เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ท่านพระอาจารย์เทอด ญาณวชิโร และคณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เดินทางไปเยี่ยมสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกราบสักการอัฐิธาตุของท่านอาจารย์พุทธทาส ณ ศาลาธรรมโฆษณ์อนุสรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมงานเผยแผ่ธรรมทุกรูปแบบที่เรียกว่า “ธรรมโฆษณ์” ของท่านอาจารย์พุทธทาส จากนั้นกราบสักการะพระพุทธรูป ณ โบสถ์ธรรมชาติ บนเขาพุทธทอง กราบสักการะอนุสรณ์สถานที่ฌาปนกิจสรีระท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ อินฺทปัญฺโญ (พระธรรมโกศาจารย์) และเยี่ยมชมโรงมหรสพทางวิญญาณ
จึงขอรำลึกความทรงจำอันงดงามจากจดหมายของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) ที่เขียนถึง พระธรรมโกศาจารย์ หลวงพ่อพุทธทาส (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) และจดหมายที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเขียนถึงเจ้าประคุณสมเด็จฯ จากหนังสือ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) พระมหาเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำพระพุทธศาสนาโลก ” ซึ่งรัฐบาลจัดพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศล ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗
และจากหนังสือ “ชีวิตและความคิด” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) พระมหาเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำพระพุทธศาสนาโลก โดย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พิมพ์ในงานออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร ป.ธ.๙) ในวันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
กับหนังสือ “วิถีแห่งผู้นำ สมเด็จพระพุฒจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)” เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง) ทั้งสามเล่มได้บอกเล่าประวัติศาสตร์ของสองปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาที่มีครูบาอาจารย์สอนภาษาบาลีร่วมกัน คือ พระมหากลั่น ปิยทสฺสี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนภาษาบาลีผดุงพุทโธวาท ตำบลพุมเรียง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
และที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้เอง ซึ่งชาวบ้านในสมัยโบราณเรียกว่า”เกาะนิพพาน” เป็นสถานที่ปลีกวิเวกสำหรับพระผู้แสวงความสันโดษ ตัดขาดจากความเกี่ยวข้องด้วยหมู่คณะ มุ่งหน้าสู่พระนิพพาน และที่นี่เองเป็นบ้านเกิดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) ในตระกูลโชคชัย เมื่อ ๙๒ ปีก่อน และต่อมาหลวงพ่อสมเด็จฯ ได้พบกับท่านอาจารย์พุทธทาสอย่างไร ท่านได้บันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า
“หลวงพ่อได้พบกับท่านพุทธทาส เพราะเป็นศิษย์อาจารย์มหากลั่นด้วยกัน ก็อยู่ด้วยกันตอนเป็นเณร แต่เป็นระยะสั้นๆ ตอนนั้นเกิดทหารพันธมิตรทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ หลวงพ่อพริ้ง อาจารย์ของหลวงพ่อท่านกลัวไม่ปลอดภัยจึงมารับไปไชยา อยู่ที่พุมเรียง และเข้าใจความรู้สึกของลูกศิษย์ว่า ตั้งใจอยากเรียนบาลี จึงนำหลวงพ่อซึ่งขณะนั้นเป็นสามเณรไปฝากไว้กับ “พระมหากลั่น ปิยทสฺสี” เพื่อเรียนบาลีศึกษาอยู่ที่พุมเรียง อำเภอไชยา จึงได้พบกับท่านพุทธทาส ท่านอยู่พุมเรียงและเป็นศิษย์ท่านมหากลั่นอยู่ก่อนแล้ว ขณะยังเป็น “พระมหาเงื่อม อินทปัญโญ” จึงนับได้ว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน พอเหตุการณ์ปกติ พลวงพ่อพริ้งก็มารับกลับกรุงเทพฯ แต่ก็ยังได้พบกันอยู่บ่อยครั้ง ท่านทั้งสองจึงมีความผูกพันกันตั้งแต่นั้นมา
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาสิทธิชัย สิทฺธิญาโณ
กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาสิทธิชัย สิทฺธิญาโณ
ในประวัติท่านอาจารย์พุทธทาสช่วงนี้ บันทึกไว้ว่า ในพรรษาที่ ๕ ของพระเงื่อม อินทปัญโญ ได้เข้าไปศึกษาปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง เข้าอยู่ที่วัดปทุมคงคา เพื่อศึกษาภาษาบาลี ซึ่งส่วนมากเรียนกับพระมหากลั่น ปิยทสฺสี ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกัน เป็นญาติกันด้วย (ต่อมาพระมหากลั่นกลับมาเปิดสอนบาลีที่วัดใหม่พุมเรียง และได้เป็นพระครูชยาภิวัฒน์ หลังจากท่านพุทธทาสภิกขุ ได้ก่อตั้งสวนโมกข์ขึ้นแล้ว) ซึ่งท่านสอนพิเศษให้ทุกคืน รวมกับพระภิกษุสามเณรอื่นอีก ๔ – ๕ รูป ปลายปี ๒๔๗๓ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค เป็นพระมหาเงื่อม อินฺทปญฺโญ
“ต่อมา ท่านพุทธทาสมีอาวุโสมากขึ้น ท่านก็มาหาที่วัดสระเกศฯ บอกอยากได้พระไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เพราะท่านแก่แล้ว แต่ขอเป็นพระวัดสระเกศฯ หลวงพ่อสมเด็จฯ บอกท่านไปว่า “ได้” แล้วท่านก็มีหนังสือมา หนังสือฉบับนั้น ท่านพุทธทาสเขียนด้วยลายมือท่านเอง ขอให้ท่านเจ้าคุณสังข์ไป เพราะเห็นว่าคุ้นเคยกับท่านพุทธทาสอยู่ก่อน เจ้าคุณสังข์ท่านก็ยอมไป และอยู่มาจนกระทั่งท่านมรณภาพ ”
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ปัจจุบัน พระอาจารย์เทอด ญาณวชิโร เดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านเจ้าคุณพระราชสุธรรมเมธี (สังข์ ภูริปญฺโญ , ปธ.๙) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ท่านเล่าให้ฟังย้อนไปในอดีตว่า เจ้าคุณพระราชสุธรรมเมธี เคยพำนักศึกษาพระปริยัติธรรม ณ สำนักวัดสระเกศ จนสำเร็จเปรียญธรรม ๙ ประโยค และได้ช่วยเหลืองานในสำนักเป็นเอนกประการ จนดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ต่อมา หลวงพ่อพุทธทาส ได้มีหนังสือมาขอตัวจากหลวงพ่อสมเด็จฯ เพื่อไปช่วยดูแลวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ซึ่งเจ้าคุณพระราชสุธรรมเมธีก็ยอมเสียสละไปตามที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ มีหนังสือส่งตัวไป และได้บริหารงานคณะสงฆ์ด้วยความเสียสละ จนได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสุราษฏร์ธานี นับเป็นเกียรติ และนำความภาคภูมิใจมาสู่สำนักวัดสระเกศ เป็นอย่างยิ่ง
ภาพถ่ายโดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
หลวงพ่อสมเด็จฯ เล่าว่า ตอนนั้นหลวงพ่อพุทธทาสมีหนังสือ มาขอเจ้าคุณสังข์ เห็นว่า ทางวัดสระเกศยังเงียบๆ อยู่ ท่านก็ตามมาถึงวัด คงเกรงว่า จะไม่ให้เจ้าคุณสังข์ไป หลวงพ่อสมเด็จก็บอกว่าให้ไป หลวงพ่อพุทธทาสก็บอกว่า ให้ตอบหนังสือด้วย จะได้มีหลักฐานไปยืนยันกับเจ้าคุณสังข์ หลวงพ่อสมเด็จก็จึงตอบหนังสือไป
(กราบขอบพระคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ )
จากนั้น พอเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านเจ้าคุณพระราชสุธรรมเมธี (สังข์ ภูริปญฺโญ , ปธ.๙) คณะสงฆ์วัดสระเกศ ได้เดินทางไปเยี่ยมวัดพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อพริ้งนำเจ้าประคุณสมเด็จฯ ขณะเป็นสามเณร หลบภัยการทิ้งระเบิดช่วงสงคราม ออกจากกรุงเทพฯ มาพำนักเรียนภาษาบาลีอยู่กับอาจารย์มหากลั่น ปิยทัสสี
เป็นเหตุให้หลวงพ่อสมเด็จได้พบกับหลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์มหากลั่น ที่วัดพุมเรียงแห่งนี้ เพราะความเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์จึงทำให้ท่านทั้งสองมีความผูกพันกันสืบมา แม้ช่วงที่หลวงพ่อพุทธทาสอาพาธ หลวงพ่อสมเด็จก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง”
และอัฐิของท่านอาจารย์พุทธทาสทั้ง หมด สวนโมกขพลาราม สุราษฎร์ธานี
: กราบขอบพระคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาสิทธิชัย สิทฺธิญาโณ