เรียนรู้การฝึกปฏิบัติเยียวยาหัวใจที่เจ็บปวดในชีวิตประจำวัน

กับ กิจกรรมทุกอย่างที่เจอแรงกระทบ

ด้วยความเข้าใจในความเหมือนและความต่าง

ที่ไม่อาจมารวมกันได้

ทำอย่างไรที่จะแปรเปลี่ยนความรู้สึกผิดที่ขาดสติ ไปสู่ปัญญา…

กับ พระอาจารย์พิทยา ฐานิสสโร

ใน บาตรเดียวท่องโลก

เรื่อง “ชาที่ไร้กลิ่น” ในวันแห่งครอบครัว

สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ในเวลาเกือบสี่ทุ่ม สงบ ไม่วุ่นวาย โยมพี่ที่คุ้นเคยกันเป็นเวลานานมารอรับ พร้อมลูกชายที่เป็นหมอจบใหม่ จากเด็กน้อยในอดีตกลายเป็นคุณหมอหนุ่ม ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง และเป็นเหตุผลที่ขึ้นมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ เพื่อทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของหมอหนุ่มน้อย ทุกอย่างเอาฤกษ์สะดวก ความพร้อมที่มี ณ เวลานั้น แม้ไม่มีว่าที่เจ้าของบ้านอยู่ร่วมพิธีในวันทำบุญ เพราะต้องทำงานที่โรงพยาบาล งานบุญเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ไม่มีพิธีรีตองมากมาย มีการนำพระพุทธรูปเข้าบ้าน สวดมนต์ รับศีล ฟังธรรม สนทนาธรรมร่วมกัน ทุกคนต่างมีส่วนร่วมในการสร้างพลังแห่งบุญให้เป็นสิริมงคลแก่บ้านหลังนี้

“ชาที่ไร้กลิ่น” ในวันแห่งครอบครัว โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

เป็นเวลานานพอสมควรที่ไม่ได้มีการรวมตัวกันพร้อมหน้า เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ในแบบของตนๆ การมาครั้งนี้เหมือนการรวมญาติพี่น้องทั้งทางโลกและทางธรรมที่คุ้นเคยกันเป็นเวลาสิบกว่าปี ถึงแม้อาจมารวมตัวกันได้ไม่ครบ การได้มีโอกาสมาปฏิบัตินั่งสมาธิ พูดคุย สนทนาธรรม สวดมนต์ รับประทานอาหารร่วมกันตามเวลาที่ใครสะดวกในช่วงสี่วันที่พำนักอยู่ ณ บ้านใหม่ของหมอหนุ่ม เปรียบเสมือนการได้สานต่อ ทบทวน เห็นความก้าวหน้าของการปฏิบัติ ต่างคนต่างมีวิถีแห่งการปฏิบัติที่ต่างกันตามจริตของแต่ละคน แม้เราทุกคนเคยฝึกปฏิบัติในรูปแบบเดียวกันในครั้งหนึ่ง แต่ถึงแม้รูปแบบเดียวกันก็ยังมีความต่างกันในเวลานั้น ซึ่งแต่ละคนต้องค้นหาการปฏิบัติที่ทำให้ตนก้าวหน้าด้วยตนเอง

ความก้าวหน้าที่บ่งชี้ได้ชัดคือ ความทุกข์ลดลงไหม ถ้าความทุกข์ยังไม่ลดลง นั่นก็ยังไม่เรียกว่า ปฏิบัติถูก ทุกคนจึงต่างพยายามหล่อเลี้ยงการปฏิบัติตามกำลัง ตามความสามารถ ตามความศรัทธาและเห็นความสำคัญของการปฏิบัติที่จะไปล่วงทุกข์ให้ได้ แต่ไม่มีใครละไปจากหนทางแห่งการฝึกตน นับเป็นสิ่งที่เป็นมงคลที่ทุกคนพยายามกระทำเพื่อดับทุกข์ในตนตามกำลังแห่งสติปัญญา

เช้าวันหนึ่งก่อนสวดมนต์ ศิษย์เอกได้ชงน้ำชาเก๊กฮวยมาถวาย เมื่อฉันน้ำชาเก๊กฮวย ก็ถามไปว่า “น้ำที่ชงชาไม่ร้อนใช่ไหม แทบไม่ได้กลิ่นเก๊กฮวย และน้ำอุ่นมากทั้งที่เพิ่งถวายมา” ได้รับคำตอบกลับมาว่า “เคยทำกับใครไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น” พี่น้องที่ยืนอยู่ใกล้กับศิษย์เอก ได้แต่ยิ้มอย่างไปไม่ถูก

ศิษย์เอกมิได้ตั้งใจที่จะชงน้ำชาเช่นนั้นมาถวายเลย แต่ด้วยหลายเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้น เขาจึงรีบทำให้เสร็จโดยไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเช่นนั้น มองให้ลึกซึ้ง เขาทำดีที่สุดในเวลานั้น ณ อารมณ์ที่ปรากฏอยู่ตอนนั้น และตอนถวายก็กระทำด้วยความเคารพโดยมิได้มีอาการไม่พอใจใดๆ เลย แต่เมื่อโดนคำถาม เหมือนกำลังถูกตำหนิ ต่อหน้าเพื่อนพี่น้องหลายๆ คน จึงตอบคำถาม เพื่อปกป้องตนเองและแสดงออกเพื่อให้รู้ว่าตนเองกำลังรู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ใจและอยากให้คนที่ถามรู้สึกเช่นเดียวกันโดยไม่รู้ตัว แต่ในส่วนลึกๆ ก็รู้สึกเสียใจในการกระทำที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะขอโทษ

การกล่าวตักเตือนที่ประกอบด้วยความเมตตากรุณาอย่างไม่หวังผล แม้ผลออกมาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ เราจะไม่ทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะเราเข้าใจในเหตุปัจจัยที่ไม่พร้อม หรือแม้คำกล่าวตักเตือนเขาอาจส่งผลกลับมาในทางตรงกันข้ามและอาจได้รับการตำหนิ พูดจาส่อเสียดกลับมา ซึ่งมิได้หมายความว่า การกล่าวตักเตือนนั้นไร้ผลหรือส่งผลเป็นลบ เหมือนที่หลายคนคิดว่า หวังดีแต่กลับได้รับผลไม่ดีและอาจโทษเขา ไม่พอใจเขาหรือโกรธเคืองไม่พอใจกันไปเลย

เหตุที่ได้รับผลไม่ดี เพราะเราคาดหวังว่า เขาจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากได้รับการตักเตือนหรือกล่าวขอบคุณ ซาบซึ้งใจในคำตักเตือนของเราและเราจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อเขาเปลี่ยนแปลง แท้จริงแล้วเราไม่ได้เมตตากรุณาอย่างแท้จริง เราแค่รับไม่ได้ ทุกข์ใจที่เขาประพฤติกระทำเช่นนั้น อีกทั้งเราก็ตกเป็นเหยื่อในคำพูดที่ไม่น่ารักที่เขาตอบกลับมา ทำให้เราสูญเสียความเมตตากรุณาต่อตนเองมากขึ้น เราทั้งสองต่างติดดี ยึดดีในแบบของตัวเอง และปล่อยวางไม่ได้ ความทุกข์จึงเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย

หลายคนหมดกำลังใจเมื่อทำความดีหรือหวังดีกับใคร แต่เขากลับไม่เห็นคุณค่า ที่ร้ายกว่านั้น เขายังหยิบยื่นคำพูดร้าย ส่อเสียด เหน็บแนบมาให้เจ็บช้ำใจมากขึ้นอีก โดยเฉพาะคนที่เราให้ความช่วยเหลือ ค้ำจุนเขาอยู่ เราส่วนใหญ่คิดแบบง่ายๆ และไม่เข้าใจความจริง ว่า ถ้าเราดีกับเขา ช่วยเหลือเขา เขาต้องสำนึกบุญคุณ ทำดีกับเรา ดูแลใส่ใจเรา สิ่งนั้นจึงเป็นสิ่งถูกต้อง แต่เมื่อใดเขาทำตรงกันข้าม เราหมดกำลังใจไม่อยากทำดี ไม่อยากช่วยเหลือใครต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้น เรากำลังทำดีอย่างคนเห็นแก่ตัว

เมื่อเราพิจารณาใคร่ครวญอย่างถ่องแท้ เราทำความดีด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจตั้งแต่เริ่ม เพราะเมื่อเราทำดีหรือช่วยเหลือใคร เราต่างหากที่ได้รับความสุข ความเบาใจเพราะเราได้หยิบยื่นโอกาสให้คนที่ขาดโอกาส แม้เขาอาจยังทำไม่ดี หรือเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ทั้งหมด ก็เป็นกรรมของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา เพราะถ้าเขาทำดี สำนึกบุญคุณ ตอบแทนคุณอย่างเต็มใจ ผลแห่งจิตใจที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไร้ตัวตน ของตนก็ปรากฏแก่เขา เขาอยู่ที่ใดๆ ก็จะมีความสงบสุข ทุกสรรพชีวิตย่อมได้รับผลแห่งการกระทำด้วยตนเองทันที โดยไม่ต้องรอให้ใครมาตัดสิน หรือพิพากษา

เมื่อใดที่เราทุกข์ใจ ไม่สบายใจ เราจะไม่สามารถเห็น กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างชัดเจน อย่างถูกต้องเลย และเราจะไม่สามารถยอมรับผลที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นหลังจากการกระทำ เพราะจิตใจที่ไม่ปรกติตั้งแต่ต้น

“ชาที่ไร้กลิ่น” ในวันแห่งครอบครัว โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“ชาที่ไร้กลิ่น” ในวันแห่งครอบครัว
โดย พระพิทยา ฐานิสสโร


คอลัมน์ บาตรเดียวท่องโลก
หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก
วันอังคารที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒
โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

กลิ่นของชา ไม่ได้มาจากตัวชา

ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำให้ทุกข์

ในสิ่งที่เหมือนกัน

ย่อมมีความต่างอยู่ในนั้นด้วยเสมอ

พระพิทยา ฐานิสสโร ผู้เขียน
พระพิทยา ฐานิสสโร ผู้เขียน
“ชาที่ไร้กลิ่น” ในวันแห่งครอบครัว

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here