เรียบเรียงจาก ดุษฎีนิพนธ์ เรื่อง “ประสิทธิผลการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตอาสา ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้”
จากงานวิจัยของ พระมหาปรีชา สาเส็ง
และขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เจ้าของลิขสิทธิ์ไว้ ณ โอกาสนี้
จากการสัมภาษณ์ พระครูโฆสิตสุตาภรณ์ ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา ๕ จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ท่านอธิบายว่า ภาวะผู้นำของพระธรรมทูต มีส่วนช่วยในการเผยแผ่ ซึ่งสามารถทำได้หลายเรื่องไปพร้อมๆ กัน ปกติเผยแผ่โดยใช้วิธีการบรรยาย การเข้าค่าย อธิบายธรรมะให้คนเข้าใจ ฯลฯ แต่มีความรู้สึกว่า การเผยแแผ่ต้องไปให้ไกล ต้องทำงานเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่สำหรับบางพื้นที่ แค่รู้และเข้าใจ แต่วิธีการเดิมๆ มันไม่พอ ต้องใช้กระบวนการอย่างอื่นที่มีเหตุผล
“การสร้างเครือข่ายชาวพุทธที่มีความชอบคล้ายๆ กัน ก็จะรวมกลุ่มกัน ทำอะไรกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ในเรื่องของปัญหาภาคใต้ ชาวพุทธเราขาดการรวมกลุ่ม พอรวมกลุ่ม เราสามารถคิดรวมกันหาทางออกได้ ในเรื่องของการป้องกัน…”
โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ขอกราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ดังที่พระพุทธเจ้าทรงสร้างสังฆะขึ้นมาจนสำเร็จตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบัน ในนามของพุทธบริษัท ที่มีอายุกว่า ๒๖๐๐ ปีมาแล้ว เมื่อครั้งก่อนที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระองค์ตรัสว่า พระองค์จะปรินิพพานต่อเมื่อพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาที่ถือพรหมจรรย์ รักษาศีล ๘ และที่เป็นผู้ครองเรือนรักษาศีล ๕ ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาได้ คือ
(๑) ต้องเป็นผู้มีความรู้ เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดี และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน
(๒) นอกจากรู้เข้าใจเอง และปฏิบัติได้ดีแล้ว ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย
(๓) เมื่อมีใครมากล่าวคำจ้วงจาบ หรือ สอนคลาดเคลื่อนผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชี้แจงแก้ไขได้ด้วย
พุทธดำรัสก่อนปรินิพพานนี้ ประหนึ่งเป็นการฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ ให้ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัยโดยการประพฤติ ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ตามพระธรรมวินัย ตามพระอริยสงฆ์ จนเข้าสู่กระแสพระนิพพาน ก็จะทำให้พระพุทธศาสนามั่นคงและดำรงอยู่ตลอดไป เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ในสังสารวัฏ นั่นเอง
การเทศนาให้กำลังใจ การสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นทั้งในครอบครัว และมาที่วัด ใส่บาตร ทำบุญ รักษาศีล เจริญจิตภาวนาให้เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทั้งในวันธรรมดา วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันโกน วันพระ วันไหนก็ได้ไม่สบายใจ หรือสบายใจในเวลาว่าง ให้มาวัด มาสนทนาธรรม และสร้างกิจกรรมจิตอาสาในวัด มาช่วยกันปลูกต้นไม้ ช่วยกันทำให้วัดสะอาดร่มรื่น เป็นวัดของชุมชน
ขณะเดียวกัน พระก็ออกเยี่ยมบ้าน เยี่ยมผู้เฒ่าผู้แก่ เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง นำของอุปโภคบริโภคไปมอบให้ เป็นการเผยแผ่เชิงรุก เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ เป็นการปลอบใจ การให้กำลังใจกัน การดูแลกัน จำเป็นมากเลย เพราะชาวบ้านขาดที่พึ่งหากไม่มีพระสงฆ์ในพื้นที่
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
“ด้วยความที่จำนวนพระก็ไม่เยอะ
พระมีคุณภาพที่เก่งๆ ก็น้อยลง
การทำงานแบบโดยปกติไม่พอในพื้นที่ตรงนี้ ”
พระครูโฆษิตสุตาภรณ์
เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาตี จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
“บุคคลากร ทั้งฝ่ายพระภิกษุและฆราวาสต้องร่วมมือกัน
และต้องให้ความสำคัญกับหลักการของศาสนา
พระธรรมวินัย ใจสู้ เสียสละเพื่องานพระศาสนาจริงๆ
ไม่เห็นแก่ปัจจัย หรือ ยศ ตำแหน่ง”
พระครูประโชติรัตนานุรักษ์
และจากการสัมภาษณ์ พระครูสมุห์บุญมา ปญฺญาธโร ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ท่านกล่าวว่า ภาวะผู้นำของพระธรรมทูต สามารถสร้างขวัญกำลังใจชาวพุทธในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้น เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ โดยเข้าใจในหน้าที่ มันจะมีประโยชน์ในการที่จะเผยแผ่ศาสนาหรือว่าคุณธรรมได้เป็นอย่างดีทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ ถ้าเรามองสถานการณ์ก่อนกับปัจจุบันในเชิงรุกค่อนข้างมีน้อย เพราะว่าผู้นำมันขาดหายไป
“เพราะว่าผู้นำเต็มเปี่ยมจะทำงานได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ในการทำงานเผยแผ่ ภาวะความเป็นผู้นำต้องเข้าใจในหน้าที่ของเรา ว่าเราคือลูกหลานของชาวบ้าน ชาวบ้านคือพ่อแม่ของเรา เราต้องเอาใจใส่ดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้าน โดยให้ธรรมะต่าง ๆ ให้กับเขา
“หลักการถ้าเรามองอย่างหลวงพ่อพุทธทาส
เราได้ยินได้ฟังว่า การทำงานของท่าน
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
ซึ่งแม่มาวัดเอาปิ่นโตมา
ท่านยังเขียนธรรมะใส่ปิ่นโตให้แม่ไปศึกษาธรรมะได้”
พระครูสมุห์บุญมา ปญฺญาธโร ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา จังหวัดปัตตานี
การประกาศและการเผยแผ่หลักพุทธธรรม พร้อมด้วยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนในถิ่นฐานต่าง ๆ พระธรรมทูตจึงได้แก่พระภิกษุผู้ทำหน้าที่ประกาศและเผยแพร่พระพุทธศาสนาด้วยการแสดงธรรม และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ให้ประชาชนได้รู้จักและให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง”