กว่าจะเป็นหลักสูตรสื่อธรรมให้ถึงโลก (ตอนจบ)
“โลกสวยด้วยธรรม”
โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.
ด้วยความกตัญญูที่จะตอบแทนพระพุทธศาสนาที่ได้ให้ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนศึกษาจนจบ ณ ขณะนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งมาจากการได้เห็นปฏิปทาของพระเถรานุเถระท่านทุ่มเทให้กับการรักษาพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและเป้าหมายในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา คือ ๑. เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวนาน ๒. เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในไทยและทั่วโลก และ ๓. เพื่อสร้างความสงบสุขและมอบมรดกธรรมให้แก่ชาวโลกเท่าที่จะทำได้
ในระหว่างที่ทำงานเผยแผ่ซึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ โดยให้เขามีเครื่องมือจากพระพุทธเจ้าในการออกจากทุกข์ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เมื่อพบเจอปัญหาและอุปสรรค (คิดไม่ออก, โดนวิจารณ์, ท้อแท้) ผู้เขียนจะทำ ๓ อย่างคือ
ก. ชมตัวเอง หรือมองโลกให้สวยไว้ หาคำคมๆ มาให้กำลังใจตัวเองก็ได้ เช่นว่า “คนที่ไม่ถูกตำหนิ คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย” หรือว่า “มองทางโลกให้มองต่ำ (คือมองว่ายังมีคนที่อาจจะเจอมาหนักกว่าเรา) มองทางธรรมให้มองสูง (คือถ้าเราผ่านไปได้เราจะเก่งขึ้น ดีขึ้น)”
ข. นั่งพักและทบทวน เพราะการเจอปัญหาแล้วท้อแท้นั้นดีกว่าการประสบความสำเร็จแล้วลืมตัว ถ้าเจอปัญหาแล้วไม่อยากทำต่อ หรือโดนต่อว่าอย่างรุนแรงจนท้อแท้นั้น อาจเป็นเรื่องที่ชวนให้เราคิดมากขึ้น มีเวลาทบทวนมากขึ้น และที่สำคัญมีเวลาได้เห็นว่าตนเองยังต้องพัฒนาอีก
ค. ขอบคุณอุปสรรค คนที่มีอุปสรรควางขวางอยู่ทำให้เห็นคุณค่าของมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่จำเป็นต้องมีความพยายาม ไม่ใช่คนตายหรือคนที่หมดหวังแล้วที่ไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรทั้งสิ้น
อยากจะบอกกับทุกคนว่า พระพุทธศาสนาคือวิถีชีวิตที่ผ่านการทดสอบทดลองมาหลายยุคหลายสมัยแล้วว่าสร้างความสุขสงบให้เกิดขึ้นได้ ธรรมะเป็นอกาลิโก เหนือกาลเวลา เพียงแต่วิถีชีวิตในบวรพระพุทธศาสนานี้ถูกมองในยุคปัจจุบันว่าเป็นเพียงอุดมคติ ไม่ได้อยู่บนฐานของความเป็นจริงที่แต่ละคนต้องดิ้นรนทำมาหากินจนลืมศีลธรรมอันดีงามไปจนหมดสิ้น และที่สำคัญลืมว่าถ้าเราทุกคนต่างดิ้นรนกอบโกยกันจนไม่ลืมหูลืมตา โลกใบนี้คงไม่มีพอสำหรับทุกคนได้กินใช้กันเป็นแน่
เราจึงมองพระพุทธศาสนาว่าเป็นเครื่องรักษาโลกไว้ รักษาชีวิตไว้ให้ยืนยาวต่อไปได้ ยิ่งตอนที่ไม่มีใครพูดถึงศีลธรรมอีกแล้ว อาจเป็นยุคที่น่ากลัวเกินบรรยาย ยิ่งเห็นการสื่อสารที่ปฏิบัติธรรมะแล้วยิ่งทำให้หวาดหวั่นยิ่งขึ้น แม้แต่เพจใน facebook ยังมีการตั้งว่า “ชาวพุทธต้องหยุดโลกสวย”
ที่จริงแล้ว เราต้องมองและหันกลับมามองโลกให้สวยต่างหาก เราจึงอยากปกป้อง อยากช่วยเหลือ อยากรัก และอยากมอบโอกาสที่เราเคยได้มากับคนอื่น เป็นธรรมะที่ก่อเกิดจากการมองด้านดีของสรรพสิ่ง และชวนให้ทุกคนหันมามองร่วมกัน นั่นจึงจะเป็นการสื่อสารธรรมะที่มั่นคงและยั่งยืน
กว่าจะเป็นหลักสูตรสื่อธรรมให้ถึงโลก (ตอนจบ) “โลกสวยด้วยธรรม” โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. จากคอลัมน์ ท่องเที่ยวโลกกะธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓ )