วันนี้วันพระ วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/05/DSC03624-683x1024-1.jpg)
ศึกษาเรียนรู้ปฏิปทาพระเถระในยุคกึ่งพุทธกาล
พระผู้ปิดทองหลังพระ
พระผู้ต่อลมหายใจให้กับพระพุทธศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับสองบทนี้ ย้อนเวลาในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่สอง กับความตั้งใจมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของสามเณรเกี่ยว ที่จะศึกษาพระปริยัติธรรมที่่วัดสระเกศฯ ด้วยความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อพริ้งที่เมตตาท่านประดุจบิดากับบุตร ในช่วงเวลาสงคราม ต้องขึ้นล่อง กรุงเทพฯ -เกาะสมุย และในระหว่างการเดินทางก็ได้รับความกรุณาของพระครูศีลวิมล เจ้าอาวาสวัดเขาโบสถ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในขณะนั้น ทำให้ท่านไม่เคยลืมพระคุณตลอดชีวิตของท่าน
วิถีแห่งผู้นำ : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
๑๖.ปีที่สองแห่งการเรียนรู้ในเมืองใหญ่ ๑๗. วัดเขาโบสถ์ จุดพักยามภัยสงคราม
เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
![สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) : กราบขอบพระคุณ ภาพจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/04/373183DD-7FD7-45AC-91B0-5392A44264E5-2-718x1024.jpg)
: กราบขอบพระคุณ ภาพจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
๑๖. ปีที่สองแห่งการเรียนรู้ในเมืองใหญ่
ย่างเข้าปีที่ ๒ ของการบวชเณรนั่นเอง สามเณรเกี่ยวก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับหลวงพ่อพริ้งผู้เป็นอาจารย์ โดยเดินทางมากับเรือโดยสารรับส่งสินค้าเข้ากรุงเทพฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
ในขณะนั้น กรุงเทพมหานครตกเป็นเป้าโจมตีจากกองทัพพันธมิตร เป็นผลมาจากกองทัพญี่ปุ่นบุกประเทศไทย ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกตามแนวชายฝั่งทะเลหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นสงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี อ้างว่า เพื่อขอใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางเดินทัพผ่านเข้าไปพม่า จึงเกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารพันธมิตรกับทหารญี่ปุ่น สถานการณ์โดยทั่วไปในขณะนั้นไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ
แม้สามเณรเกี่ยว โชคชัยมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ไม่หวาดหวั่นต่อข่าวคราวการทิ้งระเบิดจมเรือเดินสมุทรของกองทัพพันธมิตร สู้อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่กรุงเทพ ก็เพื่อหวังจะศึกษาพระปริยัติ แต่ก็มีเหตุให้การศึกษาเล่าเรียนต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากช่วงนั้นกรุงเทพมหานครตกเป็นเป้าทิ้งระเบิดโจมตีอย่างรุนแรงหลายจุดไม่เว้นแม้กระทั่งองค์บรมบรรพต (ภูเขาทอง) ก็ถูกเป็นเป้าทิ้งระเบิดโจมตีด้วย
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/04/S__2850883-1024x377.jpg)
ภูเขาทองสมัยนั้น นอกจากจะเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงสิ่งเดียวที่มีความสูงใหญ่สามารถมองเห็นได้ง่ายแล้ว ทางการยังได้นำปืนใหญ่ขึ้นมาตั้งบนภูเขาทองอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ภูเขาทอง ภูเขาทองจึงตกเป็นเป้าให้ทหารพันธมิตรทิ้งระเบิดโจมตีเป็นประจำ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/05/img014-1024x724.jpg)
เมื่อหลวงพ่อพริ้งฝากสามเณรให้ศึกษาพระปริยัติอยู่ที่วัดสระเกศฯ แล้ว โดยอยู่ในความดูแลของอาจารย์มหาเกตุ ท่านก็กลับเกาะสมุย อยู่ได้ไม่นานก็ทราบข่าวการสู้รบกันในกรุงเทพมหานคร ระหว่างทหารญี่ปุ่นกับกองทัพพันธมิตร
![พระครูอรุณกิจโกศล (หลวงพ่อพริ้ง)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/04/91E099AF-D920-4C52-B54E-896EF7649225-391x1024.jpg)
ความผูกพันระหว่างหลวงพ่อพริ้งกับสามเณรเกี่ยวนั้นไม่ต่างอะไรจากบิดากับบุตร เมื่อทราบข่าวการสู้รบกันในกรุงเทพ ท่านเกิดความเป็นห่วงสามเณรเกี่ยวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ปรึกษากับโยมบิดาของสามเณรเกี่ยว และได้เดินทางเข้ากรุงเทพ อีกครั้ง เพื่อรับลูกศิษย์กลับสุราษฎร์ธานีให้รอดพ้นจากภัยสงคราม
แม้ในห้วงเวลานั้นการเดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี จะไม่สะดวกอย่างปัจจุบัน ยิ่งเป็นห้วงเวลาที่อยู่ในภาวะสงคราม ก็ยิ่งลำบากมากขึ้น แต่ท่านก็ไม่คำนึง
เจ้าประคุณสมเด็จเล่าว่า “ ตอนนั้น ทหารม้าก็เอาม้ามาเลี้ยงที่ลานวิหารหลวงพ่ออัฏฐารส มีการขนปืนใหญ่ขึ้นภูเขาทอง พระเณรไม่เคยเห็นก็ไปมุงดูกัน พอสู้กันมากเข้า ดูจะไม่ปลอดภัยพระเณรในวัดสระเกศจึงออกไปอยู่ตามชานเมือง หลวงพ่อพริ้งท่านพากลับทางเรือ เพราะเห็นว่า ทางรถไฟไม่ปลอดภัย ถูกทิ้งระเบิดเสียหายหลายแห่ง แต่พอเดินทางกลับทางเรือได้ไม่นาน ก็ว่าทางเรือไม่ปลอดภัยอีกแล้ว เขาจะทิ้งระเบิดทางเรือ เพราะเห็นว่า ฝ่ายญี่ปุ่นขนทหารขึ้นฝั่งทางเรือ ทหารพันธมิตรก็ทิ้งระเบิดเรือทุกลำที่เห็นว่า จะเป็นพวกของทหารญี่ปุ่น หลวงพ่อพริ้งจึงต้องเปลี่ยนจากเรือพากลับทางรถ”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/05/20708183_10207239342341966_9192998627004867932_n.jpg)
“ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบกนั้น ทหารญี่ปุ่นได้มาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยนานมาแล้ว ทำอาชีพต่างๆ เหมือนคนปกติทั่วไปบางคนก็มีครอบครัว มีลูกมีเมียเป็นคนไทย มีญี่ปุ่นคนหนึ่งเป็นหมอฟัน ได้เมียเป็นคนไทย มีลูกด้วยกัน เมียคนไทยคงอยากให้บวช จึงได้มาขอบวชพระกับสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ทรงบวชพระให้ อยู่ต่อมา พอญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก จึงได้รู้ว่า เป็นทารญี่ปุ่น มียศถึงนายพัน ตอนเขาตาย สมเด็จพระสังฆราชทรงให้เอากระดูกไปไว้ที่ระเบียงโบสถ์ ”
![สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) และ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/04/1A3AA3CF-6DB5-454D-9B21-C8F8B3E2012E-924x1024.jpg)
๑๗. วัดเขาโบสถ์ จุดพักยามภัยสงคราม
หลวงพ่อพริ้งนำสามเณรเกี่ยวเดินทางกลับทางเรือด้วยความยากลำบาก เพราะทางรถไฟไม่ปลอดภัยเนื่องจากเป็นเป้าทิ้งระเบิด พอทหารพันธมิตรหันมาทิ้งระเบิดเรือทหารญี่ปุ่น ก็ต้องเปลี่ยนมาเดินทางโดยรถ เพราะเกรงว่า ทางเรือจะไม่ปลอดภัย ครั้นสว่างก็ขึ้นพักที่บางสะพาน เจ้าอาวาสที่วัดเขาโบสถ์เห็นมีสามเณรน้อยติดตามอาจารย์มาด้วย คงนึกสงสารจึงให้โยมชีต้มข้าวให้ฉัน พอสายก็ออกเดินทางต่อ โยมวัดเขาโบสถ์จึงมีความเกี่ยวเนื่องกันสืบมา
วัดเขาโบสถ์ ปัจจุบัน เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่เลขที่ ๒๗๔ หมู่ที่ ๑ ตำบลกำเนิดนพคุณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามประวัติระบุว่า สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ในเมือง ไม่ปรากฏหลักฐานผู้สร้าง มีพระครูอินทร์หรือหลวงปู่อินทร์เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และมรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ชาวบ้านบางสะพานได้นิมนต์พระท้วม ธมฺมสโร จากวัดทุ่งมะพร้าว อำเภอบางสะพานมาเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ก่อสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญ ตลอดจนเสนาสนะต่างๆ มากมาย จนวัดเป็นหลักฐานมั่นคง ต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกที่พระครูศีลวิมลและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบางสะพาน ท่านมรณภาพลงเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗
(ข้อสังเกต ดูตาม พ.ศ. พระครูศีลวิมล น่าจะเป็นรูปที่เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ พบขณะเป็นสามเณรหลบหนีสงคราม และให้แม่ชีต้มข้าวต้มถวายสามเณรเกี่ยว )
ชาวบางสะพานได้นิมนต์พระมหาบุญเตือน สิริธมฺโม ป.ธ.๖ วัดคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาปกครองวัด ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกที่ “ พระครูศรีวรคุณารักษ์ ” และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบางสะพาน ท่านได้สร้างเสนาสนะ ถาวรวัตถุเพิ่มเติม สร้างวิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาท สร้างอาคารเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี วิหารศีลวิมลอนุสรณ์ หอระฆัง สร้างอาคารปฏิบัติธรรม และได้พัฒนาวัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จนได้รับคัดเลือกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ และยังได้รับคัดเลือกจากรมการศาสนาให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ อีกด้วย ต่อมา ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ตามลำดับ จนเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ “ พระราชสิทธิญาณ ”
วัดเขาโบสถ์ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระอารามหลวงในปี พ.ศ. ๒๕๓๗
เจ้าประคุณสมเด็จฯ มีกตัญญูต่อสถานที่ ด้วยอนุสรณ์ถึงบุญคุณที่ได้พักพิงยามหนีภัยสงครามเมื่อครั้งเป็นสามเณร ต่อมา เมื่อเจริญก้าวหน้าในพระศาสนา เจ้าประคุณสมเด็จก็ส่งเสริมวัดเขาโบสถ์เสมอมา
![พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง) และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2021/12/1299370B-912B-423C-B255-397A48D041A9-2-1024x952.jpg)