พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ผู้เขียน
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ผู้เขียน

วันนี้ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับโยมท่านหนึ่งในอเมริกาพูดกันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โฮขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย

โยมเสียใจที่มีเพื่อนแซวว่า ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

พอได้ยินถ้อยคำประโยคเพียงแค่นี้เท่านั้น เรื่องราวของอดีตที่ตนเองเคยผิดหวังแล้วผิดหวังอีก เป็นปมด้อยข้อใหญ่ติดขัดขวางข้างคาใจเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ก็โผล่ขึ้นมาให้ทุกข์ใจ

คือ ทำธุรกิจเกี่ยวร้านอาหารแล้วไม่เจริญรุ่งเรืองก็ปิดกิจการไป บ่อยครั้งมาก และเรื่องอื่นอีกมากมายจำฝังจิตฝังใจ

คิดว่า ตนเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความสามารถ  โทษตนเองว่าไม่เก่ง สู้คนอื่นไม่ได้

ภาพอดีตที่ไม่เคยประสบผลสำเร็จนั้นมันมาตอกย้ำให้จิตใจเศร้าหมองหาความสุขได้ยาก

“ติดกับดักของอดีตที่ผ่านมาแล้วหนีออกจากมันไม่ได้ มีอะไรมาสะกิดมันสักนิด มันก็ฟุ้งขึ้นมาตอกที่ใจเจ็บปวดสุด ๆ ทำให้ร้องไห้จนจะไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ว แอบร้องไห้คนเดียวไม่อยากให้ใครเห็น กลัวเขาว่าเราเป็นขี้แพ้  เป็นคนที่ไม่เข้มแข็ง และอ่อนแอ ที่เห็นโยมหัวเราะทำเหมือนอารมณ์ดี แต่ลึกๆ ของหัวใจอ่อนไหวง่ายมากนะท่าน”

โยมบ่นมา อาตมาก็ถามกลับไปบ้าง  

“ในโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่เคยล้มเหลว  เหนื่อยท้อแท้  น้อยใจสิ้นหวัง  ถูกเหยียดหยามเสียดสี  ด่าและดูถูก พร้อมที่จะซ้ำเติมเรา ก่อนจะมาประสบผลสำเร็จ ได้สิ่งเหล่านี้

นี่คือแรงผักดันให้ถึงความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น ถ้าไม่ผิดหวังติดกับของคำพูดเหล่านั้น

 อย่าไปยึดติดกับอดีต ทำปัจจุบันให้ดี อนาคตดีแน่นอน

แต่ก่อนอื่น ต้องรู้จักแยกแยะอันไหนดีและไม่ดี ควรหรือไม่ควร จริงหรือปลอม พูดเล่นหรือจริง  อันไหนเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว หรือปัจจุบันที่เป็นจริง  อนาคตคือหนทางข้างหน้า

ต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน อดีตคืออดีต ปัจจุบันเป็นของจริงตอนนี้

“โยมก็น้อยใจเป็นนะท่าน มันเป็นปมด้อยนะท่าน”

อาตมาถามโยม น้อยใจได้อะไรหรือ ก็ได้แค่น้อยใจกับทุกข์ต่างหาก ปมด้อยก็คือปมด้อยต้องยอมรับมันเรียนรู้  เพื่อพัฒนาตนให้ดีกว่าเดิม 

ความน้อยใจและปมด้อยมันเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง  เรายังเอาใจไปผูกมัดความคิดเดิมๆ ที่ผ่านมาแล้วชีวิตเราก็เหมือนเดิม

อย่าให้ความสำคัญกับความคิดเดิมๆ ที่ทำให้ทุกข์ใจ ควรให้ความสำคัญกับการกระทำดีๆ แล้วมีความสุขดีกว่า

สิ่งที่เราทุกข์กับความคิดที่ติดลบก็เท่ากับว่าเรานั้นเลือกที่จะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกับความทุกข์เข้าสู่พิธีวิวาห์  “แต่งงานกับความทุกข์”

มีลูกออกมาเป็นผลลัทธ์คือ ความโศกเศร้าเสียใจร้องไห้  ความผิดหวัง น้อยใจ ใจมีปมด้อย กลัวกังวลวิตกจริต  เดือดร้อนใจ หนักหัวเพราะความคิดเล็กคิดน้อย ไม่มั่นใจ ลังเล โลเลแล้วใช้ชีวิตคู่กับทุกข์ก็จะมีแต่เรื่องไม่สบายใจ  เสียใจผิดหวัง  ไม่ได้ดั่งใจ  หาความสุขใจไม่ได้เลย

ตราบใดที่เราไม่ขอหย่าขาดกับความทุกข์  แต่คนรู้ทั้งรู้ว่าทุกข์มันไม่ดีต่อจิตใจก็ยังยอมให้มันหลอกแล้วหลอกอีก ร้องไห้  ผิดหวัง อกหักแล้วอกหักอีก

เพราะเราขาดความทุกข์ไม่ได้  หลงรักทุกข์จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น หลงรักจนหัวปักหัวปำเงยหน้าไม่ขึ้น

พระบอกว่า ทุกข์ไม่ดีก็ไม่เชื่อ เชื่อแต่เจ้าตัวทุกข์อยู่นั้น

ชีวิตก็มีแต่ทุกข์  ทุกข์นั้นคือลมหายใจ ทั้งหายใจเข้า หายใจออก

ถ้าขาดทุกข์ไปฉันคงตายแน่  โลกทั้งใบนี้มอบให้กับทุกข์เท่านั้น

ตราบใดเราทนทุกข์ไม่ได้ เบื่อหน่ายทุกข์ที่สุดแล้ว หรืออกหักจากทุกข์  ทุกข์ทิ้งเรา เราทิ้งทุกข์ รู้แล้วว่าทุกข์ไม่ดี ก็ไปหาคู่ใหม่นั้นก็คือ “ความสุข”

ทุกข์ไม่ดีต่อใจเราแล้ว เราจะเก็บมารักษาไว้อยู่อีกหรือ

เมื่อพบสุขที่ดีมีผลต่อจิตใจแล้ว เรายังที่จะทิ้งสุขไปหาทุกข์อยู่อีกหรือ

ทุกข์คือความทรงจำแรกที่ทำให้ผิดหวังเสียใจร้องไห้ เจ็บปวดร้าว

แต่สุขคือปัจจุบันแท้ที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดในโลก

สุดท้ายคือ ก็ให้โยมเลือกเอาว่าจะแต่งงานกับความทุกข์หรือความสุข

ถ้าแต่งกับทุกข์ เส้นทางของชีวิตก็จบกับความผิดหวัง เสียใจ โศกเศร้าร้อนรนจิตร้อนใจไปวันหนึ่ง  มีลูกมีหลานเป็นทุกข์ สืบพันธุ์ความทุกข์ มีทุกข์เป็นเผ่าพันธุ์  มีทุกข์เป็นทายาทหาที่สิ้นสุดไม่ได้

ถ้าแต่งกับสุข หนทางของชีวิตคู่นี้จะพบแต่เรื่องราวดีๆ อยู่เย็นเป็นสุข สบายกายสบายใจตราบเท่านิรันดร์

Married to suffering’s bad.

and Married to happy’s Good.

จ๊อด

๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓

พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย ผู้เขียน
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน

จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๒๔) “แต่งงานกับความทุกข์หรือความสุขดี ?” โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here