สามเณรน้อยถือบาตรใหญ่ พระอาจารย์ถือบาตรน้อย
ความพอดีอยู่ที่การมอง สิ่งที่เรามองเห็นอาจจะไม่เป็นจริง
เหมือนความคิดของเราที่ชักชวนให้คิดอย่างไรก็ได้ คำตอบอยู่ที่ใจทุกท่านแล้ว
ชวนพิจารณา …
การที่เราไม่รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง
ก็อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง และผู้อื่นได้
ดังเช่น สุภาษิตว่า “อำนาจบาตรใหญ่”
ตามความหมายจากพจนานุกรม หมายถึง อำนาจที่ใช้ในทางกดขี่ข่มเหงผู้อื่น
อำนาจเป็นสิ่งสมมติโลก ที่คล้องจิตไว้ให้ลุ่มหลง
เป็นเพียงมายาลวงจิตอย่างหนึ่งให้พองโต
จากความอยากมีอยากเป็นมากเกิน และสิ่งแวดล้อมสนับสนุน
ทำให้เกิดสภาวะจิตฟูแล้วไปรังแกคนอื่น
อำนาจพอตัว หากใช้ไปในการช่วยเหลือคน ก็จะเป็นการสร้างบารมี
แต่อำนาจบาตรใหญ่ เป็นเรื่องกลับตาลปัตร
ใหญ่สลับน้อยน้อยสลับใหญ่
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตามใจกิเลสตัวเอง มีอำนาจก็ใช้ไปในทางไม่งาม
ความจริงแล้ว ใจอยากใหญ่ ไม่มีใครห้าม แต่อย่าลืมว่า มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน
บางครั้งน้อยถือตัวว่าใจใหญ่ หยิ่งเกินความเป็นจริง เพราะความหลงเขลาเบาวิชชา
ทำให้เห็นผิด แสดงออกมาทาง กาย วาจา ใจ จนเป็นการกระทำที่ไม่น่ารัก
การแก้ไข ปรับปรุงตนเอง
กลับมารู้สึกตัวที่กาย บ่อยๆ ทำอะไรก็รู้สึกตัว
เดินก็รู้ว่า เท้าสัมผัสพื้น
เวลาคิดไปไกลก็ให้กลับมาที่กาย
เคลื่อนไหวตัวอย่างรู้สึกตัว
จะเห็นอาการของจิตที่ละเอียดขึ้น มองเห็นอำนาจเป็นเพียงสิ่งสมมติ
ไม่ตกหลุมพลางมัน ออกจากความเคยชินแบบเดิมได้
พอเห็นสภาวะของจิตที่อยากเป็น อยากมี
จิตที่มีสติจะอ่อนน้อมถ่อมตน
แม้ว่าจะเป็นใหญ่ตามสมมติ แต่ถือตัวว่าน้อยนั้นนับว่า เข้าใจตน เข้าใจเขา
เข้าใจชีวิตที่แท้จริง
เพราะความเห็นถูกต้อง การที่เข้าใจคนอื่น เท่ากับเราเคารพคุณธรรมของตน
ใจที่ไร้ซึ่งทิฏฐิมานะถือตัว
จะสามารถการกราบไหว้คนอื่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตัวด้วยความจริงใจ
เขาก็สามารถรับรู้ซึ้งความจริงใจแล้ว ความรักของใครก็ตามจะคงมั่นอยู่ในใจระหว่างกัน
ทำให้ได้ความสุขในการใช้ชีวิต ทุกอย่างก็ง่ายเบาสบายใจ
เท่านั้นเอง
มาเปลี่ยนใจเราที่น้อยให้ใหญ่ด้วยกำลังใจที่มั่นคง
มาเปลี่ยนใจเราที่ใหญ่ให้ลดความน้อยใจ ถือตัวเห็นแก่ตัวและความหยิ่งหลงตัวลง
เพื่อชีวิตที่ดีงาม
ดังภาพว่า สามเณรน้อยถือบาตรใหญ่ พระอาจารย์ถือบาตรน้อย
ความพอดีอยู่ที่การมอง สิ่งที่เรามองเห็นอาจจะไม่เป็นจริง
เหมือนความคิดของเราที่ชักชวนให้คิดก็ได้ คำตอบอยู่ที่ใจทุกท่านแล้ว
สาธุ
#ภาพ… สามเณรปลูกปัญญาธรรมปี๘ #เขียนโดย.. จ๊อดส์ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน