“มาตาปิตุอุปัฏฐานัง เพราะการเลี้ยงดูมารดาบิดาเป็นมงคลอันสูงสุด”
รำลึกวันวาน มโนปณิธาน พระอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) จึงกลับมา นอกจากจะเป็นกำลังใจในชีวิตของผู้เขียนที่ตั้งใจทดแทนพระคุณคุณแม่ และพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านแล้ว ยังตั้งใจบูชาปฏิปทาท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอดในครั้งนั้นเป็นสำคัญ เพราะความเพียรในการปฏิบัติของท่านอย่างอุกฤษฎ์ การเป็นพระสุปฏิปันโนของท่านที่มีความเมตตาต่อทุกผู้คนอย่างไม่มีประมาณ ผู้เขียนจึงขอท่านถ่ายทอดอัตชีวประวัติของท่าน หลังจากที่ท่านเมตตาเขียนบทความเรื่อง “ความเป็นมาของพระอภิธรรม ” เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่๙ หลังจากเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ให้กับนิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ๒๔ ตอน ที่ผู้เขียนทำงานอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่นิตยสารจะปิดตัวลงในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๐
เพื่ออธิบายความรูํเกี่ยวกับ “ความเป็นมาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า เสด็จไปบนสวรรค์เพื่อโปรดพุทธมารดาอย่างงดงามตามธรรมจนพุทธมารดาบรรลุธรรมในที่สุด
และเพื่อเป็นพลังและกำลังใจแก่ผู้ที่ตั้งใจจะก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ตามรอยพระพุทธเจ้าอย่างเป็นลำดับๆ ของเส้นทางการปฏิบัติตั้งแต่รักษาศีล เจริญจิตภาวนา ในปัจจุบันขณะ ให้การเรียนรู้สังเกตสภาวะที่เกิดขึ้นภายใจกายใจตนเองตามความเป็นจริงโดยไม่เอาความคิดเข้าไปแทรกแซง แล้วเราจะเห็นสภาวะทั้งหลาย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา ทั้งหมดนี้ที่ผู้เขียนเรียนรู้มา จึงเป็นที่มาของการน้อมจิตด้วยเศียรเกล้า ขอถ่ายทอดธรรมะเป็นพุทธบูชาแด่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากต้นธารของคำว่า “กตัญญู”
เพราะความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิต …
![หนังสือ "หลักการทำบุญและการปฏิบัติธรรม" ในชีวิตประจำวัน โดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) พิมพ์ครั้งที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ โดยสำนักพิมพ์อนันตะ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/06/IMG_260088.jpg)
ดังที่ท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอด ในครั้งนั้นให้ข้อคิดไว้ให้หนังสือ “หลักการทำบุญและการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน” ซึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งที่ ๙ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ โดยสำนักพิมพ์อนันตะ ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการดูว่าใครเป็นคนดี เป็นคนกตัญญู ดูอย่างไร ท่านยกพุทธพจน์ขึ้นมาบทหนึ่งว่า นิมิตตัง สาธุ รูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความเป็นผู้รู้จักบุญคุณคน เป็นเครื่องหมายของคนดี
![ภาพวาดเรื่องสุวรรณสาม จากพระอุโบสถวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/09/สุวรรณสาม-1-1-687x1024.jpg)
“สุวรรณสาม” อานุภาพแห่งความกตัญญู
รำลึกวันวาน …มโนปณิธาน พระราชกิจจาภรณ์ (ตอนที่ ๓๓)
โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/09/09KLE6S1_10092019-17-341x1024.jpg)
ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชกิจจาภรณ์ ในครั้งน้ัน อธิบายว่า ถ้าอยากรู้ว่า คนรอบข้างเป็นคนดีหรือไม่ ก็ต้องดูว่า เขาแสดงพฤติกรรมต่อพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้มีพระคุณของตนอย่างไร
“คนที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ และเป็นผู้ที่มีความก้าวหน้า ที่ดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อถึงคราวเคราะห์ ที่หนักก็จะกลายเป็นเบา เพราะผลของเกาะแก้ว คือ ความกตัญญูนั่นเอง”
![หนังสือ “ทศชาติ” ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง โดย ญาณวชิระ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/08/IMG_20190826_08300077-687x1024.jpg)
โดย ญาณวชิระ
ดังในเรื่อง สุวรรณสาม ตำนานคนกตัญญู ในหนังสือ “ทศชาติ : ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง” โดย ญาณวชิระ หรือ พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ซึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งที่ ๘ ปีพ.ศ.๒๕๕๗
ในตอนที่สุวรรณสามออกไปเก็บผลไม้มาให้พ่อแม่ที่ตาบอดก็เดินกลับไปตักน้ำ ขณะถือหม้อน้ำไปตามทางที่เคยเดิน แล้วก็เล่นหัวกับสัตว์ป่าอย่างร่าเริงสนุกสนาน ก็ถูกพระราชากปิลยักขราช ขณะเสด็จพระราชดำเนินออกมาล่ากวาง แล้วบังเอิญเจอสุวรรณสามอยู่ท่ามกลางหมู่สัตว์ป่าที่เชื่อง พระองค์ทรงคิดจะยิงสุวรรณสามในทันที ด้วยเหตุผลว่าจะให้เพียงบาดเจ็บเพื่อที่จะนำตัวมาถามว่า ในป่าแห่งนี้มีสัตว์อะไรบ้าง…หลังจากที่สุวรรณสามถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษก็เจ็บปวดมากจวนเจียนจะตายแล้ว ก็รำพึงว่า
“ในป่าแห่งนี้เราไม่เคยสร้างเวรไว้กับใคร แม้บุคคลผู้มีเวรกับบิดามารดาเราก็ไม่มีเช่นกัน” แม้ขณะที่ถูกยิงแล้วเลือดถ่มออกจากปาก สุวรรณสามยังมีจิตเมตตาต่อผู้ยิงเป็นอย่างมากถามออกไปว่า “ใครยิงเรา ซึ่งยังไม่ทันระวังตัว เพราะกำลังแบกหม้อน้ำ จึงไม่ทันได้แผ่เมตตาให้ ท่านเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ หรือแพศย์ ยิงเราแล้วแต่กลับหลบอยู่ในพุ่มไม้ เนื้อของเราก็กินไม่ได้ หนังก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านจึงคิดว่าเราควรยิง ท่านเป็นใคร เพื่อนเอ๋ย จงบอกเราเถิด ยิงเราแล้วทำไมซ่อนตัวเสียเล่า” พูดได้แค่นั้นแล้วก็นิ่ง กล้ำกลืนฝืนความเจ็บปวด
พระราชาได้ยินดังนั้นจึงเข้าไปหาด้วยความแปลกพระหฤทัยว่า “ ชายนี้แม้ถูกเรายิงล้มลงก็ไม่ด่าทอ ไม่ตัดพ้อ กลับเรียกเราได้ถ้อยคำที่ไพเราะจนจับจิต เราควรไปหาเขา”
หลังจากที่พระราชาได้สนทนากับสุวรรณสามจนทราบความจริงว่า สุวรรณสามต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ตาบอดอีกสองท่าน จึงอาสาที่จะไปดูแลแทน หลังจากสุวรรณสามสิ้นชีวิต หากทว่า ด้วยอานุภาพแห่งความกตัญญู เทพธิดานามว่า “พสุนธรี” ซึ่งเคยเป็นมารดาของสุวรรณสามมา ๗ ชาติ เพราะความรักความผูกพันบุตรไม่ว่าเกิดที่ไหน จึงคอยเฝ้าดูความเป็นไปของพระโพธิสัตว์อยู่ตลอดเวลา ก็ตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะช่วยให้สุวรรณสามฟื้นคืนชีพขึ้นมา และช่วยให้พ่อแม่ของพระโพธิสัตว์หายจากตาบอดด้วยในที่สุด
พระราชาเห็นความอัศจรรย์เช่นนั้นจึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าแปลกประหลาดใจมากจริงๆ สุวรรณสามตายแล้ว แต่ทำไม่กลับฟื้นคืนมาได้อีก”
สุวรรณสามกราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า ผู้คนเข้าใจว่า คนมีชีวิตอยู่ ประสบความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรง นิ่งเงียบไปว่าตายแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมคุ้มครองบุคคลผู้เลี้ยงดูบิดามารดา โดยธรรม แม้นักปราชญ์ทั้งหลายในโลกนี้ย่อมสรรเสริญเขาผู้นั้น บุคคลผู้นั้นตายไปแล้ว ย่อมมีความสุขบันเทิงอยู่ในสวรรค์”
ในตอนท้ายของเรื่องสุวรรณสาม พระอาจารย์ญาณวชิระ ยังได้เล่าเรื่องการกลับชาติมาเกิดในสมัยพุทธกาลของพระโพธิสัตว์โดยพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า พระราชากปิลยักขราช ในกาลนั้นกลับชาติมาเกิดเป็นพระอานนท์ในชาตินี้ พสุนธรีเทพธิดาเกิดเป็นภิกษุณีชื่ออุบลวรรณา ท้าวสักกเทวราชเกิดเป็นพระอนุรุทธะ ทุกูลบัณฑิตผู้บิดา เกิดเป็นพระมหากัสสปะ นางปาริกาผู้มารดา เกิดเป็นภิกษุณีชื่อ ภัททกาปิลานี ส่วนสุวรรณสามบัณฑิต คือเราผู้สัมมาสัมพุทธเจ้า
“เพราะคุณธรรม คือ ความกตัญญูกตเวที จัดว่าเป็นคุณธรรมสำคัญสำหรับมนุษย์ เป็นเครื่องหมายเชิดชูมนุษย์ให้เป็นคนดี ผู้ใดมีความกตัญญูกตเวที ย่อมมีความเจริญก้าวหน้า ไม่ตกต่ำ เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป และผลของความกตัญญูกตเวทีนี้ยังเป็นอานุภาพปกป้องคุ้มครองเขาให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ ได้”
จาก คอลัมน์ มโนปณิธาน โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
เรื่อง “สุวรรณสาม” อานุภาพแห่งความกตัญญู
หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/09/09KLE6S1_10092019-1-671x1024.jpg)