




บทความพิเศษ ตอนที่ ๑๗
รูปแบบการตัดสินคดีให้เกิดความยุติธรรม
ตามแนวทางของมโหสถบัณฑิต
โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม
มโหสถบัณฑิต เป็นเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เกิดเป็นมหาบัณฑิตที่มีปณิธานที่จะบำเพ็ญปัญญาบารมี ใช้สติปัญญาในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของสังคม เพื่อให้มนุษย์ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ยากเดือดร้อน และมโหสถบัณฑิตก็ได้ใช้สติปัญญาตัดสินคดีความต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในสังคมให้เกิดความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่งยวด ผู้เขียนจะยกบางคดีความที่มโหสถบัณฑิตได้ตัดสิน เพื่อมาเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงวิธีการสร้างความยุติธรรม คือ คดีเรื่อง โจรขโมยโค เรื่องมีอยู่ว่า


วิธีที่ ๑ ถือธรรมเป็นใหญ่ ชี้ธรรม ไม่ชี้คน
มีชายคนหนึ่งได้นำโคไปเลี้ยงกลางทุ่งนา ในเวลานั้นเองเขาก็ได้ไปนั่งอยู่ใต้ร่มไม้จึงทำให้เขาเผลอหลับไป ในขณะได้มีโจรคนหนึ่งมาขโมยโค เมื่อชายชาวนาผู้เป็นเจ้าของโคตื่นขึ้นมาไม่เห็นโคของตนเอง จึงตกใจมากและรีบออกตามหา จึงไปพบโจรกำลังจูงโคของตนไป หลังจากนั้นชายชาวนาผู้เป็นเจ้าของโค กับโจร ต่างคนก็ต่างอ้างว่าโคเป็นของตนเอง จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้มามุงดูอย่างมากมาย
ในขณะที่เหตุการณ์ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล มโหสถเห็นเหตุการณ์จึงได้เรียกคนทั้งสองมา เมื่อมโหสถเห็นปฏิกิริยาอาการของทั้งสองคน ก็หยั่งรู้ได้ว่าใครคือโจร และใครคือเจ้าของโค แต่มโหสถก็นิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
จะเห็นได้ว่าการที่มโหสถบัณฑิตรู้แล้วว่าใครคือโจรแต่ก็นิ่งเฉย เป็นการชี้ให้เห็นว่ามโหสถบัณฑิตถือธรรมเป็นใหญ่ใช้วิธีการชี้ธรรม ไม่ชี้คน กล่าวคือมโหสถจะไม่เป็นคนชี้ว่าใครเป็นคนผิด คนถูก แต่จะให้ความจริงปรากฏเสียก่อน ธรรมจะเป็นตัวชี้เองว่าใครคือเจ้าของโค และใครคือโจร


วิธีที่ ๒ คนกลางต้องเป็นที่ยอมรับของคู่กรณี และต้องสัญญาต่อหน้าคู่กรณีว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางไม่มีอคติ
มโหสถเริ่มด้วยการถามชายทั้งสองคนถึงสาเหตุของการทะเลาะกัน เจ้าของโคตอบว่า “ข้าพเจ้าซื้อโคมาจากคนชื่อนี้ แล้วนำไปเลี้ยงกลางทุ่งหญ้า ข้าพเจ้าเผลอหลับ จึงถูกขโมยหนีไป ชาวบ้านต่างรู้ดีว่าข้าพเจ้าซื้อโคนี้มา”
ส่วนโจรก็แย้งว่า “โคตัวนี้เกิดในบ้านของข้า มันโกหกอย่าไปเชื่อมัน” การถามเช่นนี้เป็นการถามเพื่อเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงของการทะเลาะกันก่อนจะเริ่มทำการพิจารณาตัดสินใครคือเจ้าของโคที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม มโหสถบัณฑิตทราบถึงสาเหตุอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ยังไม่เริ่มทำการค้นหาความจริงว่าใครคือเจ้าของโคที่แท้จริงจะเห็นได้จากคำถามต่อจากนี้คือ มโหสถบัณฑิตถามชายทั้งสองว่า “จะยอมรับในคำตัดสินหรือไม่หากยอมรับ ก็จะตัดสินโดยยุติธรรม”
จากคำถามนี้มีนัย ๒ ประเด็นด้วยกัน ประเด็นแรก คนกลางที่จะทำหน้าที่สร้างความยุติธรรมต้องเป็นคนที่คู่กรณียอมรับและศรัทธา ประเด็นที่สอง คนกลางที่จะทำหน้าที่สร้างความยุติธรรมต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะตัดสินด้วยความเป็นกลางไม่ใช้อคติเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่คู่กรณี


วิธีที่ ๓ ชี้คน ชี้โทษ ชี้ทางออก
ทั้งนี้เมื่อชายทั้งสองตกลงที่จะยอมรับความตัดสิน มโหสถบัณฑิตก็เริ่มด้วยคำถาม ด้วยการถามโจรว่า “ท่านเอาอะไรเลี้ยงโค” โจรตอบว่า “ข้าพเจ้าให้โคดื่มยาคู ให้กินงา แป้ง และขนมกุมาส” เมื่อโจรตอบคำถามเสร็จ มโหสถบัณฑิตก็ถามเจ้าของโค เจ้าของโคก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนจน จึงไม่มีข้าวยาคูเลี้ยงโค ข้าพเจ้าเลี้ยงโคด้วยหญ้า”
คำถามเช่นนี้เป็นการชี้หาทางออกให้ทั้งสองคนเพื่อจะทำให้ได้รู้ความจริงว่าเจ้าของโคที่แท้จริงคือใคร เพราะหลังจากนั้นมโหสถจึงให้คนที่มุงดูอยู่ ให้นำใบประยงค์มาตำในครกผสมกับน้ำแล้วเทใส่ถาดให้โคดื่ม ปรากฏว่าโคสำรอกออกมาเป็นหญ้า เมื่อเห็นเป็นนี้ทำให้จะสามารถชี้คนได้ว่าชายชาวนาคือเจ้าของโคที่แท้จริง
เมื่อความจริงปรากฏเป็นนี้ มโหสถจึงนำหญ้าที่โคสำรอกออกมาไปให้มหาชนที่รุมล้อมดู แล้วก็ได้ถามโจรว่า “เจ้าเป็นโจรใช่ไหม” ผู้คนมากมายที่กำลังมุ่งดูอยู่ตรงนั้นก็ได้รุมประชาทัณฑ์ทุบตีโจรจึงได้รับบาดเจ็บ
มโหสถจึงได้ข้อร้องให้ทุกคนหยุดทำร้าย จึงได้บอกกับโจรกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “นี้คือผลกรรมที่ท่านได้ทำในชาตินี้ แต่ในชาติหน้าท่านจะได้รับผลกรรมในนรกที่ทุกข์ทรมานมากกว่านี้”
คำกล่าวนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึงโทษของการกระทำของตนเอง จะสังเกตเห็นได้ว่านอกจากจะชี้ทางออกของปัญหาแล้วยังชี้ทางออกให้กับผู้ที่ทำผิดด้วยการให้โจรยึดศีล ๕ เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เป็นการชี้ทางออกของชีวิตให้พบแสงสว่างมีธรรมนำพาในการดำเนินชีวิตต่อไป
ที่มาของของข้อมูล : ที่มาของของข้อมูล : คัดลอกเนื้อหามาจาก พระคทาวุธ คเวสกธมฺโม (เพ็งที) วิทยานิพนธ์เรื่อง “เปรียบเทียบความยุติธรรมตะวันตกกับพระพุทธศาสนาเถรวาท และกฎหมายไทย” วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ปี ๒๕๕๗






บทความพิเศษ ตอนที่ ๑๗ “รูปแบบการตัดสินคดีให้เกิดความยุติธรรม ตามแนวทางของมโหสถบัณฑิต” โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม
