ขณะที่ใครๆ ก็ปวารณาเข้าพรรษา ตั้งสัจจะอธิษฐาน

ลดละเลิก ขัดเกลาตนตามสิ่งที่ตัวเองอยากจะเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

ณ ประเทศสกอตแลนด์ ยังมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้มีโอกาสแต่งงานในวัด

และพวกเขาก็ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานคู่ในวันเข้าพรรษาที่พระจัดให้ เช่นกัน

…มาดูกันว่า งานแต่งที่เกิดขึ้นในวัดจะเป็นอย่างไร

และคำอธิษฐานของพวกเขาเป็นเช่นใด  

จาริกธรรมสกอตแลนด์ ตอนที่ ๘

“งานมงคลสมรส ในวันเข้าพรรษา”

โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

If not you, then who? If not now, then when?
หากไม่ใช่คุณ…แล้วจะเป็นใคร หากไม่ใช่ตอนนี้…แล้วจะเป็นตอนไหน?

จากวลีของความรักด้านบนนี้จึงขอขยายความออกไปอีกว่า คุณ…คนที่คอยอยู่เคียงข้างในยามทุกข์และสุข    คุณ…คนที่คอยห่วงใย ให้กำลังใจ คุณ…คนที่เข้าใจ คุณ…คนที่ซื่อสัตย์และจริงใจ หากไม่ใช่คุณ..แล้วจะเป็นใคร?    คงไม่มีอะไรที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง งั้นก็ “แต่งงานกันนะ” ซึ่งอาตมาคิดว่ามันน่าจะเป็นความในใจของคู่บ่าวสาวที่จะกล่าวถึงในบทความนี้

           ส่วนอาตมานั้น “ใจหนึ่งก็ยินดีด้วย ได้เห็นคนรักกันแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา แต่อีกใจหนึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งสองผ่านกองทุกข์อันยิ่งใหญ่ข้างหน้าจากการใช้ชีวิตคู่ที่ต้องเจอ ก็ได้แต่หวังว่าโยมทั้งสองซึ่งเป็นคนคิดดี คงจะช่วยกันประคับประครองชีวิตคู่ เดินไปสู่ความสำเร็จ ความสุข ความร่มเย็น ด้วยความรัก และความดีที่ทั้งสองมีตลอดมา”

           เรื่องมีอยู่ว่าชายหญิงสองคนอายุน่าจะระหว่าง ๓๕-๔๐ ปี มาทำบุญถวายสังฆทานในวันเข้าพรรษาพอดี โดยโยมทั้ง ๒ บอกกับทางวัดว่ามาทำบุญในโอกาสงานมงคลสมรส ซึ่งอาตมากับพระอาจารย์ที่อยู่ด้วยกันก็เข้าใจว่าโยมจัดงานแต่งมาแล้ว แต่ถือโอกาสมาทำบุญในวันนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลของการเริ่มใช้ชีวิตคู่แต่แล้วความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่

           ก่อนจะได้ถวายภัตตาหารเพล ช่วงเวลา ๑๐.๓๐ – ๑๑.๐๐ น. ไหว้พระ รับศีล และสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของวัดธรรมปทีป จากนั้นโยมก็ได้ถวายสังฆทานตามที่ตั้งใจมาทำบุญในครั้งนี้ แต่ก่อนที่จะได้รับพรเป็นภาษาบาลี อาตมาได้กล่าวสัมโมทนียกถาเสร็จ และพระอาจารย์อีกรูปจึงได้เอ่ยถามโยมทั้งสองว่าโยมแต่งงานกันแล้วนะ โยมก็ตอบว่ายังไม่ได้แต่งครับ มาทำบุญวันนี้คือการแต่งงาน และก็มีเสียงดังขึ้นจากโยมที่มาร่วมทำบุญอีกคนว่า “งั้นเราจัดงานแต่งวันนี้ที่วัดเลย เพราะที่วัดมีทุกอย่างพร้อมหมด” ในช่วงนั้นใบหน้าของโยมทั้งสองยิ้มแย้ม อิ่มบุญ ดูมีความสุขมาก

           หลังจากนั้นโยมที่มาทำบุญรวมทั้งชายหญิงคู่นี้ได้ร่วมกันถวายภัตตาหารเพล โดยถือโอกาสให้โยมทั้งสองได้ตักบาตรพระสงฆ์ร่วมกัน เหมือนทำบุญในวันแต่งงานทั่วไปเลยก็ว่าได้ เมื่อพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จ โยมที่มาร่วมทำบุญก็ได้ร่วมกันรับประทานอาหารก่อนที่จะได้เริ่มพิธีมงคลสมรสของชายหญิงคู่นี้ โดยอาตมากับพระมหาทินกร วรญาโณ ประธานสงฆ์วัดธรรมปทีปได้จัดเตรียมสถานที่ตามเหตุปัจจัยที่มีอยู่จนเสร็จเรียบร้อย

           และพระมหาทินกร วรญาโณท่านมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับชายหญิงคู่นี้ จึงได้ทำให้พระถึงบางอ้อ ! คือ โยมทั้งสองเป็นคู่รักกันกำลังเรียนปริญญาเอกในสกอตแลนด์ และดูฤกษ์ว่าวันนี้เป็นวันดี เป็นวันมงคลเหมาะแก่การจัดงานมงคลสมรส โยมทั้งสองจึงมาทำบุญถวายสังฆทานในวันนี้ โดยถือเอาว่า “การมาทำบุญถวายสังฆทานในวันเข้าพรรษา คือ งานแต่งของเรา” ก่อนจะเข้าสู่พิธีมงคลสมรสโยมก็ได้โทรศัพท์กลับไปที่เมืองไทยหาคุณพ่อกับคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายให้ทราบอีกด้วย

เมื่อเริ่มเข้าสู้พิธีมงคลสมรสโดยอาตมาเป็นพิธีกร เริ่มจากคู่บ่าวสาวรวมทั้งผู้ที่มาทำบุญที่วัดในวันนั้นถือเป็นแขกรับเชิญร่วมงานแต่งได้ไหว้พระสวดมนต์ร่วมกัน พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พระมหาทินกร วรญาโณได้เมตตาเจิมหน้าฝาก ผูกแขนให้คู่บ่าวสาว สวมมงคลแฝด พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์อวยพรให้คู่บ่าวสาวเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ และผู้ร่วมงานทุกท่านก็ได้หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ (รดน้ำสังข์) อวยพรให้คู่บ่าวสาว

           และช่วงสำคัญอีกช่วงหนึ่งคือคู่บ่าวสาวได้กล่าวความรู้สึกต่อกัน โดยเริ่มจากฝ่ายเจ้าสาวกล่าวคนแรกอาตมาจำได้ประโยคหนึ่งว่า you bring out the best in me คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เข้ามาในชีวิตของฉัน” และตามด้วยฝ่ายชายกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ และไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นดีใจมาก” พร้อมพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่า  I love you ฉันรักคุณ”  

         และท้ายสุดพระมหาทินกร วรญาโณ ได้ให้โอวาทธรรม เป็นคติธรรมในการดำเนินชีวิตคู่ พอเสร็จพิธีคนที่มาร่วมงานก็ได้มอบเงินให้กับคู่บ่าวสาวเพื่อเป็นการผูกขวัญ ให้กำลังใจ แก่คู่บ่าวสาวโดยไม่ได้นัดหมายกันมาเลย และช่วงดำเนินการต่าง ๆ คู่บ่าวสาวจับมือกันไว้อย่างแน่นตลอดพร้อมหันหน้ามายิ้มให้กันเป็นระยะ ๆ ซึ่งบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตาที่ปีติ อบอุ่น เป็นบรรยากาศงานแต่งที่อิ่มบุญจริง ๆ ก็ว่าได้

           ข้อสังเกตอย่างหนึ่งในงานแต่งครั้งนี้เป็นธรรมะจัดสรรมาก ๆ เพราะปกติวันจันทร์-วันศุกร์ แม้จะเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะไม่มีคนมาถวายภัตตาหารเพล หรือมีก็คนสองคนเท่านั้น เพราะเป็นวันทำงานของคนที่นี้ อย่างวัดธรรมปทีป ก็จัดทำบุญวันเข้าพรรษา และวันอาสาฬบูชา ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒ เพราะเป็นวันหยุดงาน และที่นี่วันอาทิตย์ถือว่าเป็นวันครอบครัว คนไทยก็จะถือโอกาสมาทำบุญที่วัดเป็นประจำ แต่ในวันนั้นตรงกับวันพุธมีคนมาวัดค่อนข้างเยอะกว่าปกติ และมีแต่ผู้สูงวัยเหมือนมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ให้คู่บ่าวสาวเลยก็ว่าได้  ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้จึงมีมุมมองต่าง ๆ ดังนี้

           หนึ่ง การจัดงานมงคลสมรสที่ประหยัด ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจัดงานแต่งไม่น้อยเลย ยิ่งสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจุบันไม่ต้องพูดถึงเลย การมาจัดงานแต่งที่วัดก็สามารถจัดได้และประหยัดด้วย

           สอง อาศัยความดีงามเชื่อมความรัก ทำบุญ หรือทำความดีร่วมกัน เพราะความดีหรือบุญกุศลที่ร่วมกันทำจะเป็นกาวใจ หรือสายสัมพันธ์เชื่อมความรักให้มั่นคง คู่บ่าวสาวคู่นี้ได้ใช้ทางธรรมนำชีวิตคู่

