อาตมาเชื่อว่า…

ถ้าหากเราสามารถศึกษาปริญญาทางโลกและปริญญาทางธรรมควบคู่ไปด้วย

ข่าวตามหน้า Social Network ในสังคมโลกปัจจุบัน เช่น ฆาตกรรม ข่มขืนกระทำชำเรา

ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ยาเสพติด หรือข่าวอาชญากรรมอันสะเทือนใจอื่นๆ อีกมากมาย

จะลดน้อยลงแน่นอน

จาริกธรรมสกอตแลนด์ ตอนที่ ๗

“ปริญญาทางโลกและปริญญาทางธรรม”

โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

         “ในโลกปัจจุบัน การจะรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ได้นั้น  จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องให้พระเณรได้มีความรู้ มีการศึกษาทั้งธรรมะและวิชาการทางโลก ความรู้อย่างพระก็ต้องรู้ เพราะเป็นเรื่องพระศาสนา แต่ก็ต้องรู้ความรู้ชาวบ้านเขาด้วย

         “ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการวางแผน เพื่อให้พระพุทธศาสนา ไปอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผู้ที่จะรับภาระหน้าที่อันหนักหน่วงนี้ได้ ก็คือ พระเณรนั่นเอง จึงจำเป็นจะต้องให้พระเณรมีการศึกษา รู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

         “อายุยังน้อยต้องเรียน เรียนอะไรก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย อย่าอยู่เฉยๆ เพราะพระเณรจะต้องรับภาระธุระพระศาสนา แต่หลวงพ่อแก่แล้ว คนแก่จะทำอะไรได้ แค่ให้หายใจอยู่เฉยๆ ก็ยังแย่แล้ว”

           เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, อดีตประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ, อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้กล่าวให้โอวาทในโอกาสที่ส่งพระสงฆ์ไปดูงานพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ

         วันนี้ได้มีโอกาสมาร่วมงานรับปริญญาของพระมหาเรวัตร ปภาสปญฺโญ พระธรรมทูตรุ่นพี่ ท่านเกิดที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น สังกัดวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาเป็นพระธรรมทูตในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา ๗ ปี และในปีนี้ท่านก็ได้สำเร็จการศึกษาระดับ Master’s degree จากมหาวิทยาลัย Edinburgh Napier University ประเทศสกอตแลนด์ จึงทำให้อาตมาระลึกถึงโอวาทของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นมาทันที

           อนึ่ง การเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศ นอกจากจะต้องมีความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนาดีแล้ว ต้องเข้าใจโลก และเข้าใจบริบทสังคมที่นี่ด้วยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะทักษะเรื่องภาษาอังกฤษก็ต้องพัฒนา เพราะภาษาอังกฤษคือก้าวแรกที่จะทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดนให้บรรลุเป้าหมายได้

           ท่านสำเร็จการศึกษาทางโลกในครั้งนี้ นอกจากเป็นการพัฒนาทักษะด้านภาษาให้มีความเชี่ยวชาญแล้วยังทำให้ท่านได้รู้จักความเป็นไปของโลกของคนในสังคมที่นี่ ส่งผลให้ท่านเข้าใจโลก เข้าใจธรรม สามารถทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหราชอาณาจักรได้เป็นอย่างดี อันจะทำให้เรารักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ได้และเกิดความมั่นคงตามที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เคยกล่าวไว้

           สำหรับบรรยากาศในห้องประชุมของการรับปริญญามีอธิการบดีเป็นประธานมอบปริญญาบัตรให้ผู้สำเร็จการศึกษา และท่านกล่าวให้โอวาทมีอยู่ประโยคหนึ่ง อาตมาประทับใจมากคือ “Your dream is not trusted to come true except you” หมายความว่า “ไม่มีใครเชื่อในความฝันของคุณหรอก ยกเว้นคุณเอง” ซึ่งทำให้อาตมาระลึกถึงพุทธสุภาษิตหนึ่งที่ว่า “สทตฺถปสุโต สิยา” หมายความว่า “พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน” เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตแล้ว มันก็อยู่ที่ตัวคุณจะเดินไปสู้เป้าหมายนั้นหรือไม่ มันอยู่ที่ตัวของคุณเองว่าจะมีความเพียร หรือขวนขวายทำความฝันของคุณให้สำเร็จไหม

พระมหาเรวัตร ปภาสปญฺโญ รับปริญญาโทจาก จากมหาวิทยาลัย Edinburgh Napier University ประเทศสกอตแลนด์
พระมหาเรวัตร ปภาสปญฺโญ
รับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Edinburgh Napier University ประเทศสกอตแลนด์

