในอาคารสำหรับแสดงธรรม ได้สนทนาถึงการออกบวชของพระพุทธองค์ว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ เนื่องจากพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติแห่งความเป็นพระราชา แต่พระองค์กลับเลือกที่จะออกบวช จึงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์

ขณะนั้น พระพุทธองค์เสด็จออกพระคันธกุฎีมายังอาคารสำหรับแสดงธรรม ตรัสถามภิกษุถึงเรื่องราวที่กำลังสนทนากัน เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ จึงตรัสว่า พระองค์บำเพ็ญบารมีมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว จึงสละราชสมบัติออกบวชเพื่อตรัสรู้ในชาตินี้ การสละราชบัลลังก์ออกบวชของผู้ที่บารมีเต็มเปี่ยมแล้วเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์ แต่การออกบวชของพระองค์ในอดีตชาติขณะญาณยังไม่แก่กล้า กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ได้สละราชสมบัติออกบวชนั่นต่างหากเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์

พระพุทธองค์จึงตรัสเล่าเรื่องพระเตมีย์กุมาร ผู้ตั้งปณิธานที่จะออกบวชอย่างแน่วแน่

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

กำเนิดพระเตมีย์

พระกุมารผู้ทำให้โลกเกิดความชุ่มเย็นใจ”

ในอดีตชาติได้มีพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่ากาสิกราช ครองราชสมบัติในแคว้นกาสี กรุงพาราณสี ด้วยทศพิธราชธรรมเสมอมา พระองค์มีพระสนมถึง ๑๖,๐๐๐ คน แม้เช่นนั้นก็หาได้มีพระโอรสหรือพระธิดากับพระสนมเหล่านั้นไม่ ชาวพระนครเดือดร้อนใจด้วยเกรงว่าหากพระราชาไม่มีพระโอรสหรือพระธิดาแล้วจะไม่มีผู้สืบสันตติวงศ์ จึงรวมตัวกันชุมนุมที่ท้องสนามหลวง กราบทูลให้พระราชาปรารถนาพระโอรส พระราชาจึงรับสั่งกับพระสนมทุกคนให้ปรารถนาบุตร

พระสนมเหล่านั้นได้ประกอบพิธีต่างๆ บนบานศาลกล่าวอ้อนวอนบวงสรวงเทวดาทั้งหลาย มีพระจันทร์ เป็นต้น แม้เช่นนั้น ก็ไม่มีพระสนมองค์ใดทรงครรภ์

ฝ่ายเจ้าหญิงจันทา อัครมเหสีพระเจ้ากาสิกราช พระธิดาเจ้าเมืองมัททรัฐ มีพระจริยาวัตรงดงามเพียบพร้อมด้วยศีล เมื่อพระราชารับสั่งให้ตั้งความปรารถนาให้ได้พระโอรส แทนที่พระองค์จะบวงสรวงเทวดาบนบานเหมือนอย่างคนอื่น พระองค์กลับสมาทานศีลอุโบสถในวันเพ็ญ ทรงเปลื้องเครื่องประดับต่างๆ ออก บรรทมที่นอนปูลาดบนพื้น ทรงรำลึกถึงศีลของพระองค์ แล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า

“ถ้าข้าพเจ้ารักษาศีลไม่ขาด ขอบุตรของข้าพเจ้าจงเกิดขึ้นด้วยสัจวาจานี้”

ด้วยเดชานุภาพแห่งศีลที่พระนางจันทราเทวี สมาทานรักษาพลันบันดาลให้บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ อันเป็นทิพยอาสน์ของท้าวสักกเทวราชเกิดรุ่มร้อน เมื่อท้าวสักกะตรวจดูสาเหตุก็ทราบว่าพระนางจันทราเทวีปรารถนาโอรส จึงตกลงใจจะให้โอรสที่เหมาะสมแก่พระนาง โดยพิจารณาเห็นว่า พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่เหมาะสม

ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นกษัตริย์ครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสีเป็นเวลา ๒๐ ปี จึงสวรรคตไปบังเกิดในอุสสุทนนรกรับกรรมอยู่เป็นเวลายาวนานถึง ๘๐,๐๐๐ ปี พ้นจากนรกแล้ว จึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จนสิ้นบุญ ครั้นสิ้นบุญจะต้องเคลื่อนจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น มีความประสงค์จะไปเกิดบนเทวโลกชั้นสูงขึ้นโดยลำดับ

ท้าวสักกะจึงเสด็จไปเชิญพระโพธิสัตว์ ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ พร้อมกับให้เหตุผลว่า “ขณะนี้ พระนางจันทาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้ากาสิกราช ปรารถนาโอรส ท่านจงอุบัติในพระครรภ์ของพระนาง เมื่อเกิดในโลกมนุษย์แล้ว จะมีโอกาสบำเพ็ญบารมีให้เต็มเปี่ยมได้ ความเจริญจะมีแก่ท่าน แก่มหาชน และแก่พระชนกชนนีด้วย”

พระโพธิสัตว์รับคำท้าวสักกะ แล้วได้เสด็จลงมาปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางจันทาเทวี พร้อมเทพบุตร ๕๐๐ องค์ที่หมดบุญ ต้องจุติ ได้มาถือปฏิสนธิในครรภ์เหล่าภริยาอำมาตย์ในพระนครนั้น

พระราชาทรงทราบว่าพระมเหสีทรงครรภ์ จึงได้ปฏิบัติอย่างดี เมื่อครรภ์ครบกำหนดแล้ว ก็ประสูติพระโอรสสมบูรณ์ด้วยลักษณะผู้มีบุญญาธิการ ส่วนภรรยาอำมาตย์ทั้งหมดก็คลอดกุมาร ๕๐๐ คน ในวันนั้นเช่นกัน

ขณะนั้น พระราชากำลังเสด็จออกว่าราชการ ประทับอยู่ท่ามกลางเหล่าเสนาอำมาตย์ แวดล้อมไปด้วยข้าราชบริพาร เจ้าหน้าที่กราบทูลให้ทรงทราบว่า พระราชโอรส พระองค์ประสูติแล้ว พระเจ้ากาสิกราชสดับคำถวายรายงานจากเจ้าหน้าที่ ความรักในพระโอรส ในฐานะความเป็นบิดาก็เกิดขึ้นครั้งแรก

พระองค์เกิดปีติซาบซ่านอยู่ภายในพระหฤทัย แม้เหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพาร ต่างก็พากันเกิดความรู้สึกยินดีปรีดาเป็นสุขโดยทั่วกัน

เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูตินั้น ได้เกิดฝนตกอย่างหนัก ทำให้เกิดความชุ่มฉ่ำไปทั่วทั้งแคว้นกาสี

เหมือนการประสูติพระโพธิสัตว์จะทำให้พระราชาเบิกบานพระทัย และหัวใจแห่งหมู่อำมาตย์ ตลอดจนอาณาประชาราษฎร์ชุ่มเย็นโดยทั่วกัน

พระราชาตรัสถามเหล่าอำมาตย์เป็นเชิงสัพยอกว่า “ท่านทั้งหลายดีใจหรือที่เราได้ลูกชาย”

พวกอำมาตย์กราบทูลว่า “ไยพระองค์ตรัสถามเช่นนั้น เมื่อก่อนพวกข้าพระองค์เหมือนคนไร้ที่พึ่ง บัดนี้พวกข้าพระองค์มีที่พึ่งเพราะได้เจ้านายแล้ว”

พระเจ้ากาสิกราชได้ทรงสดับคำของเหล่าอำมาตย์ ก็เกิดปีติปลื้มพระทัย ตรัสเรียกมหาเสนาบดีมาสั่งว่า พระโอรสควรจะมีบริวาร ให้ไปตรวจดูว่า วันนี้มีเด็กเกิดในเรือนอำมาตย์ท่านใดบ้าง มหาเสนาบดีได้ให้ไปตรวจดูเห็นทารกในเรือนอำมาตย์ ๕๐๐ คน จึงกราบทูลให้ทรงทราบ พระราชารับสั่งให้พระราชทานเครื่องประดับและนางนมแก่ทารกทั่วทุกคน

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

คัดเลือกนางนม

ส่วนนางนมพระโอรสนั้น คัดสรรแต่ลักษณะดีจำนวน ๖๔ นาง ต้องไม่สูงจนเกินไป นมไม่หย่อนยาน น้ำนมมีรสหวาน

ถ้านางนมสูงเกินไป เมื่อทารกนั่งดื่มนมจะทำให้คอทารกยาวผิดส่วน ถ้าสตรีเตี้ยเกินไปจะทำให้กระดูกคอทารกหดสั้นเข้า ถ้าสตรีผอมเกินไปจะทำให้ขาของทารกเสียดสีกัน ถ้าสตรีอ้วนเกินไปจะทำให้เท้าทั้งสองของทารกเพลีย ถ้าสตรีผิวดำนักจะทำให้น้ำนมเย็นเกินไป สตรีมีผิวขาวนักจะทำให้น้ำนมร้อนเกินไป สตรีมีนมหย่อนยานจะทำให้ทารกดั้งหัก สตรีเป็นโรคหืด มีน้ำนมเปรี้ยว สตรีเป็นโรคมองคร่อ มีน้ำนมรสเฝื่อนเผ็ด