           สาม บริหารจัดการชีวิตความรักได้ดีมาก เพราะต่างคนก็มาศึกษาปริญญาเอกอยู่ในต่างแดนทั้งคู่ ถ้าจะจัดงานแต่งคงไม่สะดวก หรือเหตุปัจจัยไม่เอื้อแน่นอน แต่ได้ชวนกันมาทำบุญที่วัดถือเอาเป็นงานแต่งของเรา

           สี่ ความรัก ความสำเร็จ ควบคู่ขนานกันไป หลายคนเลือกที่จะเรียน หรือทำงานให้ประสบผลสำเร็จแล้วถึงจะมีความรัก แต่บ่าวสาวคู่นี้สามารถบริหารจัดการทั้งความรักและหน้าที่การงานคู่ขนากันไปได้อย่างลงตัว     

           เมื่อทุกท่านอ่านมาถึงตอนนี้แล้ว หลายคนคงจะอดสงสัยไม่ได้ว่าบ่าวสาวคู่นี้พบรักกันที่ไหน อย่างไร รักกันมาตั้งแต่ไทย หรือว่ามาพบรักในช่วงระหว่างมาเรียน อาตมาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารักกันตั้งแต่ตอนไหน ถึงได้มาแต่งงานกันได้ ถ้ามุมมองในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงเหตุแห่งการเกิดความรักไว้ว่า “ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปปันนะหิเตนะ วา เอวันตัง ชาตะเต เปมัง อุปปะสังวะ ยะโถทะเก” เหตุแห่งการเกิดความรัก จึงมี ๒ ประการ ดังนี้

           ๑. ปุพเพสันนิวาส กล่าวคือ เป็นความรักที่คู่นั้นเคยทำกรรมดีร่วมกันมา หรือช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งและกันมาตั้งแต่อดีตคือตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาจนถึงอดีตชาติ เมื่อมาเจอกันก็รู้สึกดี คุ้นเคย ถูกชะตา และปักใจรัก พึ่งรู้จักกันก็เสมือนรู้กันมาเป็นสิบ ๆ ปี

           ๒. ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน กล่าวคือ เป็นคู่รักที่ไม่เคยทำกรรมดีร่วมกันในอดีต แต่เป็นคู่รักของคนที่ทำกรรมดีร่วมกันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งและกัน ตลอดถึงการคบหาดูใจ เรียนรู้กัน จนทำให้เกิดความรัก ความเข้าใจ นำไปสู่รักแท้ในที่สุด

           ทั้งนี้ ในเรื่องเหตุแห่งความรักนี้ ได้มีนักปราชญ์ท่านประพันธ์เป็นคำกลอนไว้อย่างลึกซึ้งว่า

เหตุแห่งรัก ท่านชี้ ว่ามีสอง

คือเคยครอง ปองรัก สมัครสมาน

โดยบุพเพ นิยม มานมนาน

พอได้พาน พบพักตร์ รักปักใจ

ปัจจุบัน หมั่นเกื้อ เอื้อเฟื้อพร้อม

รักก็ย่อม เกิดมา อย่าสงสัย

เปรียบอุบล ต่อกอ ลออใบ

ได้อาศัย ตมน้ำ งอกงามเอย”

           อย่างไรก็ตาม เรื่องความรักคู่บุญในสกอตแลนด์คู่นี้ ยังไม่ถึงบทสรุปมีภาคสองต่อในจาริกธรรมสกอต แลนด์ ตอนที่ ๙ โดยเฉพาะคนที่อยากรู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เป็นคู่กันทั้งชาตินี้และชาติหน้า ที่สำคัญในชาติปัจจุบันจะทำอย่างไรให้การครองคู่มีความสุขและยืนยาว เพราะการตามหารักแท้ก็ว่ายากแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่าคือจะประคองคู่ไปให้ตลอดรอดฝั่งได้อย่างไรยิ่งยากกว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด ติดตามได้ในตอนต่อไป

           ป.ล. ภาพที่เห็นเป็นเพียงภาพฉากในวันงานเท่านั้น ไม่สามารถนำภาพบรรยากาศ หรือภาพของบ่าวสาวมาลงได้ เพราะอาตมาลืมขออนุญาตคู่บ่าวสาวไว้ จึงไม่สามารถนำภาพมาลงได้ เพราะที่นี้จะเคารพเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเป็นอย่างมาก จะเที่ยวไปเอารูปใคร หรือถ่ายรูปใครโดยเขาไม่อนุญาต มาเผยแผ่ในที่สาธารณะเป็นเรื่องคอคาดบาดตายเลย

คอลัมน์ เขียนธรรมสื่อถึงโลก โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

หน้าธรรมวิจัย นสพ. คมชัดลึก วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒

จาริกธรรมสกอตแลนด์ ตอนที่ ๘ “งานมงคลสมรส ในวันเข้าพรรษา”

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here