           ในช่วงระหว่างที่ผู้สำเร็จการศึกษาทั้ง ๗๐๐ คน อยู่ในห้องประชุมจะตบมือให้กับทุกคนเมื่อเข้าไปรับปริญญากับอธิการบดี บรรยากาศดูเรียบง่ายแต่หัวใจยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และนี่เป็นการแสดงออกถึง “จิตมุทิตา” ชื่นชมยินดีเมื่อเห็นคนรอบข้างประสบความสำเร็จหรือมีชีวิตที่ดีงาม

           และสิ่งที่อาตมาประทับใจที่สุดคือชุดที่ใส่รับปริญญาเป็นชุดอะไรก็ได้ เพียงแต่ใส่ชุดครุยสวมทับเท่านั้น

รวมถึงบรรยากาศของงานทั้งในและนอกห้องประชุม ดูสงบ เรียบง่าย แต่มีมนต์ขลังของความยิ่งใหญ่ซ้อนอยู่ กล่าวคือ หลังจากพิธีในห้องประชุมเสร็จทุกคนออกมานอกห้องประชุมไม่มีความวุ่นวาย ส่งเสียงดังชุลมุน แย่งกันถ่ายรูปตามป้ายตามซุ้ม แย่งกันซื้อของที่ระลึก หรือรถก็ติด เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีปรากฏให้เห็นเลย แต่ภาพที่เห็นคือความเป็นธรรมชาติ ธรรมดา สงบ เรียบหรู

เมื่อทุกคนออกมาจากห้องประชุมก็ยืนพูดคุยเป็นปกติกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว เพียงไม่กี่คนเท่านั้น หลังจากนั้นก็เห็นแต่ละคนยืนอยู่ตามป้ายรถเพื่อรอนั่งรถเมล์กลับ หรือบางคนก็เดินข้ามถนนเดินไปหาป้ายรถเมล์ที่ตนเองจะนั่งโดยสาร

           ทั้งนี้ พระมหาเรวัตร ปภาสปญฺโญ ท่านไม่ได้ศึกษาเพียงแต่ปริญญาทางโลกเท่านั้น แต่ท่านก็ยังศึกษาปริญญาทางธรรมด้วยเป็นสำคัญ เพราะถ้าเราจะฝึกตนหรือพัฒนาตนเองจริง ๆ ต้องศึกษาทั้งปริญญาทางโลกและศึกษาปริญญาทางธรรมควบคู่ไปด้วย กล่าวคือ การศึกษาปริญญาทางโลกประกอบไปด้วย ๖ ป. และการศึกษาปริญญาทางธรรม ประกอบไปด้วย ๓ ปริญญา ดังนี้

           การศึกษาปริญญาทางโลก ต้องประกอบไปด้วย ๖ ป. คือ 

           ๑) ปริญญา เมื่อพ่อแม่ต้องหาเงินส่งเสียเราเรียน สิ่งสำคัญต้องคว้า “ใบปริญญา” มาให้ได้เพื่อเป็นก้าวแรกเบิกทางทำมาหาเลี้ยงชีพ

           ๒) ปัญญา เราเรียนปริญญาไม่ว่าจะเรียนศาสตร์หรือสาขาไหนต้องรู้แจ้ง รู้จริง เข้าใจ และรอบรู้ในศาสตร์หรือสาขานั้น ๆ ได้อย่างถ่องแท้ สามรถนำความรู้นั้นไปปฏิบัติหรือทำงานได้จริง

           ๓) ประสบการณ์ ช่วงเรียนสามารถหาประสบการณ์ได้จากกิจกรรม หรือเอาเวลาว่างไปฝึกทำงาน เพราะเรียนตามตำรา ทำให้เรารู้ว่าทฤษฎีมันคิดอย่างไร ทำกิจกรรม หรือไปทำงาน Part-time จะทำให้เรารู้ว่ามนุษย์คิดอย่างไร แล้วเราก็จะสามารถนำทฤษฎีที่เรียนมาปรับใช้กับการทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างสมดุล

           ๔) ปฏิภาณ มีความรู้อันแตกฉาน มีความเฉลียวฉลาดในการแก้ไขปัญหาหรือสามารถไขสถานการณ์ที่วิกฤตได้ทันท่วงที

           ๕) ปฏิสัมพันธ์ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี หรือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่อยู่รอบตัวเราด้วยความเป็นมิตรและจริงใจ มีสุภาษิตโบราณกล่าวว่านกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ไม่สามารถขึ้นสู่ที่สูงได้ เพราะกัลยาณมิตรคือทั้งหมดของความสำเร็จ

           ๖) ประโยชน์มหาชน ช่วงที่เราศึกษาในมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยให้ความรู้ ให้วิชาชีพ ให้อะไรเรามากมาย เราอย่าเอาอย่างเดียวต้องให้คืนด้วย โดยการช่วยงาน ช่วยกิจกรรม ฯ ตามที่เราพอจะทำให้กับมหาวิทยาลัยได้ และเมื่อเราสำเร็จการศึกษาแล้ว สิ่งสำคัญเราต้องตระหนักถึงประโยคที่ว่า “ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน” อยู่เป็นนิตย์ ทำเพื่อตนเองแล้ว อย่าลืมทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม ลมหายใจของเรามีทั้งหายใจเข้า และหายใจออก เฉกเช่นเดียวกันมีรับก็ต้องมีให้ ทำดีเพื่อตนอยู่แค่สิ้นลม ทำดีเพื่อสังคมอยู่คู่โลกา

