คำว่าแพ้ อาจจะชนะก็ได้ ชนะแล้วอาจจะแพ้ก็ได้
มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของคำว่า “แพ้” หรือ “ชนะ” เท่านั้น
มีใครคนไหนบ้าง …ที่ไม่เคยแพ้อะไรเลยบนโลกใบนี้
จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๒๑
“ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ”
โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
คำว่าแพ้ อาจจะชนะก็ได้ ชนะแล้วอาจจะแพ้ก็ได้ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของคำว่า “แพ้” หรือ “ชนะ” เท่านั้น มีใครคนไหนบ้าง …ที่ไม่เคยแพ้อะไรเลยบนโลกใบนี้
ในจำนวน ๑๐๐ คน อาจจะไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป แม้แต่นักกีฬา นักมวยที่ว่าเก่งกาจสามารถชนะคู่ต่อสู้ ก็อาจจะมีสักครั้งหนึ่งที่แพ้คะแนนหรือแพ้น็อก นักเทนนิส นักวิ่ง ล้วนแต่ต้องผ่านการฝึกฝนแล้วฝึกฝนอีกบ่อยๆ ครั้ง
ครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ ครั้งต่อไปพัฒนาแก้ไขตนให้ดีขึ้น ในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่เส้นชัยได้อย่างภาคภูมิใจสมดังกับที่ตนได้อดทนอดกลั้นฝึกฝนซ่อมมาอย่างหนัก กลับมาอีกครั้งเราชนะมันแล้ว
การที่ชนะคนอื่นที่ว่าเราดีใจแล้ว แต่การที่เราชนะใจตนเองนี้มันสุดยอดกว่าสิ่งอื่นใด การที่ชนะคนอื่นก็เพียงแค่เราทำตนเองให้เหนือกว่าคนอื่น
พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวตนให้มีศักดิ์ศรีมีเกียรติยศ ต้องอดทนต่อคำด่าดูถูกเหยียดหยามขยันกัดฟันสู้ฝ่าฟันปัญหาต่างๆ เพื่อให้เปิดทางสะดวกที่จะได้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นให้เหนือกว่าคนอื่น
ทำทุกวิถีทางไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล เมื่อเราชนะคนอื่น เหนือกกว่าใครแล้ว สิ่งที่ได้ตอบแทนคือเกียรติยศ แต่สูญเสียคนรอบข้าง มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ แบบนี้ชนะคนอื่นแต่พ่ายแพ้ตนเองมีเกียรติแต่ไร้ความสุข
มีท่านใดบ้างที่ตั้งใจว่าจะทำดีให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะว่าครั้งก่อนเราทำมันไม่ได้ดั่งใจตั้งใจไว้ ก็อดไม่ได้ก็ลงมือกระทำสิ่งนั้นเลย
เช่น เรื่องการทำการงานก็ค้างคามันไว้ เดี๋ยวค่อยทำมันก็ได้ ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า “ดินพอกหางหมู” ก็เพราะใจมันไม่อยากทำ หรือเห็นว่ามันง่าย ทำตอนไหนก็ได้ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ซึ่งมันเข้าข่ายคนหลายใจๆ โลเล คนขี้เกียจ ความอดทนน้อย คิดน้อยคิดใหญ่ และแล้วการงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
เรื่องการรักษาศีล หรือการทำความดี เมื่อเราตั้งใจที่จะรักษาศีลคุณงามความดีสักข้อ มีสถานการณ์เกี่ยวกับศีลแต่ละข้อเข้ามาในชีวิต ก็อดที่จะล่วงละเมิดไม่ได้ โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศผิดลูกเมียเขาที่เห็นตามสื่อเกือบทุกวัน เคยทำกับคนแรกแล้วก็คนที่สองต่อไป จนกว่าจะเจอวิบากของกรรมตอบสนองจึงจะหยุด
เนื่องจากคนเรามีใจที่แพ้พ่ายต่อกิเลส ด้วยความอยากได้ ความอยากมี ความอยากเป็น เมื่อใจมันถูกกิเลส ความอยากครอบงำจิตใจแล้วจะทำให้จิตใจมันมืดบอด ไม่เห็นบาปบุญคุณโทษ เห็นแต่สิ่งที่ตนจะกระทำ จะเอามันมาให้ได้ ไม่คำนึงถึงความถูกต้องแต่อย่างไร
จะเห็นได้ว่า คนที่แพ้ใจตนเองจะทำผิดบ่อยครั้ง คิดเริ่มต้นใหม่ ก็ยังหันกลับมากระทำผิดซ้ำอีก ขาดความอดทน ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้จิตใจมันไม่เข้มแข็ง ใจมันขาดกำลังของสติปัญญาก็เลยกระทำล่วงละเมิดเรื่องนั้นๆ
ฉะนั้น “ควรมีสติรู้สึกตัว”
ยับยั้งจิตใจของตัวเองให้ได้
มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าใจของเราจะแพ้หรือชนะต่อสิ่งชั่วร้าย เราจะทำตามความคิดที่บงการอยู่ในหัวหรือจิตใจเรา ก็อยู่ที่ว่าเราทำตามใจกิเลสหรือทำด้วยสติ ถ้าทำด้วยสติก็จะทำด้วยความไม่คาดหวัง ทำด้วยปัญญา ทำแล้วปล่อยวาง แต่ถ้าทำด้วยกิเลสก็จะไปยึด แล้วก็ทุกข์ สามารถทำทางชั่วได้มาก ถ้าไม่มีสติยับยั้ง
สุดท้าย จิตใจเราถ้าตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ก็พ่ายแพ้ทำความชั่วอีกครั้งไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าจิตใจเราตัดสินใจไม่ยอมแพ้ ก็ชนะใจตนเองได้ ก็สามารถหยุดยั้งการทำความชั่วอีกครั้ง ความดีหรือบารมีแห่งความดีความภาคภูมิใจก็มีมากขึ้น
ฝากข้อคิดว่า
การยอมแพ้คนอื่น เพื่อชนะใจตนเอง การชนะคนอื่น แต่กลับแพ้ใจตนเอง แพ้แล้วแพ้อีก ยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ตราบใดยังแพ้ใจตนเอง ยากที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้
พระจ๊อด… ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓
จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๒๑ “ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ” โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย