“ทำอย่างไรจะให้เด็กๆ มีความรู้สึกดี และมีความรู้สึกตัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเขา เวลาอะไรมากระทบชีวิต ขอให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้มีหลักยึดเหนี่ยวใจ”

คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา คุณค่าแห่งสติปัญญาพาพ้นทุกข์

โดย

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  

สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ ยะโฮร์บาห์รู มาเลเซีย

 

“ทำอย่างไรจะให้เด็กๆ มีความรู้สึกดี และมีความรู้สึกตัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเขา เวลาอะไรมากระทบชีวิต ขอให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้มีหลักยึดเหนี่ยวใจ”

 

             

คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ส่งท้ายการปฏิบัติศาสนกิจของผู้เขียนที่สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ ยะโฮร์บาห์รู มาเลเซีย เมื่อพูดถึงการเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจของคณะพระอาจารย์กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ก็ยังดำเดินไปจนถึงการสอบธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก ซึ่งจะสอบในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็จะปิดสำนักชั่วคราวเพื่อดำเนินการการปรับปรุงต่อเติมอาคารเป็นสองชั้นสำหรับเป็นสถานที่ไหว้พระสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา ประกอบพิธีกรรม เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจชาวพุทธ เป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาไทย และวัฒนธรรมประเพณีไทย ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ ๕-๖ เดือน กำหนดแล้วเสร็จก่อนที่จะเข้าพรรษาปี ๒๕๖๒

ความเป็นมาของการสร้างสำนักสงฆ์เคยพูดถึงในครั้งก่อน ก็ไม่ขอยกมาพูดในครั้งนี้ เพียงแต่อยากบอกเล่าถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่ผ่านมา และสิ่งที่กำลังจะดำเนินไปในอนาคต การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดนต้องอาศัยการดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ทุกอย่างขับเคลื่อนไปบนพื้นฐานของการเวลาและความศรัทธาของญาติโยม และที่สำคัญก็ความเสียสละของคณะพระอาจารย์กลุ่มเพื่อชีวิตดีงามที่เดินทางเข้าออกทำหน้าที่ โดยเฉพาะพระมหาชาลี กลฺยาณญาโณ ท่านเป็นรูปหนึ่งที่เสียสละเดินทางเข้าออกประจำตลอดระเวลา ๖ ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา ต้องขอบคุณท่านแทนญาติโยม

ผู้เขียนได้พูดคุยกับพระมหาสมควร ถิรสีโล ซึ่งท่านได้มาจำพรรษาในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้งสำนัก ท่านเล่าให้ฟังว่า ศรัทธาของญาติโยมเริ่มต้นจากการบอกต่อปากต่อปากว่า ที่นี่มีสำนัก มีพระสงฆ์มาจำพรรษา วันพระก็มีการทำบุญ มีการบรรยายธรรม นำปฏิบัติ มีการทำวัตรเช้า-เย็น ใครสะดวกก็มาร่วมสวดมนต์กัน มีการเปิดสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทยให้กับเด็กๆ อาศัยการบอกต่อปากไปเรื่อยๆ ทำให้คนรู้จักมากขึ้น คนก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ที่ญาติโยมจะวางใจส่งลูกหลานมาให้พระสอน ท่านเล่าให้ฟังต่อมาว่า แรกๆ ก็มาเฝ้าดูเช้าเย็น จนเวลาผ่านมาเป็นปี ค่อยส่งมาเป็นเด็กวัดในช่วงปิดเรียนปลายเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กได้มาเรียนธรรมศึกษา ซึมซับหลักธรรมคำสอนผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ได้เรียนรู้ประพฤติปฏิบัติตนในช่วงเวลาของการมาอยู่วัด

เราไม่สามารถจะพูดให้เขารักพระพุทธศาสนาได้ แต่เราต้องทำให้เขารักพระพุทธศาสนา ทำให้เขาเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาว่า สามารถที่จะทำให้เขาพ้นทุกข์ได้ ก็พูดกับคณะพระอาจารย์ที่มาทำหน้าที่เสมอว่า ทำอย่างไรจะให้เด็กๆ มีความรู้สึกดีและมีความรู้สึกตัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเขา เวลาอะไรมากระทบชีวิต ขอให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้มีหลักยึดเหนี่ยวใจ การสร้างหลักให้เขากลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า-รู้ หายใจออก-รู้ ทำให้เขารู้สึกดีไม่พอ ต้องทำให้เขารู้สึกตัวด้วย เวลาเจอปัญหาชีวิตจะได้แก้ปัญหาถูกทาง

ท่านพูดให้ฟังอีกว่า ในส่วนตัวเวลามาทำหน้าที่ก็พูดให้กำลังใจเด็กๆ ญาติโยมเสมอว่า ลมหายใจ คือมหัศจรรย์ของชีวิต ไม่มีอะไรดี ในวันที่เราใจร้าย ไม่มีอะไรร้าย ในวันที่เราใจดี ใจเราดี สิ่งดีๆก็จะตามมา เราจะเจอคนดี งานดี สังคมดี ขอให้เอาใจที่ดีไปทำดีกับคนอื่น ฉะนั้น ลมหายใจ ใจเป็นสิ่งสำคัญ พักผ่อนทางกาย อย่าลืมพักผ่อนทางใจ ชำระล้างกาย อย่าลืมชำระล้างใจ ให้อาหารทางกาย อย่าลืมให้อาหารทางใจ

คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
คุณค่าแห่งพระพุทธศาสนา โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

สิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดีเสมอ

ในวันสวดมนต์ข้ามปีท่านได้แบ่งปันเล่าให้ญาติโยมฟังว่า มาปีนี้เป็นสิ่งที่น่าดีใจ แม้จะไม่ได้มาจำพรรษาก็ได้ติดตามเรื่องราวของญาติโยมตลอด ครูบาอาจารย์ได้มาจำพรรษา เห็นญาติโยมหลายท่านมาปฏิบัติธรรม น่าดีใจเป็นอย่างมาก สำหรับท่านที่มาได้ สำหรับท่านที่มาไม่ได้ก็คงได้แต่อนุโมทนาเหมือนอาตมา เห็นวิถีของที่นี่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เห็นญาติโยมมากหน้าหลายตาขึ้น

“เรามาต่างพื้นที่ ต่างเผ่าพันธุ์ แต่เราก็อยู่ร่วมกันเหมือนครอบครัวใหญ่ เรามาเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้แหละจะอุ้มชูให้เราไปต่อได้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณหลวงพ่อพระนิโครธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดนิโครธาราม รัฐเคดาห์ มาเลเซีย ผู้อุปถัมภ์สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ แห่งนี้ที่เห็นความสำคัญตรงนี้ ได้ข่าวว่าท่านจะทำปรับปรุงสถานที่ใหม่ ญาติโยมก็คงจะได้มาถืออุโบสถศีล

วันนี้เห็นญาติโยมใส่ชุดขาวแล้วดีใจ เราอยากจะเห็นภาพเหล่านี้มานานแล้ว ตั้งแต่อยู่สำนักเก่า เห็นแล้วชื่นใจ แต่ว่าที่ไม่ได้ใส่ชุดขาวมา ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชื่นใจนะ นี่คือความงดงามของชีวิต ของโลกใบนี้ ความแตกต่างทำให้เกิดความงดงาม ถ้าหากลองคิดดูว่า นิ้วของอาตมาเท่ากันหมด มันไม่ได้งดงาม มันน่ากลัวเลยนะ แต่เพราะว่านิ้วมันไม่เท่ากัน มีต่ำมีสูง มันเลยดูดี อาตมาชอบใจคำหนึ่งที่พระอาจารย์ท่านพูดวันก่อนว่า สิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดีเสมอ ถ้าเราคิดดูดีๆ ทุกอย่างดีหมด สุขทุกข์ หนาวร้อน ดีใจเสียใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นดีเสมอ ถามว่าเพราะอะไรอาตมาถึงว่า ดีเสมอ เพราะว่าทุกอย่างเกิดขึ้นไม่นานเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

 

