![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/พระครูประโชติ-8-1024x905.jpg)
“พระผู้ถักทอความดีให้คนรุ่นหลังจดจำและทำตาม” พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก (๗)
โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
!["พระผู้ถักทอความดีให้คนรุ่นหลังจดจำและทำตาม" พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก (๗) โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท จากคอลัมน์ จาริกบ้านจารึกธรรม หน้าพระไตรสรณคมน์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/09KLE6S1_2803201911-731x1024.jpg)
ผู้เขียนได้พูดคุยกับพระไชยวัฒน์ อตฺตสาโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และอดีตประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสาจังหวัดนราธิวาส
ท่านเล่าให้ฟังว่า เป็นศิษย์พระครูประโชติฯ มาอยู่วัดตั้งแต่ ๖ ขวบ ตั้งแต่วัดเป็นสำนักสงฆ์ โดยจะเรียกพระครูประโชติฯ ว่า หลวงอา มีโอกาสก็บวชเณรภาคฤดูร้อนเรื่อยมา จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จึงตัดสินใจบวชเรียน หลวงอาส่งไปศึกษาอยู่ที่สำนักเรียนวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างไห้) ที่เรารู้จักกันในนาม วัดหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จังหวัดปัตตานี ๓ ปี พออายุครบบวชพระ หลวงอาก็ให้บวชญัตติเป็นพระต่อมาจนถึงปัจจุบัน แล้วส่งไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดชลธาราสิงเห (วัดพิทักษ์แดนไทย) อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้หลวงอาก็ยังส่งเสริมให้เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เมื่อมีเวลาว่างก็กลับมาช่วยหลวงอาบ่อยๆ โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการบวชศีลจาริณี เมื่อหลวงอาจัดโครงการต่างๆ หลวงอาก็จะให้มาเรียนรู้ หลวงอาไม่ให้หยุดพัฒนาตัวเอง มีโครงการอบรมที่ไหนส่งไปเข้าร่วม ใครที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาก็ส่งไปเรียนหมด
ท่านบอกว่า เป็นพระเณรมีอะไรก็ต้องศึกษาเล่าเรียน เรียนแล้วจะได้มาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งแก่ญาติโยม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/3-1024x630.jpg)
ท่านพูดให้ฟังเสมอว่า ไม่อยากให้ชาวพุทธทิ้งถิ่นฐาน ไม่อยากให้พระสงฆ์ทิ้งวัด ถ้าพระสงฆ์ทิ้งวัด ชาวพุทธก็จะไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ก่อนที่ท่านจะรับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ ท่านเล่าให้ฟังว่า ถ้าหลวงอารับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ จะไม่ให้มีวัดร้าง ให้มีพระอยู่หนึ่งรูปก็ยังดี ถ้าไม่มีพระ ชาวบ้านจะขาดที่พึ่ง
วัดไหนสำนักสงฆ์ไหนไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ท่านก็มีวิธีของท่าน คือ ไปเข้าปริวาสกรรมตามวัดต่างๆ ทั่วไป แล้วก็พูดคุยกับพระสงฆ์ ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว มีใจรักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งให้กับญาติโยมได้ ท่านก็จะชักชวนมาจำพรรษา เป็นขวัญเป็นกำลังใจแก่ญาติโยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าท่านทำประสบความสำเร็จ หลายวัด หลายสำนักสงฆ์ ท่านก็หาพระมาจำพรรษาสำเร็จ
ในส่วนตัวได้นำคำสอนของหลวงอามาประยุกต์ใช้ในชีวิต ๒ เรื่องใหญ่ๆ คือ
๑. เรื่องของอารมณ์ เนื่องจากเป็นคนอารมณ์ร้อน ท่านก็จะสอนการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ให้ดูอารมณ์ของตัวเอง อย่าให้อารมณ์เป็นใหญ่ ให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้
๒. เรื่องของความอดทน ท่านมีบททดสอบหลายอย่างในเรื่องของความอดทน โดยมอบหมายงานให้ทำ ให้ฝึกรับผิดชอบงาน ให้บริหารโครงการ กิจกรรม เรียนรู้การรอคอยด้วยความอดทน
ท่านไม่เหนื่อยที่จะแนะนำ ไม่เหนื่อยที่จะสอน ที่สำคัญ ท่านทำเป็นตัวอย่าง
![พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/01/50309863_2445417138806530_4877818036221902848_n-1.jpg)
“หลวงอาเวลาทำอะไรจะมีหลักการ และเป็นตัวของตัวเอง อย่างเช่นเรื่องของการตั้งบัว (เจดีย์สำหรับบรรจุอัฐิของชาวบ้าน) ตอนเริ่มสร้างวัดใหม่ๆ หลายคนบอกว่า ให้เอาบัวไปตั้งไว้ที่ดินท้ายวัด แต่ท่านบอกว่า ให้เอาตั้งไว้หน้าวัด คนจะได้เห็น จะได้ระลึกถึงความดี เพราะบัวเป็นที่ใส่อัฐิของทุกคนที่มีพระคุณต่อวัด ต่อพระศาสนา เอาไปไว้หลังวัด เหมือนหลบซ่อนอยู่ สร้างไว้หน้าวัดนี่แหละ จะเป็นการเชิดชูผู้มีพระคุณ ท่านสร้างบัวใหญ่ๆ ไว้แท่นหนึ่งหน้าวัด เวลามีใครเสียชีวิตก็เอาอัฐิมาบรรจุไว้รวมกัน
เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างหนึ่งสำหรับหลวงอา ท่านทำที่บรรจุอัฐิของท่านไว้ใต้ฐานพระในลานธรรม ท่านเคยบอกกับญาติโยมซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยที่มาวัดสมัยเริ่มสร้างว่า จะได้อยู่กับต้นไม้ ท่านเตรียมไว้หมด
หลวงอาพูดบ่อยๆ กับรองเจ้าอาวาส (พระสมุห์อรรถพร กุสลจิตฺโต)
” ถ้าเราตาย ขอให้ตายพร้อมกันนะ บางทีหลังจากทำวัตรเสร็จแล้วมานั่งฉันน้ำชาด้วยกัน ท่านก็พูดถึงสถานการณ์ในภาคใต้แล้วก็จะพูดกับพระสมุห์อรรถพรว่า ถ้าเราตาย ขอให้ตายพร้อมกันนะ พูดทีเล่นทีจริงอย่างนี้ “
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/S__5783555.jpg)
ครั้งสุดท้าย ท่านบอกกับผมในโบสถ์ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ๑ วัน ท่านพูดลอยๆ
“ฝากวัดด้วยนะ ช่วยดูแลวัดต่อด้วยนะ หลวงอาคงสร้างไม่เสร็จหรอก ”
ผมก็บอกว่า หลวงอาจะไปไหน จะเสร็จแล้ว โบสถ์ก็จะจัดงานฝังลูกนิมิตแล้ว
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/S__5783556.jpg)
ท่านก็บอกว่า ไม่รู้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน วันนั้นมีงานทำบุญบรรจุอัฐิในวัด ท่านก็พูดกับรูปภาพของคนที่จมน้ำเสียชีวิต บอกว่า ให้อายุยืนๆ หน่อย พอตอนเย็นท่านก็ถูกยิง
“ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงอา ก็รู้สึกเสียใจ ตั้งแต่หลวงอามรณภาพก็กลับมาอยู่ที่วัดรัตนานุภาพ ทำหน้าที่สานต่อปณิธานของหลวงอา ชาวบ้านก็มีขวัญกำลังใจ ดีใจที่มีพระมาอยู่ โครงการไหน กิจกรรมอะไรที่หลวงอาทำไว้ ก็จะไม่ทิ้ง จะสานต่อ เป็นการทำความดีบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า บูชาคุณของหลวงอา
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/09KLE6S1_280320191145.jpg)
“ที่ผ่านมาก็ไปอบรมโครงการค่ายพุทธบุตรตามโรงเรียนต่างๆ และในเดือนเมษายนนี้ก็จะจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการบวชศีลจาริณี ปกติ ถ้าหลวงอาอยู่ ท่านจะจัดโครงการบวชพระด้วยทุกปี แต่นี้เราทำในสิ่งที่พอจะทำได้ “
การจากไปของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ลูกหาที่เสียใจและเสียดายในงานที่ท่านได้ร่วมกันทำ ได้มีเพื่อนที่ทำงานร่วมกันในนาม “กลุ่มถักทอสันติภาพ” ได้เขียนสดุดีด้วยความอาลัยถึงท่านว่า
ธรรมจักร : วงล้อแห่งธรรมยังคงต้องหมุนต่อไป
![พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ขอขอบคุณ ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/03/พระครูประโชติรัตนานุรักษ์-๗-683x1024.jpg)
“สดุดีด้วยความอาลัย”
กรณีเหตุการณ์ยิงถล่มสังหารพระภิกษุที่วัดรัตนานุภาพ(โคกโก) ตำบลโต๊ะเต็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ช่วงเวลาประมาณสองทุ่มของคืนวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒ ถือได้ว่าเป็นการกระทำทำที่รุนแรง ไร้มนุษยธรรม ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดีที่มนุษย์พึงมีตามหลักศีลธรรม อันเป็นหลักปฏิบัติ พื้นฐานของมนุษย์ที่พึงปฏิบัติต่อกัน
สถานที่เกิดเหตุเป็นศาสนสถาน อันถือเป็นเขตอภัยทาน เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาเพื่อพัฒนาจิตใจให้มีความเมตตาการุณย์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ที่ไม่ควรมีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ อันจะนำมาซึ่งความหวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย และความขัดแย้งระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกันขึ้น
เหยื่อความรุนแรงครั้งนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ มาเลยในอดีต อีกทั้งยังปราศจากอาวุธ ซึ่งในทางสากลถือกันว่าเป็นผู้ที่ไม่ควรได้รับการปฏิบัติต่อด้วยความรุนแรง แม้ในสถานการณ์สงคราม
อีกทั้งเหยื่อความรุนแรงยังเป็น “พระภิกษุ” ผู้ประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ที่เน้นการฝึกฝนพัฒนาตนเอง และยึดหลักการทำงานที่มุ่งประโยชน์แก่มหาชนเป็นสำคัญ ตามพุทธดำรัส
หนึ่งในพระภิกษุที่มรณภาพ ซึ่งข้าพเจ้ารู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในนามสมาชิกกลุ่มถักทอสันติภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ คือ “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์“เป็นพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี สนองงานคณะสงฆ์อย่างเต็มความสามารถไม่เคยบกพร่อง
ทั้งยังเป็นพระนักพัฒนา มีกิจกรรมการพัฒนาวัดให้เป็น รมณียสถาน ด้วยการปลูกต้นไม้รอบวัด ใช้พื้นที่ลานวัดเป็นสถานที่ ฝึกอบรมคุณธรรม เน้นการให้ธรรมะไม่เน้นการสร้างวัตถุมงคล งานบุญประเพณีต่างๆ ที่จัดขึ้นในวัดจะห้ามเล่นการพนันและดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ตามแนวทางโครงการหมู่บ้านรักษาศีลห้า
เป็นพระนักพัฒนาที่ใช้แนวทางสันติอหิงสา ร่วมในกระบวนการทำงานถักทอสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานพุทธธรรมสัญจรเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวพุทธ รวมทั้งงานสานเสวนาระหว่างศาสนาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
จากที่ได้มีโอกาสสนทนากัน ทราบว่านอกจากจะมีการสานต่อ โครงการ “พุทธธรรมสัญจร” และ “สานเสวนาระหว่างศาสนา” แล้ว ท่านยังสนใจที่จะขับเคลื่อน “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์” ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้วย และงานนี้มิเพียงแต่จะเน้นการส่งเสริมและดูแลสุขภาพพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังมีแนวคิดขยายงานเพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพผู้นำศาสนาอื่น รวมถึงศาสนิกของทุกศาสนาด้วย ภายใต้หลักแห่งพรหมวิหารธรรมนั่นเอง
ทั้งนี้ ด้วยคติพจน์ประจำใจ “ถ้าไม่ตายไม่ขอเลิกทำความดี” และด้วยเหตุที่ต้องทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ท่านมักจะกล่าวเสมอว่า “ผมไม่หนี ผมถือว่าตรงนี้เป็นแผ่นดินไทย ปู่ย่าตายายผมเป็นคนพุทธ เกิดตรงนี้ ขอตายตรงนี้”
การมรณภาพของ “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์” และพระอีก ๑ รูป นอกจากจะเป็นความสูญเสียของคณะสงฆ์และชาวพุทธในจังหวัดนราธิวาสแล้ว ยังนำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจและอาลัยแก่พวกเรากลุ่มถักทอสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนใต้ เครือข่ายสังฆะเพื่อสังคม (๔ ภาค) เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคเหนือ พระนักพัฒนาชุมชนภาคเหนือ สถาบันโพธิยาลัย และคณะสงฆ์ไทยโดยรวมด้วย
ขอสดุดีจิตวิญญาณแห่งพุทธสาวก ที่ปฏิบัติตามรอยบาทของพระบรมศาสดามาตลอดชีวิต และขอถวายความอาลัยแด่ “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์” อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ตำบลโต๊เด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ขอ ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของท่านจงเสวยสุข สถิตเสถียรในทิพยพิมาน ตราบถึงพระนิพพาน เทอญ
ในฐานะสมาชิกกลุ่มถักทอสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนใต้ จักร่วมกันสืบสานปณิธานของท่าน “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์” หมุนวงล้อแห่งธรรมต่อไป
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/S__19226629-e1552968396919.jpg)
“พระผู้ถักทอความดีให้คนรุ่นหลังจดจำและทำตาม” พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก (๗) โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/01/09KLE6S1_28032019-671x1024.jpg)