           ปริญญาทางธรรม ต้องประกอบไปด้วย ๓ ปริญญา

           ๑) ญาตปริญญา  เป็นขั้นรู้จัก มีสติรู้เท่าทันปัจจุบัน รู้สิ่งที่เป็นกุศล และอกุศล กล่าวคือ รู้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี สิ่งไหนเป็นโทษ สิ่งไหนเป็นประโยชน์ สิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร แล้วเลือกเดินในทางที่เป็นกุศลธรรม

           ๒) ตีรณปริญญา เป็นขั้นพิจารณาโดยใช้ปัญญาใคร่ครวญ กล่าวคือ เป็นการรู้เหตุ รู้ผล รู้กฎของความจริงเพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้หลักกฎแห่งกรรมว่ากระทำสิ่งไหนย่อมได้รับผลเช่นนั้น

           ๓) ปหานปริญญา เป็นขั้นละ การละมีอยู่ ๓ ขั้นด้วยกันคือ ละด้วยการอดทน อดกลั้น ข่มใจไว้, ละด้วยการยังยั้งชั่งใจไว้ชั่วขณะ, และประการสุดท้ายคือละได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นการละจากกิเลสทั้งปวง เช่น ละจากความโกรธ ความโลภ ความหลง เป็นต้น

           ถ้าหากเราสามารถศึกษาปริญญาทางโลกและปริญญาทางธรรมควบคู่ไปด้วย อาตมาเชื่อว่าข่าวตามหน้า Social Network ในสังคมโลกปัจจุบัน เช่น ฆาตกรรม ข่มขืนกระทำชำเรา ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ยาเสพติด หรือข่าวอาชญากรรมอันสะเทือนใจอื่นๆ อีกมากมายจะลดน้อยลงแน่นอน ซึ่งตัวการผู้กระทำความผิด ผู้ใช้กระทำความผิด หรือผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้กระทำความผิด ส่วนหนึ่งล้วนเป็นคนที่มีการศึกษาสูงจบปริญญาทั้งนั้น

           ฉะนั้นแล้ว ความสุขที่งดงามของมนุษย์คือ ความสุขที่เกิดจากความสงบภายใน “ใจ” ดังที่พุทธสุภาษิตมีอยู่ว่า “นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ สุขอื่นใด จะยิ่งกว่าความสงบไม่มี” หากเราไม่หมั่นดูใจ ฝึกจิต ฝึกใจ เรียนปริญญาทางธรรม แม้เราเรียนจบดอกเตอร์ ก็จะไม่ต่างจากเด็ก ป. ๔ ดังที่หลวงปู่ชา สุภัทโท กล่าวไว้ว่า “เวลาโกรธขึ้นมา ดอกเตอร์กับ ป.๔ ก็โง่พอๆ กัน” แล้วโยมล่ะว่ามันจริงเหมือนที่หลวงปู่ชาท่านกล่าวไว้ไหม !!

         ป.ล. แถมท้ายอีกนิด สำหรับภาพพระรับปริญญาสวมครุย หากเราเปิดใจให้กว้างๆ ก็จะพบว่า ธรรมะนั้นอยู่ข้างใน เป็นแก่น ส่วนข้างนอก คือ โลก เป็นเปลือก การที่จะรักษาแก่นธรรมไว้ได้ ก็ต้องอาศัยโลกเพื่อรู้ธรรม การที่พระไปเรียนทางโลก ก็เพื่อเป็นประโยชน์ทางธรรมสำหรับคนทุกข์ทางใจในอีกมุมหนึ่งของโลก ที่วิชาทางโลกยังไม่มีคำตอบ แต่ วิชาของพระพุทธเจ้ามีคำตอบทุกอย่างเลย ตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อมีโลกกุตระปัญญาก็สามารถพาจิตออกจากมายาคติทั้งปวงไปได้ นี่แหละคือหนทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคไร้พรมแดนอีกซีกโลกหนึ่งที่เขากำลังสนใจ “พระ” สนใจการประกาศพรหมจรรย์อย่างยิ่ง เพราะการประกาศพรหมจรรย์ คือ การนำชีวิตไปสู่การสิ้นทุกข์ทั้งปวงอย่างแท้จริง ที่พระพุทธองค์ทรงกรุยทางไว้มากว่า ๒๖๐๐ ปี

(คอลัมน์ เขียนธรรมสื่อถึงโลก (หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒) โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here