เพราะการได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก

สิ่งที่ปรารถนาอยากจะเห็นในอนาคตสำหรับเด็กๆ ถ้าหากสถานที่เราพร้อมจะอยากจะชวนญาติโยมในช่วงเปิดเทอมของเด็กๆจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูหนาว และบวชศีลจาริณีภาคฤดูหนาวแทนการมาเป็นเด็กวัด เป็นการฉลองสำนักสงฆ์ไปในตัว สำหรับญาติโยม ได้ข่าวว่าเสนออยากจะให้มีการปฏิบัติธรรม จัดเป็นคอร์สปฏิบัติธรรม หลักสูตร ๓ วัน ๕ วันต่อเดือน หรือสองเดือนจัดครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการต่อยอดให้กับญาติโยมยกฐานะของการทำบุญให้กับชีวิตที่สูงขึ้นไป อันเป็นเป้าหมายของการดำเนินชีวิตขั้นสูงสุด การได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติตามธรรม จนถึงความพ้นทุกข์ คือ สุขอันเกษม นั่นคือ เป้าหมายสูงสุด

พระอาจารย์ท่านได้เล่าถึงสิ่งที่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบทว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ  กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ  กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ  กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท การที่เราจะได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก การใช้ชีวิตอยู่เป็นเรื่องยากลำบาก การได้ฟังพระสัทธรรมเป็นการยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก”

พระพุทธพจน์บทนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสให้เราท่านทั้งหลายผู้เป็นพุทธบุตร พุทธธิดาได้ตระหนักถึงการใช้ชีวิต ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ชีวิต ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการกระทำ

หัวข้อแรกที่ยกขึ้น กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ มีใจความว่า การที่เราจะได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก ดังนั้นการที่เราจะได้เกิดเป็นมนุษย์ต้องอาศัยบุญวาสนา บุญบารมี ท่านบัณฑิตท่านเปรียบว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์ยากขนาดไหน หลายท่านคงเคยได้ยิน มีเต่าตัวหนึ่งอยู่ในท้องทะเล เป็นเต่ายังไม่พอ ยังตาบอดสองข้าง ว่ายวนอยู่ในท้องทะเล ทุกๆ ร้อยปีเต่าตัวนี้จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำครั้งหนึ่ง ที่เหนือน้ำจะมีห่วงเล็กๆ อันหนึ่งลอยอยู่กลางทะเล

การที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ก็คือ เมื่อเต่าตัวนั้นโผล่ขึ้นมาแล้ว หัวไปสอดเข้าตรงห่วงนั้นพอดี ลองนึกดูความเป็นไปได้ มันมีมากน้อยขนาดไหน แต่ว่าตอนนี้ทุกคนเป็นไปแล้ว เกิดเป็นมนุษย์แล้ว มีอาการครบสามสิบสอง มีสติมีปัญญา โชคดีขนาดไหน โชคดีที่รอดมาถึงวันนี้ อาจจะเจ็บปวดทุกข์ทรมาน อาจจะผ่านความเสียใจ ดีใจ ผ่านน้ำตาไม่รู้กี่หยดก็ตาม นั่นคือความโชคดีที่เรายังมีอยู่ ยังเหลืออยู่

ก็เลยเชื่อมไปถึงคาถาที่สองท่านบอกว่า กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ  การใช้ชีวิตอยู่เป็นเรื่องยากลำบาก เมื่อเช้าเจอโยมที่มาก่อนเราบอกว่า ทำงานเหนื่อย ทำงานลำบาก ไม่ใช่ธรรมดา กว่าจะได้มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ แต่จะผ่านพ้นไปแต่ละวัน ความเหนื่อย ความหนักเกิดขึ้นกับเราทุกคน ถามว่าดีไหม ที่เหนื่อยหนัก ดีคุณโยม ดีตรงไหน ดีตรงที่ว่าเรารู้สึก ตราบใดที่เรายังรู้สึกอยู่ นั่นหมายความว่าชีวิตเรายังมีอยู่ แต่เมื่อใดก็ตามที่โยมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้จักเหนื่อย ไม่รู้จักหนัก นอนอยู่เฉยๆ นั่นหมายความว่า ต้องถูกหามไปวัดแล้วแหละ น้ำตาก็ตาม ความเจ็บปวดก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ชีวิตเรายังเหลืออยู่ โอกาสเรายังมีอยู่ เราก็ต้องสู้กันต่อไป การที่เรามีชีวิตอยู่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