พระเจ้ากาสิกราชทรงดีพระหฤทัย ได้พระราชทานพรแก่พระนางจันทาเทวีตามปรารถนา พระนางรับพรแล้วถวายฝากคืนไว้ก่อน

ในวันขนานนามพระโพธิสัตว์ พระเจ้ากาสิกราชบูชาเหล่าพราหมณ์ผู้รู้ลักษณะพยากรณ์ด้วยสักการะอย่างมากมาย แล้วตรัสถามถึงสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อพระโอรส

พวกพราหมณ์เห็นลักษณะพระโพธิสัตว์ จึงกราบทูลว่า

พระโอรสของพระองค์สมบูรณ์ด้วยลักษณะแห่งบุคคลผู้มีบุญญาธิการ อย่าว่าแต่ทวีปหนึ่งเลย พระโอรสสามารถครองความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ตลอดมหาทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒,๐๐๐ เป็นบริวาร อันตรายใดๆ จะไม่เกิดขึ้นกับพระโอรสเลย”

พระเจ้ากาสิกราชสดับคำพยากรณ์ของพราหมณ์เหล่านั้น ทรงดีพระทัยเป็นอย่างมาก ทรงขนานพระนามพระโอรสว่า

“เตมีย์กุมาร” แปลว่า “พระกุมารผู้ทำให้โลกเกิดความชุ่มเย็นใจ”

เพราะถือเอานิมิตวันที่พระกุมารประสูติ ฝนตกทั่วกาสิกรัฐ หัวใจพระราชา อำมาตย์ และข้าราชบริพาร ตลอดจนอาณาประชาราษฎร์ต่างเย็นใจ เหมือนถูกรดด้วยน้ำฝนให้เกิดความชุ่มฉ่ำโดยทั่วกัน

ไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ครองแผ่นดิน

เมื่อพระโพธิสัตว์มีพระชนม์ได้ ๑ เดือน นางนมได้นำขึ้นเฝ้าพระบิดา พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระโอรสแล้ว เกิดความรักเป็นอย่างยิ่ง ทรงสวมกอดจุมพิตพระโอรสที่พระเศียร อุ้มให้บรรทมบนพระเพลา ประทับนั่งชื่นชมอยู่กับพระกุมาร แม้ขณะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ

ขณะนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ควบคุมตัวนักโทษ ๔ คนมายังหน้าพระที่นั่งเพื่อให้พระราชาสั่งลงอาญา พระราชาทรงสั่งลงอาญาพวกโจรตามความผิด ดังนี้

นักโทษคนที่ ๑ ให้เอาหวายที่ยังมีหนามเฆี่ยน ๑,๐๐๐ ครั้ง แล้วราดด้วยน้ำเกลือ นักโทษคนที่ ๒ ให้ล่ามด้วยโซ่ตรวนแล้วส่งไปคุมขังในเรือนจำ นักโทษคนที่ ๓ ให้เอาหอกแทง นักโทษคนที่ ๔ ให้เอาหลาวเสียบ

พระกุมารได้ฟังคำตัดสินลงโทษของพระบิดาก็สะดุ้งกลัว ทรงรำพึงว่า “พระราชาของเราอาศัยราชสมบัติ ทำกรรมหนักเหลือเกิน จะทำให้ไปเกิดในนรก”

คืนนั้น พี่เลี้ยงนางนมให้พระกุมารบรรทมเหนือพระแท่นที่ตกแต่งไว้อย่างดี ภายใต้มหาเศวตฉัตร พระกุมารบรรทมได้ครู่หนึ่งก็สะดุ้งตื่น พระองค์ไม่อาจข่มตาหลับต่อไปได้อีก จึงทอดพระเนตรมหาเศวตฉัตร ได้เห็นสิริราชสมบัติอันยิ่งใหญ่ตระการตา

พลันนั้น พระกุมารเกิดความกลัวอย่างจับจิต จนมิอาจสะกดกลั้นได้ พระองค์ลืมตาในความมืดมิดของราตรีอันยาวนาน พยายามคิดทบทวนว่า พระองค์มาจากไหน จึงได้มาสู่พระราชมณเฑียร ภายใต้มหาเศวตฉัตรนี้

มื่อทรงใคร่ครวญดูก็กลับระลึกชาติได้ว่า พระองค์จุติมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ทรงทบทวนต่อไปอีก ก็ทราบว่าพระองค์เคยหมกไหม้อยู่ในอุสสุทนรกเป็นเวลายาวนาน ทรงทบทวนต่อไปอีกว่า ทำไมจึงได้ไปเกิดในนรก ก็ทราบว่าพระองค์เคยเป็นพระราชาปกครองแผ่นดินภายใต้มหาเศวตฉัตรนี้นั่นเอง

ทรงพิจารณาอยู่ก็ทราบว่า พระองค์ได้ครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสีนี้เป็นเวลา ๒๐ ปี หลังจากสรรคตแล้วได้ไปเกิดในนรกหมกไหม้อยู่ยาวนานถึง ๘๐,๐๐๐ ปี บัดนี้ได้กลับมาเกิดในปราสาทราชฐาน ซึ่งเปรียบประหนึ่งเรือนโจรภายใต้เศวตฉัตรนี้อีกครั้ง

พระกุมารทรงทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมนักโทษ ๔ คนมา เห็นพระบิดากล่าวคำหยาบอันจะเป็นเหตุให้ตกนรกเช่นนั้น หากพระองค์ครองราชสมบัติก็จะกลับไปบังเกิดในนรกรับกรรมชั่วอีกครั้งเป็นแน่ พระกุมารเกิดความกลัวอย่างมาก จนทำให้ผิวพรรณดุจทองคำเหี่ยวแห้งเศร้าหมองลง เหมือนดอกบัวที่ถูกคนเอามือขยำจนเหี่ยวเฉา

พระองค์บรรทมรำพึงอยู่ในความมืดมิดของราตรี ว่าทำอย่างไรจึงจะพ้นจากพระราชมณเฑียร ซึ่งเปรียบประหนึ่งเรือนโจรนี้ได้

เทพธิดาผู้สิงสถิตอยู่ในมหาเศวตฉัตร เคยเป็นมารดาของพระเตมีย์ในชาติหนึ่ง เห็นเช่นนั้นก็เห่กล่อมพร้อมทั้งปลอบโยนพระกุมารให้สบายพระทัยว่า

“เตมีย์ ลูกแม่ ลูกอย่าเศร้าโศก อย่าคิดมาก อย่าหวาดกลัวไปเลย ถ้าลูกปรารถนาจะพ้นจากราชสมบัตินี้ ลูกแม่ไม่ได้เป็นคนง่อยเปลี้ย ก็จงทำเป็นเหมือนคนง่อยเปลี้ย ไม่ได้เป็นคนหูหนวก ก็จงทำเป็นเหมือนคนหูหนวก ไม่ได้เป็นใบ้ ก็จงทำเป็นเหมือนคนใบ้เถิด

จงตั้งใจอธิษฐาน ๓ อย่างนี้ อย่าแสดงว่าเป็นคนฉลาด จงให้คนทั้งปวงรู้กันว่าลูกเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา คนเหล่านั้นจะได้กล่าวโทษดูหมิ่นลูกว่าเป็นกาลกิณี ความปรารถนาของลูกก็จะสำเร็จได้ด้วยวิธีนี้”

พระกุมารกลับบังเกิดความอบอุ่นพระทัยขึ้นมาได้ เพราะคำพูดปลอบโยนของเทพธิดา จึงตอบว่า “แม่เทพธิดา ข้าพเจ้าจะทำตามคำของท่าน ท่านเห็นประโยชน์จึงได้เกื้อกูลข้าพเจ้าอย่างมากมายเช่นนี้ “

ครั้นแล้ว พระกุมารก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานตามคำแนะนำของเทพธิดา แล้วเทพธิดาก็ได้อันตรธานหายไปในความมืดมิดของราตรีกาลนั้น

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง (๑) พระเตมีย์  ตอนที่ ๑ " กำเนิดพระเตมีย์" เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง (๑) พระเตมีย์ ตอนที่ ๑ ” กำเนิดพระเตมีย์” เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)

(โปรดติดตามตอนต่อไป …)

” ปณิธานมหาบุรุษ”

ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) /ที่ปรึกษา : พระพรหมสุธี ,พระธรรมสิทธินายก, พระราชปัญญาโสภณ, พระสิทธิธรรมธาดา , พระครูอรรถเมธี, พระครูปลัดสัมพิพัฒนธุตาจารย์ / ภาพประกอบ-แบบก : ทวิช สังข์อยู่ /จิตกรรมฝาผนัง : พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ /จัดพิมพ์โดย กองทุนพุทธานุภาพ วัดสระเกศ คณะ ๗ /ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ฉบับธรรมทาน
ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) /ที่ปรึกษา : พระพรหมสุธี ,พระธรรมสิทธินายก, พระราชปัญญาโสภณ, พระสิทธิธรรมธาดา , พระครูอรรถเมธี, พระครูปลัดสัมพิพัฒนธุตาจารย์ / ภาพประกอบ-แบบก : ทวิช สังข์อยู่ /จิตกรรมฝาผนัง : พระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ /จัดพิมพ์โดย กองทุนพุทธานุภาพ วัดสระเกศ คณะ ๗ /ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ฉบับธรรมทาน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here