ความเป็นที่รัก

โดย พระพิทยา ฐานิสสโร 

หนุ่มวิศวกรก่อสร้างชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย ๔๐ ปีต้นๆ แต่งงานกับหญิงไทยเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้มีลูกสาววัยน่ารักด้วยกันสองคน อายุ ๒ ขวบและ ๔ ขวบ เพิ่งเดินทางกลับจากไปเยี่ยมบ้านเกิดของภรรยาที่เมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากกลับมาที่สวิตเซอร์แลนด์ได้ ๓ วัน เช้าวันนั้นภรรยาตื่นขึ้นมาทำภารกิจภายในบ้าน โดยมิได้สนใจสามี คิดว่าเขาคงต้องการนอน เมื่อทำสิ่งต่างๆ เสร็จ แต่เห็นสามีนอนหลับนานผิดปรกติ สังเกตดูอีกทีแขนสามีเป็นสีม่วงจับที่ตัวสามีปรากฎว่าสามีได้เสียชีวิตแล้ว

เรื่องราวต่างๆ มากมายที่สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตอย่างไม่คาดหวังทั้งในด้านดีและด้านไม่ดี เราส่วนใหญ่มิเคยได้เตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าในด้านใดๆ ดังนั้นเมื่อเกิดสิ่งที่ดีในชีวิตก็หลงเพลิดเพลินดีใจ ภูมิใจ ตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์และเมื่อเกิดเหตุการณ์ เรื่องราวในสิ่งไม่ดีเกี่ยวข้องกับชีวิตตนก็จะเกิดความเครียด กลุ้มใจ ตกใจ เศร้าใจ ทุกข์ใจยากที่จะควบคุมมากเช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่ความทุกข์จะจำฝังลึกและยากจะเยียวยานานยิ่งกว่าความสุขหลายเท่า

วันสุดท้ายแห่งพิธีอำลาให้กับหนุ่มวิศวกรก่อสร้างได้จัดขึ้นที่หอประชุมโรงเรียนที่เมืองเบรียนซ์ (Brienz) ซึ่งเมื่อมีใครเสียชีวิตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ส่วนใหญ่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการจัดงานศพใดๆ ในวันที่เผาก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เมื่อทำการเผาเสร็จญาติครอบครัว ผู้ที่เกี่ยวข้องจะมารับอัฐิ และอาจมีพิธีอำลาที่เชิญเพื่อน ญาติมาร่วมงานเพียงครั้งเดียวครั้งสุดท้ายสำหรับผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนั้นเป็นสิ่งพิเศษอีกวันที่ผู้มาร่วมงานประมาณ ๔๐๐ คน ทั้งที่นั่ง ยืนรอบภายในหอประชุมเป็นครั้งแรกที่เห็นผู้มาร่วมงานพิธีอำลาในต่างประเทศมากมายขนาดนี้และที่สำคัญวันนั้นก็เป็นวัน เวลาที่ต้องทำงานปรกติ

การที่ใครสักคนเมื่อเกิดมาแล้ว สามารถเป็นที่รักของคนหมู่มาก สิ่งสำคัญที่ต้องมีอยู่ในตัวบุคคลนั้น คือ การมีความสุข เบิกบานที่ได้เป็นผู้ให้ มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือเผื่อแผ่ มีความอดทน เจียมตัว ฯลฯ

เพราะเมื่ออยู่ใกล้กับใคร มีโอกาสทำสิ่งใดร่วมกันความสุขจากความอ่อนน้อมถ่อมตนในตัวเขาเองจะสามารถหยิบยื่น แบ่งปันให้คนรอบข้างได้ง่าย ซึ่งพลังงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกๆ สังคมต้องการ แต่อาจมีน้อยลงๆ มากขึ้นในทุกๆ สังคม

ในวันพิธีอำลานั้นเด็กน้อยสองคนที่เป็นลูกสาวได้วิ่งเล่นไปมาในขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนกำลังร้องไห้ โดยเฉพาะคุณแม่ของพวกเธอ ความไม่รู้ ไม่เข้าใจหลายครั้งเป็นสิ่งดีสำหรับเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด  เพียงแค่เพราะเมื่อไม่รู้ เขาไม่ทุกข์ แต่จิตใจของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนให้รู้จักการปล่อยวางมักจะอยากรู้ไปทุกเรื่อง แม้ว่าเมื่อรู้แล้วต้องเป็นทุกข์ แต่ไม่เคยสามารถหยุดที่จะไม่รู้ได้ เหมือนคนที่ติดยาเสพติด เขารู้ว่ามันไม่ดี แต่เขาก็หยุดเสพไม่ได้ สุดท้ายทำร้ายตัวเอง จนกระทั่งทำลายชีวิตตัวเอง

การรู้เข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริงเป็นสิ่งดีที่สุด และควรพากเพียรสั่งสม กระทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อเราเข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริง ในความไม่แน่นอนในทุกเรื่องราวแห่งชีวิต การเกิดขึ้น การอยู่ ดับไปของทุกสรรพสิ่ง การไม่มีตัวตน ของตนที่จริงแท้แน่นอน ทุกอย่างล้วนสมมติ การฝึกจิตใจให้เป็นอิสระด้วยตัวเอง ไปนำจิตใจไปพึ่งสิ่งใดๆ บนโลกนี้ เพราะเมื่อใดที่จิตใจไปยึดติด หลงใหลสิ่งใด อิสรภาพของจิตใจก็จะหมดไปในทันที แม้สิ่งเหล่านั้นที่ถูกสมมติว่าดีอยู่ก็ตาม ถ้ายึดติดก็คือทุกข์

เมื่อเราเข้าใจชัดเจนในเรื่องความไม่แน่นอนแห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การแก่ สุดท้ายความตาย ซึ่งความตายก็คงเป็นเพียงสิ่งสมมติ ตราบใดที่จิตดวงนั้นยังมีความอยาก เพราะความอยากเป็นพลังที่นำไปเกิดอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ไร้ซึ่งผู้อยาก ไร้ซึ่งผู้เกิด เพราะไม่มีสิ่งใดที่ต้องทำให้เกิดได้อีกต่อไป

ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

การที่เราฝึกฝนตนเองให้รับประทานแต่พอดี  รับประทานแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ที่ได้มาโดยตรงจากธรรมชาติมากที่สุด มิใช่จากกระบวนการแห่งการปรุงแต่ง ด้วยสารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ที่เก็บรักษาได้เป็นเวลานาน และรับประทานไม่ใช่เพียงเพราะความหลงติด เพลิดเพลิน อร่อย สวยงาม ประณีต สิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่า เราเริ่มรักตนเอง กตัญญูกตเวทีต่อชีวิตที่ได้มา สิ่งที่รับประทานเข้าไปอาจเปรียบเสมือน ยาแห่งชีวิต และอาจเป็นการป้องกันความเจ็บป่วยได้ดีที่สุด แต่เมื่อเราได้ทำดีที่สุดแล้ว และยังคงเจ็บป่วยอยู่สิ่งดีที่สุด ยอมรับ รักษาไปตามอาการ ตามกำลังด้วยความปล่อยวาง ถึงแม้อาจไม่หายจากความเจ็บป่วยก็ไม่ได้หมายความว่า จิตใจต้องทรมาน  เมื่อจิตวางได้ ก็สงบได้

ความเจ็บป่วย ความแก่ ความตาย มิได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างที่คิด เมื่อจิตใจพร้อมยอมรับในความเป็นธรรมชาติของชีวิตของสรรพสิ่ง สาเหตุหลักที่ทำให้ทุกข์มาก เพราะเรามัวดำเนินชีวิตอย่างหลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริงของธรรมชาติ เราหลงภูมิใจว่าเราสามารถควบคุมได้ จากเทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นโดยมนุษย์ด้วยความไม่รู้ กลับสมมติว่าคือ ปัญญา และยิ่งทำให้ไม่รู้มากกว่าเดิม เพราะห่างไกลจากความเข้าใจความธรรมชาติมากขึ้นๆ ทำให้ความทุกข์ยิ่งเพิ่มทวีคูณทั้งความเจ็บปวด ระยะเวลาเพราะไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สามารถควบคุมได้แท้จริง

ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ความทุกข์ เศร้าโศก เสียใจเป็นเรื่องธรรมดาของการพลัดพรากจากสิ่งจากบุคคลที่ตนรัก ที่หลง ถ้าไม่รัก ไม่หลง ก็ไม่ทุกข์ ไม่เศร้า แม้ต้องจาก ต้องพลัดพราก นี้คือความจริง ถ้าเรายังไม่สามารถยับยั้งไม่ให้เศร้าได้ ก็จงรับรู้ความรู้สึกให้เต็มที่ แล้วลุกขึ้นให้เร็วที่สุด เดินหน้ากับชีวิตให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เรากำลังทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้าง อย่างไม่ตั้งใจ แต่มันได้เป็นไปแล้ว คนจากไปที่รักเรา คงไม่ต้องการให้เราเป็นเช่นนี้แน่นอน เชื้อเชิญเขาหรือเธอ ให้มาประทับในใจเรา ทำหน้าที่แทนเขา แปรเปลี่ยนสิ่งที่เขาเคยทำไม่ดี สิ่งที่เขาทำดีรักษาและทำให้ดียิ่งขึ้น สิ่งนี้จึงได้ชื่อว่า กำลังแสดงความรักต่อเขาอย่างแท้จริง เพราะเขาไม่เคยตายจากใจและเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำชีวิตเราให้ดีขึ้น ดังนั้นจงดีต่อกันขณะที่ยังหายใจ และอย่ารอ

ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ความเป็นที่รัก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

เวลาถัดไปไม่มีจริง เวลานี้ เดี๋ยวนี้เท่านั้น ที่เป็นจริง

ดำรงอยู่ ณ ขณะนี้อย่างแท้จริง

แล้วชีวิตจะรู้ว่ากำลังมีชีวิต

ไร้อนาคต ไร้อดีต คือ กำลังมีชีวิต

ะหว่างทาง พระพิทยา ฐานิสสโร

พระพิทยา ฐานิสสโร พระผู้รักการเดินทาง ท่องโลกข้างนอก เรียนรู้ข้างใน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here