คาถาที่สาม กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ  การได้ฟังพระสัทธรรมก็ยากเช่นเดียวกัน เพราะว่าคนที่จะมีโอกาสได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากบัณฑิต ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม ถามในสิ่งที่เราสงสัย ที่เราขัดข้อง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องลดทิฏฐิ ลดอัตตาตัวตน เพื่อที่จะไปน้อมรับน้อมฟังในสิ่งที่ท่านบอกท่านกล่าว นี่คือสิ่งที่ยาก ตรงที่ว่าคนเรามีทิฏฐิมีมานะ มีความเป็นตัวตนสูง ใครบอกก็ไม่ได้ ใครเตือนก็ไม่ฟัง ดังนั้นการที่ลดอัตตาตัวตนลงมาฟังพระธรรมเทศนาจึงเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่ยากเพราะไม่มีคนกล่าวธรรม ไม่มีคนกล่าวสิ่งที่เป็นมงคล แต่มันอยากที่จะละทิฏฐิมานะของตนมาฟัง ถ้าเราละทิฏฐิมานะลงได้ ทุกคนจะเป็นครูของเราได้

ส่วนข้อสุดท้ายที่ญาติโยมจะร่วมกันคิดคือ กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท การที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแต่ละพระองค์ไม่ใช่เรื่องง่าย สี่อสงไขยแสนกัปป์ ความยืนยาวของการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ถามว่า อสงไขยหนึ่งยาวนานขนาดไหน ท่านบอกว่า เอาผ้าขาวไปกวาดภูเขาหิมาลัยทุกวันๆ จนภูเขาเป็นพื้นราบ นี้คือความยาวนานอสงไขยหนึ่ง

 

ความเป็นพุทธะอยู่ในจิตในใจเรา

คำว่าพุทธะ ถ้าแปลง่ายๆ ตามที่เราสวดมนต์คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ในความเป็นจริงแล้วมีอยู่ในจิตในใจของเราทุกผู้ทุกคน บางครั้งเราโหยหาพุทธะ เราโหยหาผู้รู้ เราโหยหานักปราชญ์บัณฑิต แต่เราลืมไปว่าความเป็นพุทธะที่อยู่ในจิตในใจเรามีอยู่ เราปล่อยให้หลับ เราปล่อยให้หลง เราปล่อยให้มืดมน เราไม่ปลุก เราไม่กระตุ้นให้ความเป็นพุทธะในตัวเราเอง เกิดขึ้นในจิตในใจเรา พระพุทธเจ้าตรัสบอกสาวกตลอดเวลาว่า อักขาตาโร ตถาคตา พุทธะเป็นเพียงผู้บอก ส่วนการประพฤติปฏิบัติเป็นของเราทุกๆคนที่จะลงมือทำ พุทธะไม่สามารถจะช่วยใครได้ ถ้าหากคนนั้นไม่มีพลังพอที่จะช่วยตัวเอง ดึงตัวเองออกจากมุมมืด มุมอับ

เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลาย เราโชคดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ โชคดีกว่านั้นมีอาการครบ ๓๒ โชคดีขึ้นอีก เรามีสติปัญญา มีพลังในการที่จะดำเนินชีวิตต่อไป แต่นั่นแหละว่าการใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะทำอย่างไรที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ เราก็ไม่รู้ว่าจะเหลือมากเท่าไหร่ พรุ่งนี้มะรืนนี้ จะยังอยู่ไหม แต่สิ่งที่คิดตลอดว่า ในขณะที่ลมหายใจเราเหลืออยู่เราจะทำอะไร เพื่อชีวิตของเราให้มันดีขึ้น

เราจะอยู่อย่างไรให้คนที่อยู่รอบข้างเรา คนที่อยู่ต่อหน้าเรา ให้มีแต่ความดีงามเกิดขึ้น ชีวิตที่เหลืออยู่เราจะฝากความดีอะไรไว้บ้างให้แก่โลกใบนี้ นี่คือสิ่งที่เราท่านทั้งหลายควรพิจารณาร่วมกัน

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here